สัญญาณเริ่มต้นและอาการคนท้อง สาว ๆ ควรรู้ไว้เลย!

อาการที่บ่งบอกว่ากำลังตั้งท้องของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้ท้องเป็นสิวและเจ็บหน้าอก ไปจนถึงอารมณ์แปรปรวนในแต่ละคนและการตั้งครรภ์แต่ละครั้งจะแตกต่างกัน

อาการคนท้องในช่วงต้น

โดยปกติประจำเดือนของผู้หญิงจะมีระยะเวลาประมาณ 21-35 วัน และมาใกล้เคียงกันทุกเดือน แต่ถ้าหากประจำเดือนเกิดขาดหายไปนานเกินกว่า 10 วัน นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกได้ว่า “กำลังตั้งครรภ์” เนื่องจากเมื่อไข่กับตัวอสุจิเริ่มปฏิสนธิกัน ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) จำนวนมากออกมา เพื่อยับยั้งไม่ให้ผนังมดลูกหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน อย่างไรก็ตาม การขาดของประจำเดือนก็อาจมาจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่การตั้งครรภ์ก็ได้ เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง รู้สึกเครียดมากจนเกินไปจนทำให้ไข่ไม่ตก หรือเป็นโรคบางอย่างก็อาจมีผลต่อการขาดประจำเดือนได้ เช่น โรคของระบบต่อมไร้ท่อ เบาหวาน โรคเกี่ยวกับรังไข่ เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่มที่มีรอบเดือนมาไม่แน่นอนอยู่แล้ว

คนส่วนใหญ่ที่ไม่แสดงอาการเหล่านี้ก็ยังมีการตั้งครรภ์ หากคุณไม่สบายใจให้ทำการตรวจการตั้งครรภ์หรือไปอัลตร้าซาวด์ วิธีตรวจการตั้งครรภ์ที่สะดวกและง่ายที่สุด คือ การตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถหาได้ตามร้านสะดวกซื้อ และร้านขายยา อุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์โดยการตรวจปัสสาวะ มีอยู่ 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบจุ่ม (Test Strip), แบบหยด (Pregnancy Test Cassette) หรือแบบปัสสาวะผ่าน (Pregnancy Midstream Tests) ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะราคาที่ไม่แพง และสะดวกในการใช้งาน

การแสดงผลการตรวจของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ จะแสดงเป็นแถบขีดสี (ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง) อย่างที่รู้กันว่า 2 ขีดคือ ผลบวก แสดงว่า มีโอกาสตั้งครรภ์สูง และ ขีดเดียว คือ ผลลบ แสดงว่าไม่ตั้งครรภ์ เพื่อความแน่นอนควรสอบถามหมอสูติโดยตรง

อาการแพ้ท้อง

อาการแพ้ท้องที่ทรมานจะทำย่างไรดี “อาการแพ้ท้อง” เป็นหนึ่งในสัญญาณของการตั้งครรภ์ โดยปกติจะรู้สึกอึดอัดท้องและหน้าอกจนอาเจียนออกมา ซึ่งเป็นอาการที่เห็นได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของการตั้งครรภ์ และหากเป็นผู้ที่มีอาการแพ้ท้องเร็ว อาจจะเริ่มมีอาการในช่วงที่รู้สึกว่า “รอบประจำเดือนมาช้า”　มีหลายกรณีที่มีอาการแพ้ท้องตั้งแต่ประมาณ 4 สัปดาห์จนถึงประมาณ 15 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ และช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดส่วนใหญ่จะเป็นช่วง 8 – 9 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์

แต่ช่วงเวลาของอาการแพ้ท้องจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน มีบางคนที่อาการแพ้ท้องบรรเทาลงตอนตั้งครรภ์ประมาณ 10 สัปดาห์ และมีบางคนที่มีอาการแพ้ท้องไปจนถึงช่วงหลังตั้งครรภ์ หรือมีบางคนที่ไม่มีประสบการณ์การแพ้ท้องเลย

เจ็บเต้านม

มีอาการเจ็บหน้าอกมักจะเป็นหนึ่งในสัญญาณทางร่างกายเป็นครั้งแรกของการตั้งครรภ์ หัวนม และลานนมมีสีเข้ม หรือคล้ำขึ้น รวมถึงเต้านมขยายขนาด เป็นอาการที่เกิดจากฮอร์โมน เพราะหน้าอกเตรียมความพร้อมสำหรับให้นมบุตร, Estrogen และ Progesterone เพิ่มขึ้นและก่อให้เกิดความอ่อนโยน

ปัสสาวะบ่อย

หากคุณเข้าห้องน้ำมากกว่าปกตินั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ การปัสสาวะบ่อย เป็นเรื่องปกติในช่วงต้นของอาการคนท้องเนื่องจากมดลูกที่โตขึ้น จึงไปเบียดกับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีอาการปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ

ความเหนื่อยล้า

การลืมตาไม่ขึ้นหรือต้องงีบหลับเป็นประจำก็เป็นอาการของการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ความเหนื่อยล้าเกิดขึ้นในช่วงต้นสำหรับพ่อแม่บางคนเนื่องจากร่างกายของพวกเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเพื่อเตรียมอุ้มทารก นอกจากนี้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเป็นตัวกดระบบประสาทส่วนกลางมีส่วนทำให้ง่วงนอน

