ผู้หญิง

สาวสเตรทคืออะไร? เข้าใจอัตลักษณ์และบทบาทในสังคม

มาสำรวจโลกของ “สาวสเตรท” หรือหญิงรักต่างเพศ ผู้มีตัวตนและอัตลักษณ์ในแบบฉบับของตนเอง แต่เรื่องราวความเป็น “ผู้หญิงแท้” หรือ “สาวสเตรท” นั้น ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่บางคนเข้าใจ ในปัจจุบัน เมื่อสังคมเปิดรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น จึงเกิดคำถามว่าจริง ๆ แล้วการเป็นสาวสเตรทมีความหมายอย่างไร ต้องมีรสนิยมและวิถีชีวิตแบบไหนกันแน่

“สาวสเตรท” ไม่ได้มีแค่การกำหนดจากภายนอกโดยสังคมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเติบโตมาในวัฒนธรรมที่มักเชื่อว่าการรักเพศตรงข้ามคือเรื่องปกติ จนนำไปสู่การหล่อหลอมค่านิยมและความเชื่อที่ส่งต่อกันรุ่นแล้วรุ่นเล่า ผู้หญิงที่ถูกกำหนดบทบาทให้เป็น “สาวแท้” จึงไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดคำถามเกี่ยวกับอัตลักษณ์หรือความปรารถนาภายในจิตใจ เธออาจเคยลองทบทวนตนเอง หรือแม้กระทั่งตั้งคำถามว่าความรักของเธอเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียง “บรรทัดฐาน” ที่ถูกคาดหวัง

บทความนี้จะชวนผู้อ่านสำรวจอย่างละเอียดถึงความหมายของคำว่า “สาวสเตรท” ความเกี่ยวข้องกับประเด็นความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) รวมถึงความท้าทาย วัฒนธรรม และการแสดงออกในชีวิตประจำวัน เพื่อขยายความเข้าใจและทำให้เห็นว่าการเป็น “สาวสเตรท” นั้นไม่ได้มีอยู่อย่างโดดเดี่ยว หากแต่เชื่อมโยงกับคนรอบข้างและสังคม โดยทั้งหมดนี้เราจะเจาะลึกแบบจัดเต็มเกือบทุกแง่มุม

สาวสเตรท คืออะไร?

สาวสเตรท คืออะไร?

“สาวสเตรท” หรือ “ผู้หญิงที่รักเพศตรงข้าม” หมายถึงผู้หญิงที่มีรสนิยมทางเพศ (Sexual Orientation) แบบเฮเทอโรเซ็กชวล (Heterosexual) กล่าวคือ เธอจะรู้สึกดึงดูดและมีความรู้สึกโรแมนติกต่อผู้ชายเป็นหลัก ในหลายสังคม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การเป็นสเตรท (Straight) ถือเป็นบรรทัดฐานหลักที่ใคร ๆ ก็มักจะเข้าใจว่า “ผู้หญิงย่อมชอบผู้ชาย” โดยไม่ต้องตั้งคำถาม

อย่างไรก็ตาม ในยุคสมัยที่มีการพูดถึง LGBTQIA+ กันมากขึ้น “สาวสเตรท” จึงมักถูกนำไปเปรียบเทียบหรือเชื่อมโยงกับกลุ่มเพศหลากหลาย (Queer Community) เพื่ออธิบายความแตกต่างของรสนิยมทางเพศ อย่างเช่น กลุ่มเลสเบี้ยน (Lesbian) ที่ผู้หญิงรักผู้หญิงด้วยกัน กลุ่มไบเซ็กชวล (Bisexual) ที่เปิดกว้างกับทั้งสองเพศ หรือกลุ่มเพศอื่น ๆ สาวสเตรทจึงอยู่ในสถานะ “ส่วนใหญ่” เพราะสังคมไทยรวมถึงสังคมโลกส่วนใหญ่เติบโตมากับแนวคิดว่าการที่หญิงรักชาย ชายรักหญิงนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้เราจะมองว่าเป็นบรรทัดฐาน ก็ไม่ได้หมายความว่าสาวสเตรททุกคนจะมีประสบการณ์ชีวิตเหมือนกันเสมอไป

