รีวิวซีรีส์ฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] Zero Day: เจาะระบบโลกสะเทือน (2025)

เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมว่า ถ้าวันนึงโลกเราถูกโจมตีด้วยไซเบอร์ครั้งใหญ่จนทุกอย่างพังทลายจะเป็นยังไง? “Zero Day” ซีรีส์ใหม่ล่าสุดจาก Netflix ที่เพิ่งฉายในปี 2025 มาพร้อมพล็อตสุดระทึกขวัญการเมืองที่หยิบเรื่องนี้มาเล่าได้อย่างน่าตื่นเต้น แค่เห็นชื่อนักแสดงนำอย่าง Robert De Niro ก็รู้แล้วว่าต้องไม่ธรรมดา แถมยังมีดาราระดับท็อปอีกเพียบที่มาช่วยกันถ่ายทอดเรื่องราวการโจมตีที่ทำให้อเมริกาต้องหยุดชะงักไปหนึ่งนาทีเต็มๆ แต่ผลที่ตามมาคือความโกลาหลและความสูญเสียที่คาดไม่ถึง เพื่อนๆ ที่ชอบอะไรเข้มๆ ดราม่าหนักๆ บอกเลยว่างานนี้ห้ามพลาด!

เรื่องราวเริ่มต้นจากเหตุการณ์ที่เรียกว่า “Zero Day” การโจมตีระบบดิจิทัลครั้งใหญ่ที่ทำให้รถชน เครื่องบินตก และไฟดับทั่วประเทศ แค่คิดก็ขนลุกแล้วใช่ไหมล่ะ? ทีมงาน Netflix ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะนอกจากจะได้ดาราแม่เหล็กมาเต็มสูบ ยังใส่รายละเอียดที่สมจริงจนเรารู้สึกว่า “เออ มันเกิดขึ้นได้จริงๆ นะ” แต่คำถามคือ ซีรีส์เรื่องนี้จะพาเราไปเจาะลึกประเด็นนี้ได้แค่ไหนกัน? บทความนี้จะพาไปดูกันแบบละเอียดยิบ ทั้งจุดที่ชอบและจุดที่สะดุด รับรองว่าอ่านจบแล้วอยากกดดูทันที!

ที่สำคัญคือ Zero Day ไม่ได้มีแค่ความลุ้นระทึกอย่างเดียว มันยังสะท้อนปัญหาการเมืองในยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างกลายเป็นเกมแพ้-ชนะ ไม่มีใครยอมใคร และความจริงแทบไม่สำคัญเท่าการได้หน้าได้ตา ด้วยความยาวแค่ 6 ตอน เรื่องนี้เลยต้องใช้ทุกนาทีให้คุ้ม ซึ่งบางช่วงก็ทำได้ดีมาก แต่บางช่วงก็…เอิ่ม ชวนให้เราอยากกดข้ามนิดนึง เพื่อนๆ อยากรู้แล้วใช่ไหมว่ามันดีแค่ไหน เดี๋ยวเล่าให้ฟังต่อเลย!

เจาะระบบโลกสะเทือน Zero Day (2025)

รีวิวและเรื่องย่อ Zero Day: เจาะระบบโลกสะเทือน

พูดถึง Zero Day แล้วไม่พูดถึงนักแสดงไม่ได้เลย เพื่อนๆ รู้ไหมว่า Netflix เขาจัดหนักจัดเต็มมาก ดึงตัว Robert De Niro มาเป็นหัวเรือใหญ่ในบท George Mullen อดีตประธานาธิบดีที่ต้องกลับมาช่วยชาติแก้ปัญหาวิกฤตครั้งนี้ บอกเลยว่าแค่เห็นหน้าตานิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยพลังของลุง De Niro ก็รู้สึกถึงความขลังแล้ว แม้บางฉากจะดูเหมือนเขาเหนื่อยๆ ไปบ้าง แต่ฉากสอบสวนหรือการให้การต่อสภาที่เขาปล่อยของเต็มที่ เรียกว่าคุ้มค่าการรอคอยมากๆ

