รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง | Until Dawn (2025)

ในยุคที่หนังฮอลลีวูดมักนำตัวละครกลับมาคืนชีพแบบไม่ต้องมีเหตุผล เช่น การประกาศสร้าง John Wick 5 หลังจอห์น วิค ตายไปแล้วในภาคก่อน ความตายในภาพยนตร์ดูจะกลายเป็นแค่เรื่องชั่วคราวที่แก้ไขได้เสมอ Until Dawn (2025) ก็เป็นอีกหนังที่เล่นกับแนวคิดนี้ แต่แทนที่จะสร้างความตื่นเต้น กลับทำให้ทุกอย่างดูไร้ซึ่งความหมาย

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากเกม PlayStation 4 ชื่อดังในปี 2015 ที่เคยได้รับความนิยมจากระบบการเล่นแบบ “เลือกแล้วต้องเผชิญผลลัพธ์” แต่เมื่อย้ายมาสู่รูปแบบภาพยนตร์ กลับกลายเป็นเพียงการยัดเยียดความสยองแบบซ้ำๆ โดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน ตัวละครตายแล้วฟื้น ตายแล้วฟื้น วนลูปแบบไม่รู้จบ จนผู้ชมอาจเริ่มถามตัวเองว่า “แล้วเราควรจะรู้สึกอย่างไรกับหนังเรื่องนี้?”

หากคุณเคยชื่นชอบแนว “สยองขวัญแบบมีกติกา” เช่นใน Groundhog Day หรือ Palm Springs ที่ตัวเอกพยายามแก้ไขชะตาชีวิตตัวเอง Until Dawn อาจทำให้คุณผิดหวัง เพราะที่นี่ไม่มีการพัฒนาใดๆ ตัวละครเพียงแค่ตายแล้วเกิดใหม่ในคืนต่อไป โดยที่เหตุการณ์ไม่ได้เชื่อมโยงกันเลย สิ่งที่เหลืออยู่คือเพียงความรุนแรงและภาพสยองที่ถูกนำเสนอแบบสะเปะสะปะ

ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง | Until Dawn (2025)

รีวิวและเรื่องย่อ Until Dawn (ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง)

Until Dawn ฉายให้เห็นกลุ่มนักศึกษา 5 คนที่ติดอยู่ในบ้านลึกลับกลางป่า ซึ่งเต็มไปด้วยวิญญาณปีศาจและนักฆ่าสารพัดแบบ แต่แทนที่พวกเขาจะต้องพยายามหาทางรอดหรือไขความลับของบ้านหลังนี้ หนังกลับเลือกให้พวกเขาตายแล้วเกิดใหม่ในคืนถัดไปโดยไม่มีเหตุผล

ตัวละครหลักอย่าง คลอเวอร์ (Ella Rubin) พยายามตามหาน้องสาวที่หายตัวไป แต่เส้นทางนี้กลับไม่นำไปสู่การเปิดเผยความจริงใดๆ แม้จะมีใบปลิว “คนหาย” มากมายในบ้าน แต่ทุกอย่างจบลงแบบคลุมเครือ ไม่มีคำตอบ ไม่มีบทสรุป ที่น่าผิดหวังคือการตายของตัวละครไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเรื่องราวเลย

บทความที่เกี่ยวข้อง
Advertisement

หนังพยายามยัดเยียดความหลากหลายของเหล่าปีศาจและนักฆ่า ตั้งแต่ หน้ากากคลาสสิก ไปจนถึง วิญญาณลึกลับ แต่ทุกอย่างดูตื้นเขินและไม่น่าตื่นเต้น ปีศาจแต่ละตัวปรากฏตัวแบบสุ่มๆ โดยไม่มีกฎเกณฑ์หรือที่มาชัดเจน ทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกถึงความกลัวที่แท้จริง

แม้จะมีฉากเลือดสาดและความรุนแรงระดับสูง แต่เมื่อรู้ว่าตัวละครจะไม่ตายถาวร ไม่มีอะไรให้กังวล ความตึงเครียดก็หายไปในทันที สิ่งที่เหลืออยู่คือเพียง ความรุนแรงที่ไร้จุดหมาย และ ความสยองที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือแบบฉาบฉวย

Until Dawn ในรูปแบบเกมนั้นน่าสนใจเพราะผู้เล่นสามารถ กำหนดชะตากรรมของตัวละคร ได้ แต่เมื่อกลายเป็นหนัง กลไกนี้หายไป หนังเลือกเส้นทางที่ง่ายที่สุด นั่นคือการยัดฉากสยองขวัญเข้าไปแบบไม่ต้องคิดมาก

แม้หนังจะอ้างอิงจากผลงานคลาสสิกอย่าง Evil Dead II และ Silent Hill แต่กลับไม่สามารถถ่ายทอดความน่าสนใจของต้นแบบได้เลย สุดท้ายแล้ว Until Dawn (2025) กลายเป็นเพียง หนังสยองขวัญที่ดูแล้วไม่เหลืออะไรในความทรงจำ

Until Dawn (2025) เป็นตัวอย่างของหนังที่ พลาดโอกาสในการสร้างความตื่นเต้น แม้จะมีแนวคิดที่น่าสนใจ แต่การดำเนินเรื่องที่ไร้ทิศทางและตัวละครที่ขาดพัฒนาการทำให้หนังเรื่องนี้จบลงแบบ ไม่เหลืออะไรให้จดจำ

หากคุณเป็นแฟนหนังสยองขวัญที่ชอบความท้าทายและเหตุผลอันชัดเจน Until Dawn อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีนัก แต่หากคุณแค่อยากดู ความรุนแรงแบบไม่ต้องคิดมาก หนังเรื่องนี้อาจให้ความบันเทิงในระดับหนึ่ง

คุณคิดว่า Until Dawn (2025) น่าดูหรือไม่? แชร์ความคิดเห็นของคุณด้านล่าง!

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง
  • ประเภท: สยองขวัญ, ระทึกขวัญ, ไซไฟ
  • วันที่ออกอากาศ: 25 เมษายน 2025
  • นักแสดงนำ: เอลล่า รูบิน, ไมเคิล ซิมิโน, โอเดสซา อาไซออน, จี-ยอง ยู, เบลมอนต์ คาเมลี, ไมอา มิทเชลล์, ปีเตอร์ สตอร์แมร์
  • ผู้กำกับ: เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก
  • จำนวนตอน/ความยาว: 1 ชั่วโมง 43 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 6.1/10
  • ช่องทางการดู: โรงภาพยนตร์

Advertisement
กดเพื่ออ่านต่อ
Advertisement

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button