บทความที่เกี่ยวข้อง
Advertisement

การเปิดกว้างทางข้อมูลและการยอมรับในปัจจุบัน ทำให้ใครก็ตามที่เคยเข้าใจคำว่า “รวดเดียวจบ” หรือคิดว่าตัวเองเป็นสเตรท อาจเกิดการตั้งคำถามใหม่กับตนเองก็ได้ เมื่อเธอพบเจอความหลากหลายทางเพศรูปแบบอื่น ๆ สิ่งสำคัญคือ การเคารพอัตลักษณ์และความรู้สึกของตนเอง หากค้นพบว่าเราคือสาวสเตรท และพึงพอใจกับคำนี้ เราก็มีสิทธิ์ที่จะประกาศตนอย่างภาคภูมิใจโดยไม่จำเป็นต้องอธิบายหรือขออนุญาตจากใคร

ต้นกำเนิดของคำว่า “Straight”

คำว่า “Straight” ในบริบททางเพศถูกใช้มานานในโลกตะวันตก และแปลโดยทั่วไปว่า “ตรง” หรือ “ตรงไปตามมาตรฐานที่สังคมตั้งไว้” ซึ่งมักเน้นย้ำรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างเพศชายและเพศหญิง แต่การใช้คำว่า “ตรง” ไม่ได้หมายความว่ารสนิยมทางเพศอื่น ๆ จะผิดปกติหรือ “คดเคี้ยว” เสมอไป คำว่า Straight จึงเป็นเสมือนคำย่อหรือฉลากระบุว่า “เรารักเพศตรงข้าม”

ปัจจุบัน เมื่อคำจำกัดความของ “Straight” เดินทางมาปะทะกับแนวคิดเรื่อง Compulsory Heterosexuality หรือการถูกคาดหวังให้เป็นรักต่างเพศโดยอัตโนมัติ ทำให้เกิดบทสนทนาจำนวนมากในสังคม ว่าบางคนอาจแค่ถูกหล่อหลอมให้มองว่าความรักที่คู่ควรต้องระหว่างชาย-หญิงเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองอาจมีตัวตนเป็นอย่างอื่นด้วยซ้ำ นี่คือจุดตั้งต้นที่ทำให้หลายคนได้มองลึกลงไปในใจว่าที่ผ่านมา ความรู้สึกรักที่มีต่อผู้ชายเป็นของจริงหรือไม่ หรือถูก “บังคับ” โดยค่านิยมสังคม อย่างไรก็ดี คนที่ค้นพบว่าแท้จริงแล้วตนเองก็รักผู้ชายและไม่มีปัญหากับนิยาม “สาวสเตรท” ก็สามารถดำรงอยู่ในสถานะนี้ได้ตามสบาย

นอกจากนี้ มีนักวิชาการบางส่วนชี้ให้เห็นว่า การเป็น Straight หรือ “สเตรท” ก็มีความยืดหยุ่นมากกว่าที่คิด บางคนอาจเคยคบทั้งผู้หญิงและผู้ชายมาก่อน แต่ท้ายที่สุดเลือกจะมีหลักยึดว่าความปรารถนาทางเพศของตนคือเพศตรงข้าม มีความโรแมนติกและเสน่หาต่อผู้ชายเป็นหลัก จึงยังระบุตนเองว่าเป็น “สาวสเตรท” ในท้ายที่สุด

ทำไม “สาวสเตรท” จึงสำคัญในสังคม?

ในสังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรม “สาวสเตรท” ยังคงเป็นเสียงสำคัญ เพราะเธอเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่มีอิทธิพลทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แม้ว่าบทบาทของกลุ่ม LGBTQIA+ ก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ด้วยจำนวนและการได้รับการยอมรับจากกระแสหลักมาตั้งแต่ดั้งเดิม ทำให้สาวสเตรทสามารถเป็นแรงสนับสนุนและผลักดันอยู่เบื้องหลังได้ดี

ยกตัวอย่างด้านการขับเคลื่อนเพื่อความเท่าเทียม บางครั้ง “เสียง” ของกลุ่มหญิงรักชายอาจถูกสังคมฟังง่ายกว่ากลุ่มเพศอื่น แม้ว่าทุกคนควรจะมีสิทธิและศักดิ์ศรีเท่าเทียม แต่ความเป็นจริงทางสังคม การเป็นเสียงส่วนใหญ่ก็ยังมีอคติหรือการยอมรับที่ต่างออกไป ดังนั้น หากสาวสเตรทมีความเห็นอกเห็นใจหรือเข้าใจเพศหลากหลาย เธอสามารถร่วมผลักดันสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เบื้องต้นผ่านการเดินเคียงข้างสนับสนุน หรือท้วงติงเมื่อพบเห็นการเลือกปฏิบัติทางเพศ

นอกจากนี้ สาวสเตรทยังมีบทบาทในการสื่อสารวัฒนธรรม และรูปแบบการใช้ชีวิตที่คนส่วนใหญ่จดจำง่าย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว การสร้างภาพลักษณ์ การดูแลครอบครัว แก่นของเรื่องเหล่านี้ย่อมส่งผลให้การเป็น “ผู้หญิง” ในสังคมก้าวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยรวมแล้ว แม้ว่าสาวสเตรทจะดูเป็น “คนส่วนใหญ่” หรือ “ผู้หญิงแบบที่สังคมคาดหวัง” แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่เผชิญปัญหาหรือข้อกังขาในชีวิต

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสาวสเตรท

ความเข้าใจผิดแรก คือ “สาวสเตรท” จะไม่มีวันเข้าใจประเด็นปัญหาของคนรักเพศเดียวกันหรือกลุ่ม LGBTQIA+ ซึ่งไม่เป็นความจริงเสมอไป ผู้หญิงที่รักชายบางคนมีเพื่อนเป็นเกย์ เลสเบี้ยน ทรานส์เจนเดอร์ หรือไบเซ็กชวล แล้วก็พร้อมที่จะรับฟัง ใส่ใจ และสนับสนุนการต่อสู้เพื่อสิทธิ ความเสมอภาคทางเพศได้ พวกเธออาจไม่เคยมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการถูกกีดกันเนื่องจากรสนิยมทางเพศ แต่ก็สามารถเป็นพันธมิตรที่สำคัญได้

ความเข้าใจผิดต่อมาคือ “สาวสเตรท” ทุกคนจะต้องสนใจแต่อยากแต่งงาน มีครอบครัว และมีลูกเท่านั้น ความจริงแล้วรูปแบบชีวิตของผู้หญิงสเตรทนั้นกว้างขวาง บางคนอาจโฟกัสที่การทำงาน บางคนชอบชีวิตโสด ไม่ต้องมีคู่ก็ได้ บางคนอาจชอบเที่ยวกับเพื่อน ๆ มีความสุขกับการดูซีรีส์ ไม่ได้กำหนดว่าต้องไปตามเส้นทาง “แต่งงานและมีลูก” เสมอไป

อีกประเด็นหนึ่งที่สร้างความเข้าใจผิดคือ การเรียก “สาวสเตรท” ในเชิงดูแคลน เช่น การกล่าวหาว่าเธอเป็น “เจ้ากี้เจ้าการ” หรือ “เป็นใหญ่ในสังคมเพียงเพราะอยู่ในกลุ่มคนรักเพศตรงข้าม” ซึ่งบางครั้งก็เป็นการเหมารวม เพราะไม่ได้มีผู้หญิงสเตรททุกคนที่ต้องการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ความเด็ดขาดหรือการแสดงออกที่มั่นใจในตัวเองไม่ได้หมายความว่าเธอต้องการกดขี่คนอื่น แต่เป็นเพราะเธอรู้จักสิทธิและความชอบธรรมของผู้หญิงคนหนึ่ง

