รีวิวซีรีส์ฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] เดอะลาสต์ออฟอัส | The Last of Us ซีซั่น 2

หาก The Last of Us ซีซั่น 1 คือการเดินทางเพื่อค้นหาความรักท่ามกลางความสิ้นหวัง ซีซั่น 2 กลับพาเราเข้าสู่ห้วงลึกของ ความเกลียดชังและการแก้แค้น ที่ไม่มีวันจบสิ้น โลกหลังวิกฤตในซีซั่นนี้ไม่เพียงแต่มืดมนจากเชื้อรา Cordyceps แต่ยังถูกเติมเต็มด้วยความโหดร้ายของมนุษย์ที่ต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ซีซั่นนี้ยังคงความสมจริงทางภาพและอารมณ์ แต่กลับสูญเสียบางสิ่งที่ทำให้ซีซั่นแรกตราตรึงใจผู้ชม

ความท้าทายของ Neil Druckmann และ Craig Mazin ในการดัดแปลง The Last of Us Part II ให้เป็นซีรีส์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เกมต้นฉบับถูกยกย่องจากโครงเรื่องที่กล้าหาญ แต่เมื่อนำมาสู่จอทีวี ความสมดุลระหว่างความรุนแรงและความละเอียดอ่อนของตัวละครกลับถูกรบกวนด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่ขัดขืน ซีซั่นนี้มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม แต่ก็มีบางส่วนที่รู้สึก “หลุดพ้น” จากอารมณ์ร่วม ที่ควรจะมี

แม้ซีซั่น 2 จะยังคง ความสวยงามทางเทคนิค ทั้งการถ่ายทำ แสงสี และการแสดง แต่หัวใจสำคัญกลับถูกบดบังด้วยความมืดที่เกินพอดี ผู้ชมอาจรู้สึกว่าตัวละครบางคนถูกพัฒนาไม่เต็มที่ หรือบางช่วงของเรื่องถูกเร่งรีบเกินไป จนขาดความลึกซึ้งที่เคยมีในเกมและซีซั่นแรก

The Last of Us Season 2

รีวิวและเรื่องย่อ The Last of Us (เดอะลาสต์ออฟอัส) ซีซั่น 2

ซีซั่น 2 ดำเนินเรื่องต่อหลังจากเหตุการณ์ในโรงพยาบาลของ Fireflies โดย Joel (Pedro Pascal) ได้ปกป้อง Ellie (Bella Ramsey) ด้วยการสังหารหมอที่อาจรักษาโลกได้ แต่การกระทำนี้ส่งผลลัพธ์ร้ายแรงในซีซั่นนี้ Ellie ไม่ใช่เด็กหญิงอีกต่อไป เธอต้องเผชิญกับ ความโกรธแค้นและความสับสน ในขณะที่โลกรอบตัวเธอเลวร้ายลงทุกวัน

Abby (Kaitlyn Dever) ถูกนำเสนอในฐานะตัวละครใหม่ที่ท้าทายความรู้สึกของผู้ชม เธอไม่ใช่เพียง “วายร้าย” แต่เป็นคนที่มีเหตุผลของตัวเอง ปัญหาคือ การเปิดเผยเบื้องหลังของ Abby ในซีรีส์ทำได้ไม่ลื่นไหลเท่าในเกม ทำให้ผู้ชมอาจรู้สึก ขาดการเชื่อมโยงทางอารมณ์ กับตัวเธอ

บทความที่เกี่ยวข้อง
Advertisement

การสลับเวลาไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบันยังคงมีประสิทธิภาพ ช่วยเติมเต็มความลึกของตัวละคร เช่น เรื่องราวของ Isaac (Jeffrey Wright) ที่ถูกขยายความมากขึ้น แต่บางตอนที่เน้นย้อนอดีตกลับรู้สึก ขัดจังหวะ การเดินเรื่องหลัก

Bella Ramsey ยังคงแสดงบท Ellie ได้ดี แต่ความรู้สึกว่าเวลาผ่านไป 5 ปีกลับไม่ชัดเจนพอ Ellie ในซีซั่นนี้ยังดูเหมือนเด็กขี้โมโหมากกว่าผู้ใหญ่ที่ผ่านเหตุการณ์โหดร้าย ขณะที่ Kaitlyn Dever ในบท Abby กลับโดดเด่นกว่าในฉากที่ต้องแสดงอารมณ์รุนแรง

Pedro Pascal ยังคงเป็นตัวละครที่สมบูรณ์แบบที่สุดในซีรีส์ การแสดงของเขาในบท Joel เต็มไปด้วย ความเจ็บปวดและความรักที่มีต่อ Ellie ฉากระหว่าง Joel และ Ellie บางครั้งก็เป็นช่วงเวลาที่สะเทือนใจที่สุดของซีซั่น

ซีซั่นนี้ยังคง ความสวยงามระดับสูง ในทุกด้าน ตั้งแต่การถ่ายทำที่เน้นรายละเอียดของโลกที่ถูกทำลาย ไปจนถึงการใช้แสงสีที่ช่วยขับอารมณ์ เช่น ฉาก sentimental ที่ถูกแต่งด้วยแสงอบอุ่น ขณะที่ฉากความรุนแรงถูกย้อมด้วยสีแดงเลือด

แต่ปัญหาคือ การเน้นฉากแอคชันมากเกินไป ซีซั่นแรกสร้างสมดุลระหว่างความเงียบและความตื่นเต้นได้ดี แต่ซีซั่นนี้กลับรู้สึกเหมือนถูกเร่งให้มี “สงครามใหญ่” บ่อยครั้ง จนบางครั้ง overshadow เหตุการณ์สำคัญของเรื่อง

The Last of Us ซีซั่น 2 เป็นการเดินทางที่มืดมนและท้าทายความรู้สึกผู้ชม แม้จะมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม แต่ก็มีบางส่วนที่รู้สึก ขาดการเชื่อมโยงทางอารมณ์ เมื่อเทียบกับเกมหรือซีซั่นแรก

หากคุณเป็นแฟนตัวยงของซีรีส์ ซีซั่นนี้ยังคงคุ้มค่าที่จะดู แต่เตรียมใจให้พร้อมสำหรับ ความโหดร้ายและความสับสน ที่อาจตามมา

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: เดอะลาสต์ออฟอัส ซีซั่น 2
  • ประเภท: แอ็คชั่น, ดราม่า, ผจญภัย
  • วันที่ออกอากาศ: 14 เมษายน 2025
  • นักแสดงนำ: เบลล่า แรมซีย์ (รับบทเป็น Ellie), เกรโกอรี เพอร์รี (รับบทเป็น Joel)
  • ผู้กำกับ: แดน ไวส์ (Dan Weiss), เดวิด เบนิออฟฟ์ (David Benioff)
  • จำนวนตอน/ความยาว: 10 ตอน
  • เรตติ้ง IMDb: 9.0/10
  • ช่องทางการรับชม: HBO Max

Advertisement
กดเพื่ออ่านต่อ
Advertisement

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button