“เรือใบ” ช้ำหนักแพ้เป็นเกมที่ 3 ติดต่อกันทุกรายการ ข้างหลังล่าสุดโดน ลิเวอร์พูล บุกมาซ้ำเติมชัยทั้งๆที่ผู้ร่วมทีม “เป๊ป” นำแม้กระนั้นไก่โห่แต่ว่าเจอความเด็ดขาดของ ซาลาห์ แล้วก็ฟีร์มีโน่ พาทีมบุกมาคว้าชัยถึงเอติฮัด 2-1 ทะลุเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 5-1 ซึ่งเป็นหนแรกในรอบ 10 ปี ที่ “หงส์แดง” ทะลุเข้ามาเล่นในรอบตัดเชือก
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เกมแรกบุกไปแพ้มาก่อนถึง 0-3 แถมปัจจุบันชวดสังสรรค์แชมป์พรีเมียร์ลีกข้างหลังพ่ายแพ้ใน เอดิฮัด สเตเดี้ยม หนแรกในรอบ 27 เกมให้แก่อริร่วมเมือง “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด 2-3 เกมนี้ไม่มีทางเลือกจำต้องฝ่าแหลกทวงประตูคืน
สิ่งเดียว แนวรุก เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” เป็นแค่สำรองส่ง กาเบรียล เชซุส หน้าเป้าโดยมีแนวรุกช่วยเหลือทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิง, กางร์ที่นาโด้ สิลวา, ดาบิด ซิลบา, ลีรอย ซาเน่ แล้วก็เควิน เดอ บรอยน์
ส่วนฝั่ง “หงส์แดง” ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เกมนี้ไม่มีแค่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ติดโทษแบน ส่วน เอมเร่ ชาน เจ็บยาว ทำให้ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม และเจมส์ มิลเนอร์ ลงคุมดินแดนกลางร่วมกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน โดยมีสามแนวรุกหน้า
ประจำอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และก็ซาดิโอ มาเน่
ประเดิมมาเพียงแค่ 2 นาที แฟนเรือใบสีฟ้าได้เฮลั่นกันทั้งสนาม เมื่อ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ โดน สเตอร์ลิง วิ่งมากมายดดันจนถึงเปิดบอลพลาด แฟร์นันดินโญ่ แทงบอลทะลุแนวรับกลุ่มเยือนถึง สเตอร์ลิง ก่อนสมัยก่อนปีกหงส์แดงจะเฉือนเข้ากึ่งกลางให้ กาเบรียล เชซุส
วิ่งมายิงเสาแรกเข้าไป แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0
นาที 14 ประวัติศาสตร์เกือบจะซ้ำรอยเหมือนเกมพรีเมียร์ลีกที่สนามที่นี้ ซาดิโอ มาเน่ ล้มตัวสไลด์เข้าช้าไปที่ลำตัวของ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ทำเอา เอแดร์ซอน โจทก์เก่าถึงกับเข้ามาเอาเรื่อง ปรากฏว่า มาเน่ กับ เอแดร์ชอน รับใบเหลืองไปทั้งสอง
รูปเกมเป็นสิตี้ที่พับสนามบุกแหลกอยู่ฝ่ายเดียว จังหวะนี้ แบร์ทุ่งนาร์โด้ ซิลวา ได้บอลด้านขวาแล้วตบกลับมาหน้าจุดโทษให้ เควิน เดอ บรอยน์ ยิงไม่ผ่านมือ ลอริส ค้างริอุส นาที 27