เหตุผลในการยอมรับคนหลากหลาย

แม้ว่าสาวสเตรทจะรู้สึกว่าตนอยู่ในกลุ่ม “เสียงหลัก” แต่โลกเราเดินหน้าไปได้ด้วยความหลากหลายและการเปิดกว้างทางเพศ การยอมรับและให้พื้นที่กับความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล เกย์ หรือทรานส์เจนเดอร์ ล้วนส่งผลให้สังคมแข็งแกร่งมากขึ้นเพราะทุกคนจะได้เป็นตัวเองโดยไม่ต้องหวาดกลัว อคติ หรือการรังเกียจ

สำหรับสาวสเตรทเอง การเรียนรู้เรื่องเพศหลากหลายก็เปิดโอกาสให้เธอมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของมนุษย์ ซึ่งอยู่ที่ความสามารถและอุปนิสัย มากกว่าจำกัดแค่ว่ารักเพศใด การเคารพและยอมรับนี้ยังช่วยให้เกิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนต่างรสนิยม หรือแม้แต่การเปิดกว้างทางวัฒนธรรม ยกตัวอย่างเช่น การรับชมซีรีส์วายหรือคอนเทนต์ที่สะท้อนชีวิตของคนรักเพศเดียวกัน แล้วค้นพบว่าความรักของคนเหล่านั้นก็ลุ่มลึกและสละสลวยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ในสังคมไทยเอง เรามักเห็น “สาวสเตรท” ที่สนับสนุนงานแสดงของคนหลากหลายทางเพศ หรือแม้แต่การแต่งตัวในงานแฟชั่นโชว์ที่ผสมผสานความเป็นเลสเบี้ยน เกย์ ทรานส์ ฯลฯ สาวสเตรทหลายคนไม่ได้เพียงให้การสนับสนุนเพราะเห็นว่าสวยงาม แต่ยังตระหนักว่าถ้าสังคมเปิดรับมากขึ้น ก็ย่อมดีกับทุกคนในสังคม

การเปิดเผยอัตลักษณ์ บทบาทของสาวสเตรทในผู้คนรอบข้าง

แม้การ “คัมเอาต์” (Come Out) หรือการเปิดเผยตัวตนของคนในกลุ่ม LGBTQIA+ จะเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล แต่สาวสเตรทจำนวนไม่น้อยก็อาจเป็นคนใกล้ชิด เช่น คนในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือเพื่อนร่วมงานที่รับฟังคำสารภาพหรือการเปิดเผยนั้น พวกเธอสามารถเป็น “Safe Space” หรือเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้ที่ตัดสินใจพูดความจริงเกี่ยวกับตัวเองในวันหนึ่งข้างหน้า

ด้วยความที่สังคมทั่วไปมักให้คุณค่ากับคู่ชายหญิง สาวสเตรทจึงเป็นเหมือน “สะพาน” ระหว่างกลุ่มเพศหลากหลายและผู้ที่ยังมีอคติ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคนในครอบครัวมีพี่น้องที่เป็นเลสเบี้ยน ถ้า “น้องสาวสเตรท” ช่วยอธิบายให้แม่ฟังได้อย่างนุ่มนวล ว่าเลสเบี้ยนไม่ใช่คนป่วย ไม่ใช่อะไรที่ต้องรักษา ก็อาจช่วยลดความขัดแย้ง และสร้างความเข้าใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นการมีอยู่ของสาวสเตรทที่เข้าใจโลกและพร้อมรับฟัง จึงมีความหมายมากสำหรับคนที่ต้องการการยอมรับ

เคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิใจ (แม้จะเป็น “สาวส่วนใหญ่”)

