ร้านค้าออนไลน์สมัยนี้เกิดขึ้นใหม่ทุกวัน แข่งกันสูงมาก! ก่อนจะตั้งตัวขายอะไรดี คิดชื่อร้านเก๋ๆไว้สะกดสายตาลูกค้าก่อนเป็นอันดับแรก อยากรู้ต้องเริ่มตรงไหน ต้องเลือกยังไง วันนี้มีไกด์มาฝาก รับรองตั้งชื่อได้เป๊ะ แถมเสริมเฮง!
ทำไมต้องเลือกชื่อร้านให้ดี?
- สร้างการจดจำง่ายๆ ลูกค้าเห็นแว้บเดียวก็นึกออกว่าร้านเราขายอะไร สไตล์ไหน จำได้แม่นๆแบบนี้โอกาสกลับมาซื้อก็สูงตาม
- บอกตัวตนของร้าน แค่ชื่อเดียวก็ช่วยบอกว่าร้านเรามีความเป็นตัวของตัวเอง สายหวาน สายเรียบหรู หรือสายมินิมอล ลูกค้าเข้าถึงสไตล์ง่ายขึ้น
- แสดงความน่าเชื่อถือ ชื่อร้านฟังดูมีความหมาย ดูโปร เข้าถึงง่าย บ่งบอกให้ลูกค้ารู้สึกอุ่นใจ กล้าเลือกซื้อได้ ไร้กังวลว่าจะถูกหลอก
ตั้งชื่อร้านออนไลน์ยังไงให้ยอดขายพุ่ง
- ใช้ตัวเลขมงคล เสริมดวงเฮงๆ คนไทยหลายคนชอบเรื่องดูดวง อยากเริ่มธุรกิจอะไรก็อยากมีความมงคลติดตัว ถ้าเลือกใช้ตัวเลขดีๆ ที่คำนวณตามศาสตร์ความเชื่อ เสริมดวงการค้าการขายปังๆ
- ตั้งชื่อสั้น กระชับ อ่านแล้วติดหู ไม่ต้องชื่อยาวเหยียดจนจำยาก แค่ 1-2 พยางค์ก็ชิคได้ หรือใส่สัญลักษณ์นิดๆ ให้เห็นเด่นสะดุดตา น่าคลิกกว่ากันเยอะ
- เลือกคำที่มีความหมายดีๆ ชื่อที่มีความหมายดี เช่น รวย โชคดี มั่งคั่ง ใครอ่านก็นึกถึงสิ่งดีๆ ช่วยดึงดูดใจ หรือถ้าเลือกใช้คำภาษาไทยก็ดูเก๋ไปอีกแบบ
อยากตั้งชื่อไม่ซ้ำ 10 ไอเดียตั้งชื่อร้านออนไลน์
- ไอเดียที่ 1: ชื่อสากลเก๋ๆ ลองใช้คำฮิตภาษาอังกฤษ ให้ความรู้สึกเท่ๆ ดูโปร และดึงดูดสายตา เช่น “Bloom” (บานสะพรั่ง) “Delight” (ความสุข) หรือ “Stellar” (ยอดเยี่ยม)
- ไอเดียที่ 2: เล่นคำภาษาไทยสุดชิค หาคำที่มีสัมผัสกันหรือพ้องเสียง ดูน่ารัก ฟังเพลิน อย่างเช่น “ชิคช้อป” “สวยสั่งได้” หรือ “ดีต่อใจ”
- ไอเดียที่ 3: ตั้งชื่อตามสินค้าที่ขาย ชัดเจน เข้าใจง่าย เหมาะกับร้านที่ขายของเฉพาะอย่าง เช่น “เคสสวยสวย” “เดรสปังปัง” หรือ “ต้นไม้มินิมอล”
- ไอเดียที่ 4: คีย์เวิร์ดติดหู ติดตลาด เอาคำค้นหายอดนิยมมาตั้งเป็นชื่อ แค่ลูกค้าพิมพ์หาร้านก็อาจจะเจอคุณก่อนเลย เช่น “เสื้อผ้าแฟชั่น” “มือถือราคาถูก” หรือ “รีวิวเครื่องสำอาง”
