สาว ๆ หลายคนเคยสงสัยกันว่า ทำไมถึงรู้สึกอยากกินโน่นนี่ในช่วงที่มีประจำเดือน พร้อมแนะนำอาหารที่สาว ๆ ควรกินและห้ามกินอะไร เพื่อเสริมสร้างเม็ดเลือดที่สูญเสียไป
ประจำเดือน (Amenorrhea)
ประจำเดือน (Menstruation) หมายถึง การที่มีเลือดออกมาทางช่องคลอดเป็นประจำทุกเดือน เป็นอาการแสดงความพร้อมของร่างกายสู่การเจริญพันธุ์ ประจำเดือนเกิดจากการที่สมองหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองมากระตุ้นรังไข่ให้สร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และ โปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น เพื่อเตรียมรอรับการฝังตัวของตัวอ่อน ในแต่ละเดือนจะมีไข่ตกเดือนละ 1 ฟอง หากไม่มีการปฎิสนธิหรือไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น เยื่อบุโพรงมดลูกที่เตรียมไว้รอรับตัวอ่อนก็จะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน
ปวดประจําเดือนห้ามกินอะไร
ปวดท้องประจำเดือน อาหารและเครื่องดื่มบางประเภทจะมีผลต่ออาการปวดท้อง เกิดจากการรับประทานอาหารบางชนิดเข้าไป มาดูกันอาหารชนิดใดที่กินแล้ว ที่จะส่งผลเสียต่อร่างกาย และควรหลีกเลี่ยง
1. ผลไม้ที่มีรสฝาด
ผลไม้ที่มีรสฝาด จากบางการศึกษาระบุว่าการได้รับแทนนินมากเกินไปอาจส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก
2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ในช่วงมีประจำเดือน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงมีประจำเดือนจะส่งผลให้อาการช่วงมีประจำเดือนหนักขึ้น แถมยังส่งผลให้ปวดท้องประจำเดือนแบบสุด ๆ เลยด้วย เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์เช่นเดียวกับยาลดความเข้มข้นของเลือด และทำให้ระบบไหลเวียนเลือดเพิ่มขึ้น อันเป็นสาเหตุของความรู้สึกอัดอัดไม่สบายตัว
3. กาแฟ
การเลี่ยงการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอาจจะเป็นสิ่งที่อยากที่สุดสำหรับคนติดคาเฟอีน การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในช่วงมีประจำเดือนจะทำให้ปวดประจำเดือนมากขึ้น และยังส่งผลให้นอนหลับยาก และเกิดอารมณ์ซึมเศร้าได้มากขึ้นอีกด้วย ควรเปลี่ยนมาดื่มชาจะดีกว่า เพราะชาบางชนิดก็ไม่มีคาเฟอีน หรือถ้ามีก็มีในปริมาณที่้น้อยกว่ากาแฟ
4. เนื้อสัตว์ติดมัน
เพราะไขมันจากสัตว์ส่วนใหญ่เป็นไขมันอิ่มตัว ไขมันอิ่มตัวเป็นสาเหตุของอาการปวดและการอักเสบต่าง ๆ โดยเฉพาะถ้าหากมีอาการปวดประจำเดือนอยู่แล้ว และยิ่งรับประทานเนื้อสัตว์ติดมันเข้าไปด้วยไขมันอิ่มตัวในเนื้อสัตว์จะยิ่งทำให้อาการยิ่งแย่ลง เพราะฉะนั้นไม่อยากจะปวดท้องประจำเดือนเพิ่มมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมันแล้วรับประทานเนื้อสัตว์ไขมันน้อยไปก่อนดีกว่า เช่น ปลา ,อกไก่ ,ไข่ขาว ,ลูกชิ้นปลา ,เลือดหมู ,เลือดไก่
5. ขนมหวาน
การรับประทานของหวานในช่วงมีประจำเดือน จะเป็นการกระตุ้นให้ปวดประจำเดือนมากขึ้น
6. อาหารสำเร็จรูป
ควรลดอาหารสำเร็จรูปเพราะจะทำให้บวม โดยเฉพาะอาหารที่มีโซเดียมสูงเพราะจะทำให้ท้องอืดและรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว ควรรับประทานอาหารที่สดใหม่
ปวดประจําเดือนควรกินอะไร
1. น้ำเต้าหู้
ในน้ำเต้าหู้ มีฮอร์โมนเพศหญิง ที่สามารถบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้ และช่วยลดการเกิดอาการ ปวดประจำเดือน ได้เป็นอย่างดี หากต้องการให้เกิดผลดีที่สุด ควรกินก่อนประจำเดือนมาประมาณ 1 สัปดาห์
2. ผักผลไม้
ผักผลไม้ที่มีกากใยสูง มีส่วนช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ เพราะนอกจากกากใยในผักผลไม้ จะทำหน้าที่ดักจับฮอร์โมนเอสโตรเจนส่วนเกิน และกำจัดทิ้งไป ทำให้มดลูกไม่หดตัวมากเกินไปแล้ว ผักผลไม้ที่มีแมกนีเซียม และวิตามินซีสูง ยังช่วยบรรเทาอาการปวดเกร็งท้องได้ดีด้วย หรืออาจกินสมุนไพรอย่าง ตังกุย ที่มีสรรพคุณในการช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดลดการบีบตัว และลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อมดลูกได้เช่นกัน
3. ปลาทะเล
ปลาทะเล เช่น ปลากระพง ปลาทู ปลาแซลมอน เป็นต้น เป็นปลาที่อุดมไปด้วยกรด EPA และ DHA ที่มีคุณสมบัติการในการ ช่วยลดอาการปวดเกร็งในช่องท้องได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก และยังช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรงได้
4. ขิง
ขิง เป็นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการปวด และอาการต่าง ๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ค่อยดีในช่วงที่มีประจำเดือน แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ในวันแดงเดือดอีกด้วย
5. มะละกอ
มะละกอเป็นผลไม้ที่ช่วยแก้อาการปวดท้องประจำเดือนได้ แถมยังมีสารอาหารเพียบทั้ง แคโรทีน เหล็ก แคลเซียม วิตามินเอและซี ที่ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ แค่กินมะละกอก่อนเป็นประจำเดือน เวลาเป็นประจำเดือนก็จะได้ไม่ต้องทรมานกับอาการปวดท้องหนักมาก
6. ใบโหระพา
ในใบโหระพามีกรดคาเฟอิกที่เป็นเสมือนยาบรรเทาอาการปวดอยู่ ซึ่งหากปวดประจำเดือนมาก ๆ แทนที่จะพึ่งยาเม็ดอย่างที่เคย ก็ลองนำใบโหระพาสัก 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำร้อน 1 ถ้วย ปิดให้สนิทแล้วทิ้งไว้จนกว่าจะเย็น แล้วดื่มทุก ๆ ชั่วโมงเพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือน หรือจะใส่ใบโหระพาสด ๆ ลงบนอาหารจานโปรดก็ได้