วันนี้เรามาพูดคุยกันเกี่ยวกับ iPad mini กันดีกว่า ซึ่งถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นเล็กที่สุดในตระกูลไอแพดของ Apple เลยทีเดียว แต่อย่าคิดว่าขนาดเล็กแล้วจะด้อยประสิทธิภาพนะ เพราะ iPad mini รุ่นล่าสุดนี้มาพร้อมกับความสามารถที่น่าทึ่งมากมาย
iPad mini รุ่นที่ 6 นี้ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ โดยมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่มีขอบจอบางเฉียบ ทำให้หน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 8.3 นิ้ว แต่ยังคงความกะทัดรัดและพกพาสะดวก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชิป A15 Bionic ที่ทรงพลัง พอร์ต USB-C และรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 อีกด้วย
แม้ว่า iPad mini จะเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2021 แล้ว แต่ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการแท็บเล็ตขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่รีบร้อนที่จะซื้อ การรอรุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปลายปี 2024 ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากอาจมีการอัปเกรดชิปและฟีเจอร์บางอย่าง
การออกแบบที่ทันสมัย
iPad mini รุ่นที่ 6 มาพร้อมกับการปรับโฉมครั้งใหญ่ โดยมีดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับไอแพด แอร์ แต่มีขนาดเล็กกว่า ตัวเครื่องมีขอบเรียบและมุมมน พร้อมกับหน้าจอแบบ all-screen ที่มีขนาด 8.3 นิ้ว ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าที่มีขนาด 7.9 นิ้ว ทำให้สามารถแสดงผลได้มากขึ้นในขนาดตัวเครื่องที่ใกล้เคียงกัน
iPad mini รุ่นใหม่นี้ไม่มีปุ่มโฮมแล้ว แต่ย้าย Touch ID ไปอยู่ที่ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องด้านบนแทน ซึ่งใช้งานได้ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน นอกจากนี้ ปุ่มปรับระดับเสียงได้ถูกย้ายไปอยู่ด้านบนของตัวเครื่องเช่นกัน เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับแม่เหล็กยึด Apple Pencil ที่ด้านข้าง
ตัวเครื่องมีขนาด 195.4 x 134.8 x 6.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 293 กรัมสำหรับรุ่น Wi-Fi ทำให้พกพาสะดวกมาก iPad mini มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สเปซเกรย์, ชมพู, ม่วง และ Starlight ซึ่งเป็นสีผสมระหว่างเงินและทอง
จอแสดงผลคุณภาพสูง
หน้าจอ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้วของ iPad mini มีความละเอียด 2266 x 1488 พิกเซล ที่ 326 ppi พร้อมเทคโนโลยี True Tone ที่ปรับสมดุลสีขาวให้เข้ากับแสงโดยรอบ ทำให้การมองหน้าจอสบายตามากขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับ Wide color gamut เพื่อแสดงสีสันที่สมจริงและสดใส
หน้าจอมีความสว่างสูงสุด 500 nits และมีการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ ทำให้ใช้งานได้สะดวกในทุกสภาพแสง แม้ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดเล็ก แต่ก็ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ดูวิดีโอ หรือทำงานต่าง ๆ
ประสิทธิภาพที่ทรงพลัง
iPad mini รุ่นที่ 6 มาพร้อมกับชิป A15 Bionic ซึ่งเป็นชิปเดียวกับที่ใช้ในไอโฟน 13 แม้ว่าจะถูกปรับลดความเร็วลงเล็กน้อย แต่ก็ยังให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 40% สำหรับการประมวลผลแบบ single-core และ 70% สำหรับ multi-core
ชิป A15 Bionic มี CPU แบบ 6-core และ GPU แบบ 5-core ซึ่งให้ประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 80% นอกจากนี้ยังมี Neural Engine แบบ 16-core ที่สามารถประมวลผลได้ถึง 15.8 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที ทำให้รองรับฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Cinematic Mode และ Smart HDR 3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
iPad mini รุ่นใหม่นี้มี RAM 4GB ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่มีเพียง 3GB ทำให้สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างราบรื่น มีให้เลือกความจุ 64GB และ 256GB ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปและเก็บไฟล์ขนาดใหญ่
กล้องที่ปรับปรุงใหม่
กล้องหลังของ iPad mini ได้รับการอัปเกรดเป็นความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 สามารถถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้คุณภาพดี รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60 fps และ slow-motion ที่ 240 fps นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Smart HDR 3, Live Photos และ Burst Mode