- ไอเดียที่ 5: ชื่อแฝงความหมายดีๆ ใช้คำเชิงบวกที่มีพลังหรือเป็นสิริมงคล เช่น “รวยเงินรวยทอง” “สุขใจ” หรือ “Good Fortune”
- ไอเดียที่ 6: คำคมสั้นๆ น่ารักโดนใจ เหมาะกับร้านที่อยากดูมีความพิเศษ ใส่คำโดนๆเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ การช้อปปิ้ง และสิ่งที่เชื่อมโยงกับสินค้าที่ขาย เช่น “สวยได้ไม่ต้องรอ” “ของดีบอกต่อ”
- ไอเดียที่ 7: ตั้งชื่อตามเจ้าของร้านก็เก๋ได้ ทำให้ดูเป็นกันเอง เข้าถึงง่าย มีสไตล์ของตัวเองแบบไม่มีใครเหมือน ยกตัวอย่างเช่น “เมย์ช้อปปิ้ง” “ต้นกล้าคัดมาแล้ว”
- ไอเดียที่ 8: ชื่อสถานที่หรือชื่อจังหวัด เฉพาะเจาะจง ทำให้รู้กลุ่มเป้าหมายทันที เหมาะกับร้านที่ขายของฝาก อาหารท้องถิ่น เช่น “อร่อยภูเก็ต” “ของดีโคราช”
- ไอเดียที่ 9: ใช้คำคล้องจองสร้างเอกลักษณ์ เล่นคำซ้ำๆ เสียงคล้ายๆ กัน ช่วยให้จำง่าย แถมแฝงความน่ารักปนๆไปด้วย ลองอย่าง “ของเด็ด ของดัง” หรือ “สวยสั่งได้ ไม่สั่งเสียใจ”
- ไอเดียที่ 10: ผสมผสานทุกเทคนิคข้างบนก็แจ่ม! อย่าจำกัดว่าต้องใช้วิธีเดียว บางทีเอามารวมกัน อาจเกิดชื่อร้านที่โดนใจ แถมไม่ซ้ำใคร อย่างเช่น “Chic & Cheap” (ชิคและถูก) “Lucky Clover” (ความโชคดี)
สรุป
การตั้งชื่อร้านไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด แค่รู้ใจตัวเองว่าเป็นคนสไตล์ไหน ร้านเราขายอะไร และอยากดึงดูดลูกค้ากลุ่มใดก็จะได้ไอเดียเด็ดๆ ลองผสมผสานเทคนิคเหล่านี้รับรองเจอชื่อเริ่ดๆถูกใจ แถมพอยอดขายทะลุเป้า ก็เฮงๆปังๆ ไปเลยค่ะ!
เมื่อคุณได้ชื่อร้านที่ถูกใจมาไม่กี่ชื่อ ลองตรวจสอบกับเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่ามีชื่อนั้นจดทะเบียน หรือมีร้านอื่นใช้ไปแล้วหรือไม่ จะได้วางแผนตั้งชื่อใหม่ได้ทัน อย่าลืมเช็คในโซเชียลมีเดียต่างๆ ด้วยนะคะว่าชื่อที่เราคิดว่าเก๋นี่ มีใครใช้แล้วรึเปล่า
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
Advertisement
- 10 แอปแต่งรูปขายของออนไลน์ เพิ่มยอดขายให้ปัง
- 100 คำคมแคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ขายของปัง ๆ
- 20 อาชีพอิสระ สำหรับคนอยากมีอิสระในการทำงาน มีอะไรบ้าง?
- 200 ชื่อเฟสกวน ๆ เท่ ๆ น่ารัก ๆ ไม่ซ้ำใคร!
Advertisement