มีมตลก ๆ เป็นสิ่งที่หลายคนชื่นชอบ เพราะช่วยให้คลายเครียดและสร้างเสียงหัวเราะได้ในยามที่รู้สึกเคร่งเครียดหรือเหนื่อยล้า นอกจากนี้ มีมตลก ๆ ยังสามารถสะท้อนถึงวัฒนธรรมและสังคมในปัจจุบันได้อีกด้วย
ในบทความนี้ เราได้รวบรวมมีมตลก ๆ ที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้มาไว้ให้คุณได้ชมกัน รับรองว่ามีมเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายและหัวเราะจนลืมความเครียดไปเลย
มีมตลก ๆ
นี่คือตัวอย่างบางส่วนของมีม (Meme) ที่ดีที่สุด งี่เง่า และมีชื่อเสียงที่สุด:
1. มีม Grumpy Cat
Grumpy Cat (แมวขมวดคิ้ว) เป็นหนึ่งในอินเทอร์เน็ตมีมส์ที่โด่งดังที่สุดตลอดกาล เริ่มต้นจากภาพถ่ายของแมวพันธุ์สฟิงซ์ชื่อ Tardar Sauce ที่มีใบหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา ภาพถ่ายนี้ถูกแชร์อย่างรวดเร็วในปี 2012 และ Tardar Sauce ก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งอารมณ์ขมวดคิ้ว
มีมส์ Grumpy Cat มักใช้เพื่อแสดงถึงอารมณ์เช่น ความไม่พอใจ ความเหนื่อยล้า หรือความหงุดหงิด เช่น “I’m so grumpy today” (ฉันขมวดคิ้วมากวันนี้) หรือ “That meeting was so boring, I’m Grumpy Cat now” (การประชุมนั้นน่าเบื่อมากจนตอนนี้ฉันกลายเป็น Grumpy Cat ไปแล้ว)
มีมส์ Grumpy Cat ยังถูกใช้เพื่อแสดงความสับสน ความไม่เข้าใจ หรือแม้กระทั่งความตกใจ เช่น “I’m so grumpy, I don’t even know what’s going on right now” (ฉันขมวดคิ้วมากจนตอนนี้ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น) หรือ “That was so unexpected, I’m Grumpy Cat now” (สิ่งนั้นไม่คาดคิดมากจนตอนนี้ฉันกลายเป็น Grumpy Cat ไปแล้ว)
มีมส์ Grumpy Cat ได้รับความนิยมอย่างมากจนมีการสร้างสินค้าต่าง ๆ ออกมาจำหน่าย เช่น เสื้อยืด หมวก และตุ๊กตา นอกจากนี้ Grumpy Cat ยังได้ปรากฏในรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์อีกด้วย
2. มีม Doge
Doge เป็นมีมอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปี 2013 โดยเป็นภาพสุนัขพันธุ์ชิบะอินุที่มีใบหน้าตลกขบขัน รูปภาพนี้ถูกโพสต์ครั้งแรกบน Reddit ในปี 2013 โดยผู้ใช้ชื่อ Kabosu และกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว
Doge มักใช้เพื่อแสดงอารมณ์หลากหลาย เช่น ความสุข ความตื่นเต้น ความงุนงง หรือความเฉยเมย ตัวอย่างเช่น สามารถใช้ Doge เพื่อแสดงอารมณ์ดีเมื่อได้รับข่าวดี หรือใช้เพื่อแสดงอารมณ์งุนงงเมื่อเห็นอะไรแปลก ๆ
มีม Doge ได้รับความนิยมอย่างมากจนกลายเป็นกระแสวัฒนธรรมย่อยในอินเทอร์เน็ต มีการสร้างสินค้าและบริการมากมายเกี่ยวกับ Doge รวมถึงเสื้อยืด แก้วน้ำ และแม้กระทั่งสกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า Dogecoin
3. มีม Bad Luck Brian
แบดลัคไบรอัน (Bad Luck Brian) เป็นมีมอินเทอร์เน็ตที่แสดงถึงสถานการณ์ที่โชคร้ายหรือโชคร้าย มีมนี้มาจากภาพถ่ายของเด็กชายวัยรุ่นที่มีฟันยื่นออกมาและใบหน้าที่ขมวดคิ้ว ภาพนี้ถูกโพสต์ครั้งแรกบน Reddit ในปี 2012 และกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว
แบดลัคไบรอันมักใช้เพื่อแสดงถึงสิ่งที่ผิดพลาดไปทั้งหมดในสถานการณ์หนึ่ง ๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังจะไปสอบแต่รถเสียกลางทาง หรือถ้าคุณทำอาหารมื้อใหญ่แต่แล้วไฟก็ดับ แบดลัคไบรอันเป็นมีมที่สมบูรณ์แบบสำหรับการแสดงถึงความรู้สึกโชคร้ายของคุณ
4. มีม Success Kid