ไม่ใช่แค่ De Niro นะ ดาราสมทบก็ระดับตัวพ่อตัวแม่ทั้งนั้น Jesse Plemons มาในบทลูกน้องคนสนิทที่ไว้ใจได้ ส่วน Lizzy Caplan เล่นเป็นลูกสาวที่มีปากเสียงกับพ่อตลอดเวลา Joan Allen รับบทภรรยาที่คอยซัพพอร์ต ส่วน Connie Britton โผล่มาทีหลังในฐานะอดีตหัวหน้าทีมงานที่รู้ความลับเยอะแยะ แถมยังมี Bill Camp, Matthew Modine และ Dan Stevens ที่มาเติมสีสันให้เรื่องนี้ดูมีชีวิตชีวา แม้บางคาแรกเตอร์จะดูสูตรสำเร็จไปหน่อย แต่ด้วยฝีมือการแสดงของพวกเขา ทำให้ทุกอย่างดูจริงจังและน่าติดตาม

บทความที่เกี่ยวข้อง
Advertisement

ถ้าจะให้เปรียบ เหมือน Netflix รวม Avengers แห่งวงการแสดงมาไว้ในเรื่องเดียวเลยล่ะ แต่ละคนมีจุดเด่นชัดเจน และช่วยกันพยุงเรื่องให้ไม่จม แม้บางช่วงจะรู้สึกว่าบทมันเยอะเกินจนตามไม่ทัน แต่แค่ได้เห็นดาราเหล่านี้ประชันฝีมือกัน เพื่อนๆ ก็รู้สึกคุ้มแล้วล่ะ!

มาถึงส่วนเนื้อเรื่องกันบ้าง Zero Day เริ่มต้นด้วยการโจมตีไซเบอร์ที่เรียกว่า “Zero Day” ที่ทำให้อเมริกาต้องหยุดนิ่งไป 60 วินาที แต่ผลที่ตามมาคือความเสียหายมหาศาล เพื่อนๆ ลองนึกภาพตามสิ ถ้าวันนึงโทรศัพท์เราขึ้นข้อความว่า “มันจะเกิดขึ้นอีก” แล้วทุกอย่างรอบตัวพังลงในพริบตา มันน่ากลัวแค่ไหนกัน? เรื่องนี้ตั้งใจเล่าถึงความเปราะบางของโลกที่พึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ซึ่งเป็นประเด็นที่ใกล้ตัวเราทุกคน

ตัวละครหลักอย่าง Evelyn Mitchell (รับบทโดย Angela Bassett) ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ตัดสินใจตั้งคณะกรรมการ Zero Day Commission โดยให้ George Mullen เป็นหัวหน้า เพื่อสืบหาความจริงเรื่องการโจมตีครั้งนี้ แต่มันไม่ง่ายเลยนะ เพราะ Mullen เองก็มีอดีตที่ไม่ค่อยสวยงามซ่อนอยู่ แถมยังเริ่มมีอาการหลงๆ ลืมๆ จากวัยที่มากขึ้น ทำให้เราลุ้นตลอดว่าเขาจะพาทีมไปถึงจุดหมายได้ยังไง

จุดเด่นคือความสมจริงของพล็อตที่หยิบประเด็นการเมืองและเทคโนโลยีมาเล่าได้น่าสนใจ แต่จุดด้อยคือช่วงกลางๆ เรื่องที่รู้สึกเนือยไปหน่อย มีปมย่อยเยอะเกินจนเหมือนยัดมาเพื่อยื้อเวลา แต่พอถึงสองตอนสุดท้าย บอกเลยว่ามันพีคมาก ทั้งบทสรุปและการแสดงของ De Niro ที่ทำให้เราต้องปรบมือให้!