  1. เรียนรู้ตนเองตลอดเวลา: การเป็นสาวสเตรทไม่ได้หมายความว่าเธอจะหมดสิทธิ์สำรวจตัวเอง เหมือนที่ผู้คนแห่งเพศหลากหลายต่างต้องค้นหาว่าตนต้องการอะไร ทางเลือกในชีวิตและเส้นทางรักแบบไหนที่ทำให้มีความสุข โดยไม่ต้องกลัวว่าต้องเปลี่ยนฉลากหรือสถานะ ถ้าเธอพบว่าตัวเองยังชื่นชอบเพศชาย ก็สามารถเป็นสาวสเตรทที่มั่นใจต่อไปได้อย่างเต็มที่
  2. เลือกสนับสนุนความหลากหลาย: สาวสเตรทสามารถแสดงจุดยืนเคียงข้างกลุ่ม LGBTQIA+ ได้หลากหลายวิธี เช่น สนับสนุนงานศิลปะคอนเทนต์วายหรือเลสเบี้ยน โดยมองข้ามการตัดสินทางเพศ สนับสนุนองค์กรที่ทำงานเพื่อสิทธิคนข้ามเพศ หรือส่งเสริมกฎหมายที่ให้การคุ้มครองคนหลากหลายทางเพศ
  3. รักษาความเคารพซึ่งกันและกัน: เมื่อต้องพูดคุยกับคนที่มีความคิดเห็นต่าง ต่างฝ่ายต่างต้องเคารพมุมมองและเสรีภาพ เมื่อเจอคำถาม หรือใครที่ไม่เข้าใจ ทำไมสาวสเตรทถึงยินดีที่จะสนับสนุน LGBTQIA+ เราอาจอธิบายว่าทุกคนมีสิทธิเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครควรกดทับหรือใช้เกณฑ์ส่วนตัวชี้ผิดถูกได้
  4. เปิดใจกว้างเรื่องการแต่งงานหรือมีครอบครัว: แม้สังคมไทยบางส่วนคาดหวังว่า สาวสเตรทเมื่อถึงวัยหนึ่งควรต้องแต่งงาน มีลูก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อม บางคนรักอิสรภาพ ต้องการโฟกัสอาชีพ หรือเพียงต้องการเวลาถามใจตนเองก่อน อย่าคิดว่าการไม่มีพิธีแต่งงานหรือไม่อยากมีครอบครัวเป็น “ความล้มเหลว” เพราะชีวิตมีหลายเส้นทาง
  5. มองให้ไกลกว่ากรอบเพศ: หากเรามองชีวิตคนคนหนึ่งผ่านมิติความเป็นมนุษย์โดยไม่ตีกรอบว่าจะต้องเป็นหญิงชายเท่านั้น อาจค้นพบว่าในสังคม มีผู้คนหลายแบบ ทั้งด้านความคิด ทัศนคติ ไม่ใช่แค่เรื่องเพศอย่างเดียว การเปิดใจยอมรับความหลากหลายจึงทำให้เราได้พบเจอเพื่อนใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ ที่ไม่เคยคาดถึง