กล้องหน้าก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยเป็นกล้าง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 122 องศา พร้อมฟีเจอร์ Center Stage ที่จะปรับมุมกล้องให้ผู้ใช้อยู่กลางเฟรมเสมอ แม้จะขยับตัวไปมา ทำให้การ video call สะดวกและสนุกมากขึ้น
การเชื่อมต่อที่ทันสมัย
iPad mini รุ่นใหม่รองรับ 5G (sub-6GHz) ทำให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้เมื่ออยู่นอกบ้าน นอกจากนี้ยังรองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0 สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายที่เสถียรและรวดเร็ว
พอร์ต USB-C ที่เพิ่มเข้ามาช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้หลากหลายมากขึ้น เช่น จอภาพความละเอียดสูง กล้องดิจิทัล และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อีกทั้งยังชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้นด้วย
แบตเตอรี่ที่อึด
แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ iPad mini ก็มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมงสำหรับการท่องเว็บผ่าน Wi-Fi หรือดูวิดีโอ ส่วนรุ่น Cellular สามารถใช้งานได้นานถึง 9 ชั่วโมงเมื่อใช้งานผ่านเครือข่ายมือถือ ทำให้สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมด
Apple Pencil รุ่นที่ 2
iPad mini รุ่นใหม่รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ซึ่งสามารถยึดติดกับด้านข้างของตัวเครื่องด้วยแม่เหล็ก พร้อมทั้งชาร์จไฟไปในตัว ทำให้สะดวกในการพกพาและใช้งาน Apple Pencil ช่วยให้สามารถวาดภาพ จดโน้ต หรือทำงานที่ต้องการความแม่นยำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ราคาและความคุ้มค่า
iPad mini มีราคาเริ่มต้นที่ 16,000 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi ความจุ 64GB และ 22,000 บาท สำหรับรุ่น 256GB ส่วนรุ่น Cellular จะมีราคาสูงกว่าอีกประมาณ 6,000 บาท แม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าไอแพดรุ่นมาตรฐาน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการแท็บเล็ตขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพสูง
อนาคตของ iPad mini
จากข้อมูลที่มีอยู่ คาดว่า iPad mini รุ่นที่ 7 จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2024 โดยน่าจะมีการอัปเกรดชิปเป็น A17 Pro หรือชิป A17 รุ่นใหม่ พร้อมกับกล้องหน้าและกล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซลที่ได้รับการปรับปรุง นอกจากนี้ยังอาจรองรับ Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.3 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุด
มีข่าวลือว่า iPad mini รุ่นใหม่อาจมีการปรับตำแหน่งของจอแสดงผล เพื่อลดปัญหา “jelly scrolling” ที่ผู้ใช้บางคนพบในรุ่นปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการอัปเกรดภายในแล้ว อาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์มากนัก แต่อาจมีสีใหม่ให้เลือก
ในระยะยาว มีการคาดการณ์ว่า Apple อาจนำเทคโนโลยีจอ OLED มาใช้กับ iPad mini ในอนาคต โดยอาจเป็น iPad mini จอ OLED ขนาด 8.7 นิ้วที่อาจเปิดตัวในปี 2026 นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Apple กำลังพัฒนาอุปกรณ์พับได้ขนาด 7-8 นิ้ว ซึ่งอาจมาแทนที่ iPad mini ในอนาคต โดยคาดว่าจะเปิดตัวระหว่างปี 2026-2027
สรุป
iPad mini ถือเป็นแท็บเล็ตที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดแต่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยหน้าจอขนาด 8.3 นิ้ว ชิป A15 Bionic ที่ทรงพลัง และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ครบครัน ทำให้ iPad mini เหมาะสำหรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บ ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือแม้แต่การทำงานเบื้องต้น
แม้ว่าจะเปิดตัวมาสักระยะแล้ว แต่ iPad mini รุ่นที่ 6 ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่รีบร้อนที่จะซื้อ การรอรุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปลายปี 2024 ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากอาจมีการอัปเกรดประสิทธิภาพและฟีเจอร์บางอย่าง
ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นไหน iPad mini ก็ยังคงเป็นแท็บเล็ตที่ลงตัวระหว่างความกะทัดรัดและประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์พกพาที่สามารถทำงานได้หลากหลาย