ถ้าถามว่า Zero Day ดีไหม เพื่อนๆ คงอยากรู้จุดเด่นก่อนใช่ไหม? ข้อแรกคือทีมนักแสดงที่ยกขบวนกันมาแบบไม่มีกั๊ก ทุกคนเล่นดีจนลืมไม่ได้ โดยเฉพาะ De Niro ที่ถึงจะหน้าเหวี่ยงไปบ้าง แต่พลังการแสดงยังเต็มร้อย ข้อสองคือไอเดียเรื่องที่หยิบประเด็นไซเบอร์มาเล่าได้ทันสมัยและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน เห็นแล้วต้องกลับมามองตัวเองว่าเราเสี่ยงแค่ไหนในโลกดิจิทัล

แต่ถ้าจะให้ติ ก็ต้องบอกว่าช่วงกลางเรื่องมันช้าเกินไปหน่อย บางปมดูไม่จำเป็น เหมือนใส่มาเพื่อให้ครบ 6 ตอนเฉยๆ ถ้าตัดออกหรือทำให้กระชับกว่านี้ เรื่องนี้อาจจะสมบูรณ์แบบเลยก็ได้ อีกอย่างคือบางคาแรกเตอร์อย่างพิธีกรฝั่งซ้าย (Dan Stevens) หรือมหาเศรษฐีเทคโนโลยีที่ดูจะเหนือจริงไปนิด แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้

โดยรวมแล้ว Zero Day เหมือนรถไฟเหาะที่พาเราขึ้นลงตลอดเวลา เริ่มต้นดี กลางๆ สะดุด แต่จบได้สวยงาม ถ้าเพื่อนๆ อดทนกับช่วงเนือยๆ ได้ บอกเลยว่าตอนจบคุ้มแน่นอน!

ยุคนี้ที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยี Zero Day เหมือนกระจกที่สะท้อนความจริงให้เราเห็น ว่าถ้าวันนึงระบบล่ม เราจะรับมือยังไง? เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ซีรีส์ลุ้นระทึกธรรมดา แต่มันยังชวนให้คิดถึงการเมืองที่แตกแยก และการต่อสู้เพื่ออำนาจที่เราเห็นกันทุกวัน เพื่อนๆ ที่ชอบอะไรที่ทั้งสนุกและมีสาระ เรื่องนี้ตอบโจทย์แน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น การได้เห็นนักแสดงระดับตำนานอย่าง De Niro มาประชันฝีมือกับดาราคุณภาพอีกเพียบ มันเหมือนได้ดูหนังโรงดีๆ ในรูปแบบซีรีส์เลยล่ะ และถึงแม้จะมีข้อติบ้าง แต่จุดเด่นของมันก็มากพอที่จะทำให้เราอยากแนะนำต่อ ดูรีวิวเพิ่มเติมที่นี่ ถ้าเพื่อนๆ ยังลังเล ลองดูตอนแรกดูก่อน รับรองติดงอมแงม!

สรุปสั้นๆ เลยนะ Zero Day (2025) คือซีรีส์ที่ผสมความลุ้นระทึก การเมือง และดราม่าได้อย่างลงตัว นักแสดงดี พล็อตเด่น แม้จะมีช่วงสะดุดบ้าง แต่ตอนจบที่พีคสุดๆ ทำให้ทุกอย่างคุ้มค่า เพื่อนๆ ที่ชอบอะไรเข้มข้นและทันสมัย ต้องลองดูให้ได้ อย่าปล่อยให้ 6 ตอนนี้ผ่านไปเฉยๆ ล่ะ!

หลังดูจบแล้ว อย่าลืมมาเมาท์กันในคอมเมนต์นะ ว่าชอบฉากไหน หรือคิดว่าตัวละครไหนเด็ดสุด ส่วนตัวยกให้ฉากสอบสวนของ De Niro เลย แชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ ที่ชอบซีรีส์ดีๆ ด้วยล่ะ รับรองไม่ผิดหวัง!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: เจาะระบบโลกสะเทือน
  • ประเภท: ดราม่า, การเมือง, ระทึกขวัญ
  • วันที่ออกอากาศ: 20 กุมภาพันธ์ 2025
  • นักแสดงนำ: โรเบิร์ต เดอ นีโร, เจสซี พลีมอนส์, ลิซซี่ แคปแลน, คอนนี่ บริตตัน, โจน อัลเลน, แองเจลา บาสเซตต์
  • ผู้กำกับ: เลสลี ลินก้า แกลตเตอร์
  • จำนวนตอน/ความยาว: 6 ตอน
  • เรตติ้ง IMDb: 6.9/10
  • ช่องทางการดู: Netflix

Advertisement

กดเพื่ออ่านต่อ
Advertisement

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button