Success Kid เป็นมีมอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปี 2010 โดยมีมนี้เป็นรูปถ่ายของเด็กชายทารกวัย 11 เดือนที่มีกำปั้นกำแน่นอยู่กลางอากาศและกำลังยิ้มอย่างร่าเริง รูปถ่ายนี้ถูกนำมาใช้เพื่อแสดงถึงความสำเร็จหรือความชนะในทุก ๆ ด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การงาน ความรัก หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน
มีม Success Kid มีต้นกำเนิดมาจากเว็บไซต์ Reddit ในปี 2010 โดยคุณพ่อของเด็กชายในรูปได้นำรูปนี้มาโพสต์พร้อมกับคำบรรยายว่า “I didn’t do it, but I’m taking credit anyway.” จากนั้นรูปถ่ายนี้ก็ถูกแชร์และนำไปใช้ทำมีมอย่างแพร่หลายจนกลายเป็นหนึ่งในมีมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดกาล
ในช่วงแรก ๆ มีม Success Kid มักถูกใช้เพื่อแสดงถึงความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต เช่น การสอบผ่าน การได้งานใหม่ หรือการได้กินพิซซ่าฟรี แต่หลังจากนั้นมีมนี้ก็ถูกนำไปใช้เพื่อแสดงถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เช่น การได้รับรางวัลโนเบล การเล่นกีฬาจนชนะเลิศ หรือแม้กระทั่งการเอาชนะโรคร้าย
5. มีม Disaster Girl
Disaster Girl คือมีมอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นภาพถ่ายของเด็กหญิงวัย 4 ขวบที่กำลังยิ้มขณะเผชิญกับบ้านที่กำลังไหม้ ภาพถ่ายนี้ถูกโพสต์ครั้งแรกบน Flickr ในปี 2005 และกลายเป็นไวรัลในปี 2012
Disaster Girl มักใช้เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่โชคร้ายหรือโชคร้าย มิมนี้มักใช้ในรูปแบบตลกขบขันแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางความหายนะก็ตาม เช่น “เมื่อคุณกำลังทำงานอยู่แล้วมีอะไรผิดพลาด” หรือ “เมื่อเพื่อนของคุณบอกว่าพวกเขาจะมาช่วยคุณย้ายบ้าน แต่ไม่มา”
Disaster Girl เป็นตัวอย่างที่ดีของมีมอินเทอร์เน็ตที่สามารถใช้เพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย มิมนี้สามารถใช้เพื่อแสดงถึงความรู้สึกหงุดหงิด โกรธแค้น หรือแม้แต่ความตลกขบขันก็ได้ ขึ้นอยู่กับบริบทที่ใช้
6. มีม Trollface
Trollface เป็นภาพวาดการ์ตูนของใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส รูปภาพนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Erik Nagel ในปี 2008 และกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว Trollface มักใช้เพื่อแสดงความโกรธ ความหงุดหงิด หรือความโกรธแค้น
7. มีม Keyboard Cat
Keyboard Cat เป็นอินเทอร์เน็ตมีมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปี 2007 ประกอบด้วยคลิปวิดีโอของแมวเมนคูนตัวหนึ่งชื่อเฟนตา (Fenton) กำลังเล่นคีย์บอร์ดเพลง “Canon in D” โดยโยฮัน พาเชลเบล (Johann Pachelbel) วิดีโอดังกล่าวถูกอัปโหลดขึ้นเว็บไซต์ยูทูบโดยเจ้าของแมว โดยมีชื่อวิดีโอว่า “Charlie bit my finger – again!” โดยตอนแรกวิดีโอมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เพื่อน ๆ และครอบครัวได้ชม แต่กลายเป็นว่าวิดีโอได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้ทั่วโลก ซึ่งมียอดผู้ชมกว่า 100 ล้านครั้ง
ปัจจุบัน Keyboard Cat ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความบันเทิงและอารมณ์ขันบนอินเทอร์เน็ต มีการนำ Keyboard Cat ไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพล้อเลียน ภาพกราฟิก สติ๊กเกอร์ และมีมต่าง ๆ ซึ่งมักจะใช้เพื่อแสดงถึงความรู้สึกมีความสุข สนุกสนาน หรือเพื่อสร้างความขบขันให้กับผู้รับ
