![[รีวิว-เรื่องย่อ] MobLand (2025) เมื่อกาย ริตชี เล่นซ้ำบทเดิมในโลกอาชญากรรม](https://www.nanitalk.com/wp-content/uploads/2025/04/Review-MobLand-2025.webp)
กาย ริตชี (Guy Ritchie) เคยเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างตื่นเต้นในวงการหนังอังกฤษ ด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์จาก Lock, Stock and Two Smoking Barrels และ Snatch ที่ผสมความรุนแรงกับอารมณ์ขันได้อย่างลงตัว จนทำให้เขาเป็นเหมือนเวอร์ชันอังกฤษของเควนติน ทารันติโน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป สิ่งที่เคยสดใหม่กลับกลายเป็นซ้ำซาก
ใน MobLand (2025) ซีรีส์แนวมาเฟียที่เหมือนเป็นการย้อนรอยตัวเองของริตชี เราได้เห็นการกลับมาของแก๊งสเตอร์อังกฤษในฉากหลังที่เต็มไปด้วยปืน คำพูดเฉียบ ๆ และพล็อตที่วกวนไปมา ทว่าความน่าตื่นเต้นกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมคำถามที่ติดค้างว่า “นี่เรากำลังดูผลงานใหม่ หรือเพียงแค่การนำสูตรสำเร็จเก่ามาอุ่นใหม่?”
แม้จะมีนักแสดงแม่เหล็กอย่างทอม ฮาร์ดี เพียร์ซ บรอสแนน และเฮเลน เมียร์เรนมาร่วมแจม แต่ก็ไม่อาจกลบความจริงที่ว่า MobLand คือผลงานที่ปลอดภัยเกินไปสำหรับผู้กำกับที่เคยกล้าเสี่ยงอย่างริตชี และนั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามกับทิศทางใหม่ในอาชีพของเขา

รีวิวและเรื่องย่อ MobLand
ย้อนกลับไปในยุคปลาย 90s กาย ริตชี (Guy Ritchie) คือ ชื่อที่เปลี่ยนภาพลักษณ์หนังอาชญากรรมอังกฤษ ด้วยสคริปต์เฉียบคม คาแรกเตอร์จัดจ้าน และการตัดต่อรวดเร็วที่มาพร้อมอารมณ์ขันร้าย ๆ แต่หลังจากความล้มเหลวของ Swept Away (2002) ซึ่งร่วมแสดงกับมาดอนน่า ภรรยาในขณะนั้น เขาก็เริ่มสูญเสียแรงผลักดันในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
แม้จะมีผลงานที่พอไปวัดไปวาได้อย่าง Sherlock Holmes และ The Man from U.N.C.L.E. แต่หลายครั้งที่เขาก็พลาดเป้าในโปรเจกต์อย่าง The Covenant หรือ The Ministry of Ungentlemanly Warfare จนทำให้แฟน ๆ เริ่มตั้งคำถามว่าริตชียังมีของอยู่หรือไม่
MobLand เริ่มต้นจากแนวคิดภาคแยกของซีรีส์ Ray Donovan ก่อนจะถูกปรับให้เป็นเรื่องใหม่โดยสมบูรณ์ภายใต้การดูแลของริตชี และร่วมสร้างโดย Ronan Bennett จาก Top Boy โดยเนื้อเรื่องพูดถึงสองตระกูลมาเฟียในลอนดอน ได้แก่ Stevenson และ Harrigan ที่กำลังแข่งขันกันในตลาดยาผิดกฎหมาย
แม้เรื่องราวจะเต็มไปด้วยการหักมุม การทรยศ และบทพูดเฉียบ ๆ แบบที่แฟน ๆ ริตชีคุ้นเคย แต่สิ่งที่หายไปคือความสดใหม่ ทุกอย่างดูเหมือนถูกวางแผนมาแบบปลอดภัยเกินไป ราวกับเขาไม่กล้าออกนอกกรอบเดิม