รู้สึกวิงเวียน

อาการปวดหัวเป็นหนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย การขยายหลอดเลือดอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะในหญิงตั้งครรภ์ คุณอาจรู้สึกเวียนหัวเป็นบางครั้ง แต่โดยปกติจะเป็นในช่วงแรกเท่านั้น

ตะคริว

บางคนจะมีอาการเป็นตะคริวในมดลูกในช่วงแรก ๆ เนื่องจากมดลูกเริ่มยืดและมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เป็นผลมาจากมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับทารก ถ้าตะคริวมาพร้อมกับเลือดออกควรรายงานไปยังแพทย์ของคุณทันที

สิว

สาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดสิวในช่วงตั้งครรภ์เป็นผลมาจากฮอร์โมนข้างต้นที่มีระดับสูงขึ้น ฮอร์โมนเหล่านี้จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกให้มีพัฒนาการอย่างสมบูรณ์ และยังส่งสารอาหารที่เป็นประโยชน์ผ่านทางรกเพื่อให้ลูกน้อยมีชีวิตเติบโตอยู่ในท้องแม่ ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนที่เพิ่มขึ้นสูงสุดช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้ายส่งผลให้เกิดสิวอักเสบมากขึ้น และเกิดภาวะขนดกทั่วร่างกาย หลายคนรู้สึกว่าผิวหนังหนาขึ้นด้วย

ตกขาว

ตกขาวโดยไม่มีอาการคันหรือแสบร้อนอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์และสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงแรก ๆ ปากมดลูกกำลังสร้างเมือกเพื่อปิดกั้นการเปิดของปากมดลูกและช่วยปกป้องลูกน้อยของคุณจากการติดเชื้อ ในช่วงการเปลี่ยนแปลงนี้คุณอาจสังเกตเห็นสารคัดหลั่งในช่องคลอดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

แต่ถ้าหากตกขาวมีลักษณะผิดปกติไป เช่น มีสีเขียว สีเหลือง และมีอาการคันระคายเคืองร่วมด้วยอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อบางอย่าง ซึ่งควรจะไปพบแพทย์

ไวต่อกลิ่น

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน Beta-hCG ในร่างกายขณะตั้งครรภ์ ส่งผลให้ฮอร์โมนอื่น ๆ เพิ่มสูงขึ้นตาม จึงทำให้จมูกรับกลิ่นเซนซิทีฟมากขึ้น จนถึงขั้นเหม็นจนอาเจียน หรือที่เรียกกันว่าเป็นอาหารแพ้ท้องนั่นเอง ซึ่งอาการเหล่านี้ของคุณแม่มักจะดีขึ้นหลัง 12-16 สัปดาห์

ส่วนใหญ่คุณแม่ท้องมักจะไวต่อกลิ่นอาหารเป็นพิเศษ เช่น กลิ่นขณะหุงข้าว กลิ่นไอน้ำจากของต้ม กลิ่นน้ำหอมจากเครื่องสำอางและสกินแคร์ หรือกลิ่นน้ำหอมสุดโปรดก็อาจจะกลายเป็นเหม็นได้ นอกจากนี้คุณแม่บางท่านอาจเหม็นกลิ่นภายในบ้าน

อารมณ์แปรปรวน

เป็นเรื่องปกติที่คุณแม่จะมีอารมณ์แปรปรวนโดยเฉพาะในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ที่ภรรยาต้องเผชิญกับอาการแพ้ท้องและเหน็ดเหนื่อยหมดแรงช่วงนี้ฮอร์โมนของเธอจะปั่นป่วนทำให้ร่างกายและจิตใจเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจทำให้คนท้องบางคนมีอาการเครียด กังวล กระทั่งเป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือมีปัญหาทางจิตอย่างอื่นได้ อีกทั้งภาวะดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อทารกที่อยู่ในครรภ์ด้วยหากคุณแม่ไม่รู้ตัวหรือไม่ได้เข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง ดังนั้น หากเกิดภาวะอารมณ์แปรปรวนขึ้นในขณะอุ้มท้อง คุณแม่ควรเรียนรู้วิธีจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นและไปพบแพทย์เมื่อต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำ

ท้องผูก

โปรเจสเตอโรนในร่างกายส่งผลกระทบต่อกระบวนการต่าง ๆ รวมถึงการย่อยอาหาร ระดับของฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้เกิดการย่อยอาหารช้าลงและในที่สุดก็ท้องผูก รวมทั้งเกิดจากการขยายตัวของมดลูกที่ไปเบียดเข้ากับลำไส้ใหญ่ส่งผลให้การบีบตัวของลำไส้ลดลง ทำให้อาหารย่อยยาก ย่อยได้ช้าลง มีลมในกระเพาะมาก

ความต้องการทางเพศเปลี่ยนแปลง

อาการคนท้องในระยะแรกที่ทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงยังส่งผลกระทบไปยังภาวะทางอารมณ์ ทำให้แม่ท้องบางรายอาจมีความต้องการทางเพศลดลง หรือบางรายอาจเพิ่มขึ้นได้