โอกาสของกลุ่มเรือใบสีฟ้าอีกครั้งในนาที 39 เป็นบอลโยนยาวเข้าเขตโทษด้านขวามาให้ แบร์ที่นาร์โด้ เอาลงได้แล้วล็อกหนี แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มายิงด้วยซ้ายติดไซด์ก้อยออกเสาสองไป
สองนาทีถัดมา ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า น่าได้ลูกลำดับที่สองเป็นอย่างมาก เป็น กางร์ทุ่งนาร์โด้ อีกแล้วที่ได้แต่งเข้าซ้ายยิงเต็มข้อลักษณะเดิม ลูกแฉลบหัว เดกระทั่งถึง ลอฟเรน ไปชนเสาอย่างโชคร้าย
เจ้าถิ่นส่งบอลกระทบตาข่ายได้อีกหนนาที 42 จากลูกเปิดเข้ามาทางซ้าย คาริอุส ออกมาชกบอลไม่ดี ลูกกระดอนไปเข้าทาง ลีรอย ซาเน่ ยิงไม่เหลือ แม้กระนั้นผู้ตัดสินเป่าเป็นล้ำหน้าของ ซาเน่ ไปก่อน เลยไม่ได้ประตู
นาที 45 กลุ่มเยี่ยมได้ลุ้นบ้าง จากการโต้กลับขึ้นมา โม ซาลาห์ ได้บอลในเขตโทษด้านขวาแล้วจ่ายให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-เชมเบอร์เลน แตะหนี เอแดร์ชอน ไปสุดแท้แต่ดันยิงผ่านคานน่าผิดหวัง หมดครึ่งแรกที่สกอร์แมนฯ ซิตี้นำ 1-0 พวกเขายังอยากได้
อีก 2 ประตูโดยที่ห้ามเสีย
ช่วงหลังเริ่ม ปรากฏว่ามีการไล่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขึ้นไปบนอัฒจรรย์ผู้ชมเป็นที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ภายหลังที่ปรึกษาชาวสแปนิชไปประท้วงผู้ตัดสินอย่างหนักในครึ่งแรก ถึงลูกที่กลุ่มมิได้ประตู
ลิเวอร์พูลตีเสมอเป็น 1-1 นาทีที่ 56 เป็นจังหวะโต้ขึ้นมาทาง ซาลาห์ จิ้มต่อให้ มาเน่ เกี่ยวเข้าจุดโทษไปติดมือ เอแดร์ชอน ที่ออกมารวบได้เร็ว แม้กระนั้นไม่สามารถที่จะรับบอลเข้ามือได้ แล้วก็เป็น ซาลาห์ ปรี่เข้ามาถึงลูกก่อนแตะต้องหนี เอแดร์ซอน แล้วชิพด้วยซ้ายข้าม โอตาเมนดี้ เข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างเลิศ ถึงตอนนี้สิตี้งานงอกจำเป็นต้องยิงอีก 4 ลูกเพื่อเข้ารอบ
ทีมเรือใบสีฟ้ายังครอบครองบอลบุก พร้อมกับส่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ที่เพิ่งจะหายเจ็บลงมา และก็ในนาที 70 บอลมาที่ เอเมริก ลาป๊อร์กต์ ยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษไถลหัว ลอฟเรน หลุดเสาแรกนิดนึง
นาที 77 หงส์แดงแซงนำ 2 – 1 เมื่อ คายล์ วอลเกอร์ พลาดเตะบอลไปติด โรกางร์โต้ ฟีร์มิโน่ หอกบราสิมันก็เลยลากเข้าจุดโทษทางด้านซ้ายไปแปด้วยขวาแทงเสาสองนิ่มๆ
แล้วไม่มีประตูเพิ่มแล้ว จบเกม ลิเวอร์พูลชนะแมนฯ ซิตี้ 2 – 1 ย้ำชัยนัดที่สอง สกอร์รวม 5 – 1 นำมาซึ่งการทำให้ “หงส์แดง” ทะลุเข้าไปเล่นในรอบตัดเชือกในรอบ 10 ปี
โดยจะมีการจับสลากเกาะติดคู่ในรอบรองชนะเลิศ วันศุกร์ที่ 13 เม.ย.นี้ ที่เมืองนียง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มเวลา 18.00 น. (ตามเวลาของประเทศไทย)