[รีวิว] The Lord Of The Rings: The Rings Of Power ซีซั่น 2

ในยุคที่ซีรีส์พรีเควลกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว หลายๆ เรื่องที่มีตัวละครที่น่าสนใจเพียงเล็กน้อยก็ได้รับการสร้างเป็นซีรีส์แยกย่อย แต่ไม่กี่เรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง เช่น “Andor” จากจักรวาล Star Wars หรือ “House Of The Dragon” ในขณะที่บางเรื่องก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับต้นฉบับได้ เช่น “Better Call Saul” ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง

“The Rings Of Power” ซีซั่นแรกเผชิญกับความคาดหวังที่สูงลิบ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับไตรภาค “The Lord Of The Rings” ของปีเตอร์ แจ็คสัน ซึ่งถือเป็นการดัดแปลงที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รักของแฟนๆ ทั่วโลก สำหรับหลายคน ซีซั่นแรกอาจไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะมีการแนะนำตัวละครที่น่าสนใจและการสร้างภาพที่สดใสของยุคที่สองของมิดเดิลเอิร์ธ แต่ก็ยังมีการขยายเรื่องราวมากเกินไป จนทำให้การเชื่อมโยงระหว่างโลกต่างๆ เช่น นูเมนอร์, คาซาด-ดุม และลินดอน ดูยุ่งเหยิง อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงตอนจบของซีซั่นแรก เมื่อฮัลแบรนด์เปิดเผยตัวตนว่าเป็นซอรอน ก็เกิดความชัดเจนขึ้นว่าเรื่องราวสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่ต้องเก็บความลับอีกต่อไป

ในซีซั่นที่สองนี้ เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดของซอรอน ซึ่งทำให้เรารู้สึกถึงความทะเยอทะยานของซีซั่นนี้ ตั้งแต่ช่วงแรกของตอนเปิดตัว ซอรอนถูกฆ่าโดยอดาร์ ผู้ช่วยที่สำคัญของเขา และเขาก็ละลายกลายเป็นของเหลวสีดำที่ไหลผ่านภูเขาเพื่อค้นหาสิ่งที่จะทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป การเปรียบเทียบกับฉากที่กอลลัมต้องดิ้นรนใน “Return Of The King” ของแจ็คสัน ทำให้เราเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างสองตัวละครที่มีความต้องการอย่างรุนแรง

การกลับมาสู่มิดเดิลเอิร์ธในซีซั่นนี้แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของเรื่องราว โดยที่ตัวละครที่คุ้นเคยอย่างกาลาเดรียลและเอลรอนด์ไม่ได้ปรากฏในบางตอน ทำให้ตัวละครอื่นๆ ได้มีโอกาสแสดงบทบาทมากขึ้น เซเลบริมบอร์ ช่างตีเหล็กเอลฟ์ กลายเป็นตัวละครหลักในซีซั่นนี้ ขณะที่ซอรอนในรูปแบบของแอนนาทาร์ได้เข้ามาชักใยเขาให้สร้างแหวน (และใช่ มีแหวนมากมายในซีซั่นนี้) ในขณะเดียวกัน อดาร์ ซึ่งเป็นครึ่งเอลฟ์ครึ่งออร์ค ก็มีเวลาจอเพียงพอที่จะกลายเป็นตัวร้ายที่น่าสงสาร โดยมีหนึ่งในผู้ช่วยออร์คของเขาที่มีเรื่องราวเล็กน้อยของตนเอง

การพัฒนาของตัวละครและเรื่องราว

การเล่าเรื่องในซีซั่นนี้มีลักษณะคล้ายกับการเล่าเรื่องใน “The Wire” โดยเชื่อมั่นว่าผู้ชมจะติดตามเส้นเรื่องที่ถูกทิ้งไว้เป็นเวลานานจนกระทั่งมีการเชื่อมโยงเมื่อจำเป็น อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเสียบางประการ เช่น สงครามกลางเมืองที่คุกคามนูเมนอร์ได้รับการนำเสนออย่างผิวเผิน ดูเหมือนว่าจะถูกเก็บไว้สำหรับซีซั่นถัดไป ในขณะที่ตอนที่ไม่มีคนแคระซึ่งเป็นจุดเด่นของซีรีส์ก็ทำให้รู้สึกเบาบางลง การเดินทางของฮาร์ฟุตก็รู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้บ้าง แม้ว่าฉากของแดเนียล เวย์แมนกับพ่อมดลึกลับจะมีเสน่ห์อย่างมาก แต่โลกของมิดเดิลเอิร์ธกลับมีชีวิตชีวามากกว่าที่เคย ตลาดของคนแคระและเด็กออร์คบ่งบอกถึงโลกที่อยู่เบื้องหลังจอภาพ ในขณะที่จำนวนของสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นอย่างยอดเยี่ยมแสดงให้เห็นว่าเราสามารถสนุกสนานกับโลกของโทลคีนได้มากเพียงใด

การต่อสู้ในซีซั่นนี้มีความยิ่งใหญ่และถูกเล่าในสองตอน โดยมีการพัฒนาตัวละครที่ยอดเยี่ยมและการเสียชีวิตที่น่าประหลาดใจ ผู้ที่เคยบ่นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในซีซั่นที่สองของ “House Of The Dragon” จะต้องตื่นเต้นกับการที่ “The Rings Of Power” ไม่ยอมให้เรื่องราวหยุดนิ่ง จริงๆ แล้ว ซีซั่นที่สองนี้ดีกว่าซีซั่นแรก โดยเฉพาะในด้านการเล่าเรื่องและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ในขณะที่ผู้เขียนยังคงเล่าเรื่องราวที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ เราหวังว่าเรื่องราวจะไม่วนเวียนเหมือนฮอบบิทและกลับไปกลับมา

สรุป

โดยรวมแล้ว ซีซั่นที่สองของ “The Rings Of Power” ได้รับการพัฒนาอย่างชัดเจน โดยเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครและการพัฒนาของเรื่องราวที่มีความเข้มข้นมากขึ้น การเล่าเรื่องที่มีความชัดเจนและการมุ่งเน้นไปที่ซอรอนในฐานะตัวร้ายหลักทำให้ซีซั่นนี้มีความน่าติดตามมากขึ้น และแม้ว่าจะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการสร้างสรรค์โลกของมิดเดิลเอิร์ธให้มีชีวิตชีวาและน่าสนใจยิ่งขึ้นในอนาคต

• ประเภท: แฟนตาซี, ดราม่า, ผจญภัย
• วันที่ออกอากาศ: 29 สิงหาคม 2024
• นักแสดงนำ: Morfydd Clark, Robert Aramayo, Charlie Vickers
• ผู้กำกับ: Charlotte Brändström, Sanaa Hamri, Louise Hooper
• จำนวนตอน/ความยาว: 8 ตอน
• เรตติ้ง IMDb: 8.0/10
• ช่องทางการดู: Amazon Prime Video