ทอม ฮาร์ดี (Tom Hardy) รับบทเป็น Harry มือปิดจ็อบของตระกูล Harrigan ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่ผสมความอ่อนโยนและความน่ากลัวได้ในเวลาเดียวกัน ถือว่าเป็นจุดแข็งของเรื่องนี้ ขณะที่แอนสัน บูน ในบท Eddie หลานชายตัวแปรสำคัญ ก็โชว์พลังการแสดงได้น่าสนใจไม่แพ้กัน
เพียร์ซ บรอสแนน รับบทเจ้าพ่อขี้หลงขี้ลืม Conrad อย่างมีสีสัน และเฮเลน เมียร์เรนแม้จะมีสำเนียงพูดที่สับสน แต่ก็ยังคงแสดงได้อย่างน่าจับตา เสียดายที่ตัวบทไม่ได้ส่งเสริมให้พวกเขาฉายแสงได้อย่างเต็มที่
MobLand พยายามสร้างโครงเรื่องที่ซับซ้อนซ้อนเงื่อนตามแบบฉบับริตชี มีการเล่าเรื่องตัดสลับไทม์ไลน์ ตัวละครมากมาย และการหักมุมที่เดาได้ยาก แต่สิ่งที่ขาดคือ “หัวใจ” ของเรื่อง รู้สึกเหมือนดูการแสดงที่จัดวางไว้แล้วโดยไม่มีแรงผลักดันหรือแรงจูงใจที่น่าเชื่อถือจากตัวละคร
การสร้างความตึงเครียดระหว่างสองตระกูลนั้นมีศักยภาพ แต่กลับไม่ได้รับการขยายหรือทำให้ลึกพอจนคนดูรู้สึกมีส่วนร่วม ทุกอย่างดูเหมือนฉากในโรงละครที่เล่นวนอยู่ในบทเดิม ๆ
แม้ริตชีจะพยายามใส่ความตลกร้ายและบทสนทนาที่เฉียบคม แต่หลาย ๆ มุกใน MobLand กลับไม่ขำเท่าที่ควร บางช่วงดูเหมือนบังคับให้หัวเราะมากกว่าจะสร้างความบันเทิงจริง ๆ และนี่คือจุดที่สไตล์เดิมของเขาเริ่มกลายเป็นจุดอ่อน
การใช้ภาพฉากที่หรูหรา เสื้อผ้าคมกริบ และการเคลื่อนไหวของกล้องแบบแฟนซี อาจยังดูเท่ แต่เมื่อไร้เนื้อหาใหม่ ๆ มันก็เป็นเพียง “เปลือก” ที่ไม่อาจกลบความซ้ำซากได้อีกต่อไป
MobLand ไม่ใช่ซีรีส์ที่แย่ แต่มันไม่ใช่ผลงานที่น่าจดจำเช่นกัน มันคือการย้อนกลับไปใช้สูตรเก่าที่เคยได้ผล แต่ในยุคที่คนดูต้องการสิ่งใหม่ ๆ นั่นไม่เพียงพออีกต่อไป ถึงเวลาที่ริตชีต้องถามตัวเองว่าเขายังอยากเป็นนักเล่าเรื่องแบบไหน จะอยู่ในคอมฟอร์ตโซน หรือกล้าเสี่ยงเหมือนในวันวาน?
สำหรับคนดู MobLand อาจเหมาะกับผู้ที่คิดถึงหนังสไตล์ Snatch หรือ RocknRolla แต่หากคุณคาดหวังความสดใหม่ นี่อาจไม่ใช่คำตอบ ริตชียังคงมีพลังในการกำกับ เพียงแต่ต้องหาหนทางใหม่ให้กับตัวเอง
อย่าลืมแชร์ความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับ MobLand! คุณรู้สึกยังไงกับผลงานล่าสุดของกาย ริตชี? แสดงความเห็นไว้ด้านล่างเลย!**
- ประเภท: ดราม่า, อาชญากรรม
- วันที่ออกอากาศ: 30 มีนาคม 2025
- นักแสดงนำ: ทอม ฮาร์ดี้, เพียร์ซ บรอสแนน, เฮเลน เมียร์เรน, แพดดี้ คอนซิดีน, โจแอนน์ ฟร็อกแกตต์
- ผู้กำกับ: กาย ริตชี่
- จำนวนตอน/ความยาว: 10 ตอน
- เรตติ้ง IMDb: 8.1/10
- ช่องทางการดู: Paramount+