มุมมองรักและความสัมพันธ์ของสาวสเตรท

  1. ค้นหาตัวตนผ่านประสบการณ์: ผู้หญิงบางคนทดลองเดตหลาย ๆ รูปแบบ บางคนอาจเคยคบผู้หญิงด้วยซ้ำ แล้วค่อยสรุปในภายหลังว่าตัวเองเป็นสเตรท เพราะพบว่าท้ายสุดแล้วจะมีความสุขกับการมีคู่รักเป็นผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องตีความว่าการเคยตกหลุมรักผู้หญิงสักครั้งในชีวิตจะทำให้เธอสูญเสียสถานะ “สเตรท” เสมอไป
  2. วัฒนธรรมการจีบและการแต่งงาน: ในอดีต การจีบกันระหว่างชายหญิงมักเป็นฝ่ายชายรุก สาวสเตรทจึงมักรอให้ผู้ชายเข้ามาแสดงความสนใจ หรือไม่ก็เข้าสังคมเพื่อเปิดโอกาสสร้างครอบครัว อย่างไรก็ดี สังคมเปลี่ยนไปมากแล้ว บางคนเลือกรุกก่อน บางคนไม่อยากแต่งงาน บางคนในโลกโซเชียลเลือกที่จะดูแลความสุขของตนเองมากกว่าเอาชีวิตผูกติดใคร
  3. การจัดการความคาดหวังในครอบครัว: ด้วยการเป็น “ทางเลือกหลัก” ในสังคมไทย บ่อยครั้งสาวสเตรทอาจเจอแรงกดดันจากพ่อแม่ให้แต่งงาน มีลูก เพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูล หรือเพื่อไม่ให้ “หลุดโผ” จากคนอื่น ๆ ถือเป็นช่วงท้าทายที่เธอต้องตัดสินใจตามความต้องการของตัวเอง ควบคู่กับการให้ข้อมูลกับคนรอบข้างว่าการแต่งงานไม่ได้นิยามความสำเร็จในชีวิต
  4. ชุดความคิดเรื่องความโรแมนติก: บทเพลง ภาพยนตร์ หรือสื่อในกระแสหลักมักเล่าเรื่องความรักชายหญิงอย่างมีสีสัน ทำให้สาวสเตรทบางคนก็โหยหาความโรแมนติกแบบในหนัง แต่เมื่อเข้าสู่ชีวิตจริงอาจพบว่าความรักต้องอาศัยความเข้าใจกันมากกว่าเพียงฉากหวือหวาโรแมนติก การประคองความสัมพันธ์อาจซับซ้อน และบางครั้งก็จำเป็นต้องเจรจาเพื่อให้พบทางออกที่ลงตัวทั้งสองฝ่าย

สาวสเตรทในสังคมไทย

สังคมไทยขึ้นชื่อว่าเปิดรับความหลากหลายทางเพศในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีความย้อนแย้งในหลายบริบท ตัวอย่างเช่น มีคนยอมรับการแสดงออกทางเพศของ “สาวประเภทสอง” ในเวทีนางงาม แต่ในกระบวนการกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิในการสมรสของคนรักเพศเดียวกันกลับยังมีอุปสรรคอยู่

ขณะเดียวกัน สาวสเตรทในเมืองไทยเองก็ต้องเผชิญกับค่านิยมว่าผู้หญิงควรสุภาพ เรียบร้อย ยอมผู้ชาย หรือมีบทบาทเป็นเสาหลักในครัวเรือน ดูแลเรื่องอาหารการกินและลูกหลาน แม้โลกยุคใหม่ทำให้ผู้หญิงหลายคนเป็นผู้นำในสายงานต่าง ๆ ได้เช่นกัน แต่กระแสอนุรักษ์นิยมก็อาจทำให้หลายคนอึดอัดไม่น้อย

ในแง่ของพฤติกรรมการบริโภคสื่อของสาวสเตรทไทย บางคนสนุกกับซีรีส์วาย ซึ่งนำเสนอเรื่องรักระหว่างชายกับชาย เพราะรู้สึกถึงความโรแมนติกหรืออยากหลีกหนีจากเรื่องซ้ำซากในชีวิตตนเอง และยังช่วยเปิดมุมมองว่าความรักของคนเพศเดียวกันก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจ นอกจากนี้ สาวสเตรทจำนวนมากยังนิยมเสพคอนเทนต์สากลที่มีการสะท้อนความหลากหลายทางเพศ เพื่อเรียนรู้โลกกว้างและเพิ่มเติมทัศนคติที่ยอมรับตัวตนของผู้อื่น

สาวสเตรทกับสื่อบันเทิง

สื่อบันเทิงมีอิทธิพลต่อการสร้างค่านิยมและโลกทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ โดยในมุมของ “สาวสเตรท” เธออาจปรากฏตัวในบทเด่นที่สื่อหยิบมาเล่าแบบ “ผู้หญิงเจอผู้ชายสุดเพอร์เฟ็กต์” แต่ก็มีหลายเรื่องที่ผู้กำกับเลือกสะท้อนว่าสาวสเตรทอาจมีชีวิตที่ซับซ้อน เธออาจต้องเลือกระหว่างอิสระในการเดินทางทั่วโลกกับการสร้างครอบครัว เธออาจต้องต่อสู้กับหน้าที่การงานที่ถูกกดดันจากเจ้านาย