8. มีม Charlie Bit My Finger
Charlie Bit My Finger เป็นวิดีโอที่ฮิตที่สุดใน YouTube โดยมีผู้เข้าชมมากกว่า 900 ล้านครั้ง วิดีโอแสดงให้เห็น Charlie วัย 1 ขวบกำลังกัดนิ้วของ Harry พี่ชายฝาแฝดของเขา Harry ร้องไห้อย่างโฮฮาในขณะที่ Charlie หัวเราะอย่างพอใจ แม่ของพวกเขาถ่ายวิดีโอและโพสต์ลงบน YouTube ในปี 2007 วิดีโอได้กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในมีมที่โด่งดังที่สุดในอินเทอร์เน็ต
Charlie Bit My Finger เป็น meme ที่มีหลายความหมาย แต่มักใช้เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง การกัดนิ้วเป็นพฤติกรรมทั่วไปของเด็กเล็ก และวิดีโอนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของการเลี้ยงลูกได้อย่างดี นอกจากนี้ วิดีโอนี้ยังใช้เพื่อแสดงถึงความรู้สึกเจ็บปวด ความไม่พอใจ และความโกรธแค้นของ Harry อีกด้วย
Charlie Bit My Finger เป็น meme ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากความน่ารักและความตลกขบขันของวิดีโอ นอกจากนี้ วิดีโอนี้ยังมีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตยุคแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่วิดีโอออนไลน์กำลังเริ่มได้รับความนิยม
9. มีม Shut up and take my money!
มีม “Shut up and take my money!” (แปลว่า “หยุดพูดแล้วเอาเงินฉันไป!”) เป็นมีมที่ใช้แสดงความต้องการหรือความต้องการที่จะซื้อหรือได้รับบางสิ่งบางอย่างอย่างมาก มักใช้ในบริบทของสินค้าหรือบริการใหม่ที่น่าตื่นเต้นหรือมีประโยชน์มาก
มีมนี้มีต้นกำเนิดมาจากการ์ตูนออนไลน์ในปี 2011 โดยศิลปินชื่อ Walter Crane ซึ่งแสดงให้เห็นถึงชายคนหนึ่งกำลังยื่นเงินให้กับคนขายในขณะที่ตะโกนว่า “Shut up and take my money!” มีมนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในปี 2012 เมื่อถูกใช้เพื่อแสดงความตื่นเต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น iPhone 5 และเกม Grand Theft Auto V
ในปัจจุบัน มีม “Shut up and take my money!” ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อแสดงความต้องการที่จะซื้อหรือได้รับสิ่งต่าง ๆ เช่น สินค้าใหม่ อาหาร เครื่องดื่ม ประสบการณ์ หรือแม้แต่ความคิดเห็นของคนอื่น
10. มีม Sad Keanu
Sad Keanu เป็นมีมอินเทอร์เน็ตที่สร้างขึ้นจากภาพถ่ายของ Keanu Reeves ที่นั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะโดยมีแซนวิชในมือ ภาพถ่ายนี้ถูกโพสต์บน Reddit ในปี 2010 และกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว เนื่องจากใบหน้าของ Reeves ที่เศร้าสร้อยและดูเหงา
มีม Sad Keanu มักใช้เพื่อแสดงความรู้สึกเศร้า เหงา หรือผิดหวัง นอกจากนี้ยังใช้เพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่น่าเศร้าหรือโชคร้าย ตัวอย่างเช่น มีม Sad Keanu อาจใช้เพื่อแสดงความรู้สึกหลังจากเลิกกับแฟนหรือเสียงาน
มีม Sad Keanu เป็นที่นิยมอย่างมากเนื่องจาก Reeves เป็นนักแสดงที่เป็นที่รักของแฟน ๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ ใบหน้าที่เศร้าสร้อยของ Reeves ยังสามารถตีความได้หลายวิธี ซึ่งทำให้มีมนี้มีความหลากหลายและสามารถใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ
11. มีม Distracted boyfriend
Distracted boyfriend เป็นมีมที่มีต้นกำเนิดจากสต็อกรูปภาพที่แสดงภาพผู้ชายคนหนึ่งเดินอยู่บนถนนกับแฟนสาวของเขา ขณะที่เขากำลังหันหน้าไปมองผู้หญิงอีกคนอย่างสนใจ มีมนี้ถูกใช้ครั้งแรกในปี 2017 เพื่อแสดงถึงสถานการณ์ที่ผู้ชายคนหนึ่งเลือกสิ่งอื่นเหนือแฟนสาวของเขา เช่น การทำงาน การเล่นวิดีโอเกม หรือการดูฟุตบอล
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีม Distracted boyfriend ได้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นและถูกใช้เพื่อแสดงถึงหลากหลายสถานการณ์ นอกเหนือจากความสัมพันธ์แล้ว มิมนี้ยังถูกใช้เพื่อแสดงถึงการตัดสินใจที่ไม่ดี ความโลภ หรือความโลเล
12. มีม Facepalm
Facepalm เป็นมีมอินเทอร์เน็ตที่แสดงออกถึงความรู้สึกอับอายขายหน้า ผิดหวัง หรือเขินอาย มักใช้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลกขบขันหรือน่าขำขัน ตัวอย่างเช่น หากใครบางคนพูดอะไรโง่ ๆ หรือทำอะไรผิดพลาดอย่างมาก คนอื่น ๆ อาจโพสต์มีม Facepalm เพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกของตน
มีม Facepalm มีต้นกำเนิดมาจากเว็บไซต์ Reddit ในปี 2007 โดยมีภาพถ่ายของชายหนุ่มกำลังเอามือปิดหน้าของตนเองพร้อมกับคำบรรยายว่า “Face Palm” ตั้งแต่นั้นมา มีมนี้ก็ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากและถูกใช้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาพวาดการ์ตูน ภาพยนตร์ และวิดีโอ
ในปัจจุบัน มีม Facepalm เป็นหนึ่งในมีมอินเทอร์เน็ตที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดและถูกใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก สามารถใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดส่วนตัว การตัดสินใจที่ไม่ดีของผู้อื่น หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ระดับโลกที่น่าผิดหวัง
13. มีม Drakeposting
Drakeposting คือ รูปแบบของมีมส์อินเทอร์เน็ตที่ใช้ภาพถ่ายหรือวิดีโอของแร็ปเปอร์ Drake เพื่อแสดงถึงอารมณ์หรือสถานการณ์ที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้ว Drakeposting จะประกอบด้วยสองรูปภาพหรือวิดีโอของ Drake ที่อยู่ติดกัน โดยรูปภาพหรือวิดีโอแรกแสดงถึงความรู้สึกหรือสถานการณ์ที่ไม่ดี และรูปภาพหรือวิดีโอที่สองแสดงถึงความรู้สึกหรือสถานการณ์ที่ดี
Drakeposting เป็นหนึ่งในมีมส์อินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และสามารถใช้เพื่อแสดงถึงอารมณ์หรือสถานการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายไปจนถึงความรู้สึกตื่นเต้น และตั้งแต่ความรู้สึกผิดหวังไปจนถึงความรู้สึกพึงพอใจ
14. มีม Spiderman pointing
Spiderman pointing meme เป็น meme ที่นิยมใช้ในอินเทอร์เน็ตเพื่อแสดงถึงสถานการณ์ที่สองสิ่งกำลังชี้ไปที่กันและกัน Meme นี้มักใช้เพื่อแสดงถึงความขัดแย้ง ความเข้าใจผิด หรือความตลกขบขัน
ภาพต้นฉบับของ Spiderman pointing meme มาจากภาพยนตร์ Spider-Man: Into the Spider-Verse (2018) ในฉากที่ Spider-Man จากจักรวาลต่าง ๆ กำลังชี้ไปที่กันและกัน
Spiderman pointing meme เริ่มกลายเป็นที่นิยมในอินเทอร์เน็ตในช่วงปลายปี 2018 และต้นปี 2019 Meme นี้ถูกใช้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่น การแสดงถึงความขัดแย้งระหว่างนักการเมืองสองคน ความเข้าใจผิดระหว่างเพื่อนสองคน หรือความตลกขบขันของการเปรียบเทียบสองสิ่ง
15. มีม Homer backs into a bush