อีกด้านหนึ่ง สาวสเตรทก็เป็นกลุ่มผู้ชมหลักที่เปิดรับซีรีส์รักเพศเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Boy’s Love (BL) หรือ Girl’s Love (GL) ทำให้เกิดกระแส “วายฟีเวอร์” และการสนับสนุนนักแสดงอย่างล้นหลาม ถึงขั้นส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ปรากฏการณ์นี้ก็สะท้อนว่าสาวสเตรทสามารถมีส่วนขับเคลื่อนวงการบันเทิงได้ ด้วยความเปิดใจรับความหลากหลาย รู้สึกสนุกกับพล็อตเรื่องที่ไม่จำกัดแค่ “ชายหญิง” เท่านั้น

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

ส่งท้าย

หากสังเกตจากแง่มุมต่าง ๆ ของ “สาวสเตรท” จะเห็นว่า การเป็นผู้หญิงที่รักเพศตรงข้ามนั้นมีหลากหลายมิติให้ขบคิด ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาเติบโตที่สังคมอาจ “ชี้นำ” ให้เชื่อว่าเป็นรูปแบบความรักเดียวที่เหมาะสม หรือการเลือกว่าเธอจะสนับสนุนหรือช่วยเหลือกลุ่มคนหลากหลายทางเพศมากน้อยเพียงใด ไปจนถึงเรื่องราวความรักและชีวิตครอบครัวที่ไม่จำเป็นต้องเดินตามแบบแผนเสมอไป สิ่งสำคัญคือ สาวสเตรทก็เช่นเดียวกับทุกคน คือมีสิทธิที่จะนิยามตัวเอง เลือกเส้นทางชีวิต และเคารพอัตลักษณ์ของผู้อื่น

โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก บทบาทของผู้หญิงในสังคมก็กำลังเปลี่ยนตามไปด้วย ทั้งเทคโนโลยี สังคมออนไลน์ และกระแสการทวงคืนสิทธิของกลุ่มเพศหลากหลาย ล้วนส่งผลให้คำว่า “Straight” ไม่ใช่ฉลากตายตัว หากแต่เป็นอีกหนึ่งอัตลักษณ์ที่สามารถยืนยันความเป็นตัวเอง และขณะเดียวกันก็อยู่ร่วมกับเพศอื่นได้อย่างสง่างาม

หากคุณคือสาวสเตรท หรือกำลังตั้งคำถามว่าสถานะทางเพศของตัวเองเป็นแบบไหน ขอให้ลองเปิดใจกว้าง ๆ เรียนรู้และค้นหาทางเลือกในชีวิตด้วยความเข้าอกเข้าใจ เมื่อมั่นใจแล้วก็จงเดินหน้าต่อไปอย่างภาคภูมิใจ หากต้องเจอคำวิพากษ์วิจารณ์หรือแรงกดดันจากสังคม ก็อย่าลืมว่าตัวเราเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริง สำหรับผู้อ่านท่านอื่นที่มีเพื่อนสาวสเตรท หรือญาติพี่น้องอยู่ในกลุ่มนี้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้พื้นที่ปลอดภัยกันได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วจุดมุ่งหมายของการอยู่ร่วมกันในสังคม คือการเคารพความหลากหลาย และส่งเสริมให้ทุกคนมีชีวิตที่สมบูรณ์เท่าเทียม

ขอเชิญชวนให้ผู้อ่านร่วมแชร์บทความนี้ต่อ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในช่องทางต่าง ๆ เพื่อสร้างบทสนทนาใหม่ ๆ และต่อยอดเราไปสู่สังคมที่ผู้หญิงทุกคนไม่ว่าจะเป็นสเตรทหรือไม่ก็ตาม สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นธรรม ชัดเจน และมีเสรีภาพในแบบที่ตนเองต้องการ

Advertisement

กดเพื่ออ่านต่อ
Advertisement

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button