Homer backs into a bush คือมีมอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สร้างขึ้นจากฉากหนึ่งในซีรีส์การ์ตูน The Simpsons ในฉากนี้ โฮเมอร์กำลังขับรถและพยายามถอยจอดรถ แต่เขากลับถอยหลังเข้าไปในพุ่มไม้แทน
มีมนี้มักใช้เพื่อแสดงถึงความโง่เขลา ความไม่ระวัง หรือความผิดพลาดของผู้คน ในบางครั้งก็ใช้เพื่อแสดงถึงความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือสถานการณ์ที่น่าขำขัน
ตัวอย่างเช่น ถ้าใครบางคนกำลังพยายามทำอะไร แต่กลับทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง เราอาจพูดว่า “พวกเขาถอยหลังเข้าไปในพุ่มไม้เหมือนโฮเมอร์” หรือถ้าใครบางคนกำลังพยายามแก้ปัญหา แต่กลับทำให้ปัญหานั้นแย่ลงไปอีก เราอาจพูดว่า “พวกเขากำลังขุดหลุมให้ตัวเองให้ลึกขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนโฮเมอร์ถอยหลังเข้าไปในพุ่มไม้”
มีมนี้ยังใช้เพื่อแสดงถึงอารมณ์ตลกขบขัน ในบางครั้งเราอาจใช้มีมนี้เพื่อหัวเราะเยาะความผิดพลาดของตัวเอง หรือหัวเราะเยาะความผิดพลาดของคนอื่น (แต่ไม่ใช่ในเชิงร้าย)
16. มีม Anakin and Padme meme
Memes: Anakin and Padme meme เป็นมีมอินเทอร์เน็ตที่ใช้แสดงถึงความสัมพันธ์ที่แย่หรือความขัดแย้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีมนี้เป็นภาพนิ่งจากภาพยนตร์เรื่อง Star Wars: Revenge of the Sith ที่แสดงให้เห็น Anakin Skywalker (Hayden Christensen) และ Padmé Amidala (Natalie Portman) กำลังพูดคุยกันโดยมี Anakin อยู่ที่เบื้องหน้าและ Padmé อยู่ที่เบื้องหลัง
มีมนี้มักใช้ในข้อความตลกขบขันหรือความคิดเห็นทางออนไลน์เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้พูดกำลังพยายามที่จะโน้มน้าวหรือเกลี้ยกล่อมใครบางคนให้ทำสิ่งที่พวกเขาต้องการ แม้ว่าอีกฝ่ายจะรู้ดีว่ามันเป็นความคิดที่ไม่ดีก็ตาม
ตัวอย่างเช่น ผู้โพสต์อาจใช้มีมนี้เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจของรัฐบาลที่พวกเขาไม่เห็นด้วย หรือเพื่อล้อเลียนเพื่อนที่กำลังพยายามจะชวนพวกเขาไปทำกิจกรรมที่พวกเขาไม่อยากทำ
สรุป
มีมตลก ๆ เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการคลายเครียดและทำให้เราหัวเราะได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพจิตของเรา นอกจากนี้ มีมตลก ๆ ยังสามารถช่วยให้เราเชื่อมโยงกับผู้อื่นได้ เนื่องจากเป็นวัฒนธรรมป๊อปที่เราทุกคนสามารถเข้าใจได้
หากคุณกำลังมองหาเสียงหัวเราะดี ๆ สักครั้ง ลองดูมีมตลก ๆ เหล่านี้สิ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง!
คำถามที่พบบ่อย
มีมคืออะไร?
มีม (meme) คือ หน่วยวัฒนธรรมที่สามารถส่งต่อจากคนสู่คนได้อย่างรวดเร็ว มีมสามารถเป็นอะไรก็ได้ เช่น ภาพ วิดีโอ ข้อความ หรือแม้แต่เพลง มีมมักจะมีลักษณะที่ตลก ขบขัน หรือสะท้อนสังคม และสามารถใช้เพื่อสื่อสารความคิด ความรู้สึก หรือแชร์ประสบการณ์ระหว่างกันได้
มีมมาจากไหน?
มีมมีต้นกำเนิดมาจากทฤษฎีวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมของริชาร์ด ดอว์กินส์ (Richard Dawkins) ซึ่งเขาเปรียบเทียบมีมกับยีน โดยมีมสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ผ่านการเรียนรู้และการเลียนแบบ
ทำไมมีมถึงเป็นที่นิยม?
มีมเป็นที่นิยมเพราะสามารถช่วยให้ผู้คนสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยเฉพาะในยุคโซเชียลมีเดียที่ผู้คนสามารถแชร์และรับชมมีมได้อย่างสะดวก มีมยังสามารถช่วยให้ผู้คนรู้สึกถึงความเชื่อมโยงกัน เนื่องจากสามารถสร้างความบันเทิงและรอยยิ้มให้กับผู้คนได้