[รีวิว-เรื่องย่อ] สโนว์ไวท์ | Snow White (2025)

เมื่อพูดถึงการรีเมคคลาสสิกของ Disney เรื่อง Snow White (2025) ก็เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่สร้างความฮือฮาและความขัดแย้งมาตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกนักแสดง การปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้ทันสมัย หรือแม้แต่การตอบโต้จากกลุ่มผู้ชมบางส่วนที่มองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ “ตื่นตัวเกินไป” (woke) จนกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์

แต่เมื่อหนังออกฉายแล้ว เราจะพบว่า Snow White ไม่ได้แย่ที่สุดหรือดีที่สุดในบรรดาการรีเมคของ Disney มันเป็นหนังที่ผสมผสานทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนเข้าด้วยกัน ตั้งแต่การแสดงอันโดดเด่นของ Rachel Zegler ในบท Snow White ไปจนถึงการออกแบบเอฟเฟกต์ภาพที่สวยงาม แต่ก็มีปัญหาบางส่วนเช่นกัน โดยเฉพาะการยืดเนื้อเรื่องให้ยาวเกินจำเป็น

แล้ว Snow White เรื่องนี้จะตอบโจทย์แฟนๆ Disney หรือไม่? หรือมันจะกลายเป็นเพียงอีกหนึ่งหนังรีเมคที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก? มาค้นหาคำตอบไปพร้อมกันในรีวิวนี้

รีวิวและเรื่องย่อ Snow White (สโนว์ไวท์)

หนึ่งในประเด็นที่ทำให้ Snow White (2025) ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางคือการคัดเลือก Rachel Zegler นักแสดงสาวลูกครึ่งโคลอมเบีย-โปแลนด์ มารับบท Snow White ซึ่งทำให้กลุ่มอนุรักษนิยมบางส่วนไม่พอใจและมองว่าการคัดเลือกนี้เป็นความ โวก (woke) นอกจากนี้ Rachel ยังถูกวิจารณ์หนักจากคำพูดที่เธอให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องนี้จะถูกปรับให้เป็นเวอร์ชันที่เน้นแนวคิดสตรีนิยมมากขึ้น

แต่ความขัดแย้งไม่ได้จบแค่นั้น Peter Dinklage นักแสดงชื่อดังยังออกมาแสดงความไม่พอใจที่ Disney กลับมาทำเรื่องราวเกี่ยวกับคนแคระอีกครั้ง โดยมองว่าเป็นเรื่องที่ล้าสมัยและไม่เหมาะสมกับยุคสมัย Disney ตอบโต้ด้วยการปรับเปลี่ยนลักษณะของคนแคระในหนัง แต่ก็ทำให้หลายคนสงสัยว่าพวกเขาจะตัดตัวละครนี้ทิ้งไปเลยหรือไม่

และเมื่อหนังเข้าฉาย เราก็พบว่าคนแคระยังอยู่ในเรื่อง แต่ถูกสร้างผ่านเทคโนโลยี Motion Capture และ CGI ซึ่งบางครั้งก็ดูแปลกตาและไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร

เนื้อเรื่องหลักของ Snow White (2025) ยังคงคล้ายกับเวอร์ชันดั้งเดิมในปี 1937 โดยเล่าถึงเจ้าหญิง Snow White (Rachel Zegler) ที่ต้องหลบหนีจากแม่เลี้ยงใจร้าย Evil Queen (Gal Gadot) หลังจากที่กระจกวิเศษบอกว่าเธอคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในแผ่นดิน Evil Queen จึงสั่งให้ Huntsman ฆ่า Snow White แต่เขากลับใจอ่อนและปล่อยเธอไป

Snow White หนีเข้าไปในป่าและพบกับสัตว์น่ารักๆ ที่พาเธอไปยังบ้านของคนแคระทั้งเจ็ด จากนั้นเธอก็เริ่มชีวิตใหม่ในป่า แต่ Evil Queen ก็ตามหาเธอไม่หยุด และนี่คือจุดที่เนื้อเรื่องเริ่มแตกต่างจากเวอร์ชันเดิม เพราะในเวอร์ชันนี้ Snow White ไม่ได้รอให้เจ้าชายมาช่วย แต่เธอตัดสินใจร่วมมือกับกลุ่มกบฏเพื่อต่อสู้กับ Evil Queen และกอบกู้ราชอาณาจักรคืน

การปรับเปลี่ยนนี้ทำให้เรื่องราวดูทันสมัยขึ้น แต่ก็มีข้อเสียคือเนื้อเรื่องถูกยืดให้ยาวเกินจำเป็น โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มกบฏที่ดูเหมือนเป็นเพียงตัวเติมเวลาให้หนังยาวขึ้น

จุดแข็งที่ชัดเจนที่สุดของ Snow White (2025) คือการแสดงของ Rachel Zegler ที่เต็มไปด้วยพลังและความอบอุ่น เธอไม่เพียงแต่แสดงได้ดี แต่ยังร้องเพลงได้ไพเราะและน่าประทับใจอีกด้วย ส่วน Gal Gadot ในบท Evil Queen ก็ทำได้ดีในการสร้างความน่ากลัวและความสนุกสนานให้กับตัวละคร แม้ว่าการร้องเพลงของเธอจะไม่โดดเด่นเท่าการแสดง

ในด้านเอฟเฟกต์ภาพ หนังเรื่องนี้ออกแบบได้สวยงามและมีสีสัน โดยเฉพาะฉากในป่าและสัตว์น่ารักๆ ที่ดูมีชีวิตชีวา ส่วนเครื่องแต่งกายก็ออกแบบได้อย่างวิจิตรบรรจง สมกับเป็นหนังของ Disney

แม้จะมีจุดแข็งหลายอย่าง แต่ Snow White (2025) ก็มีจุดอ่อนที่ทำให้หนังไม่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะเนื้อเรื่องที่ถูกยืดให้ยาวเกินจำเป็น และการเพิ่มกลุ่มกบฏเข้ามาก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้เรื่องราวน่าสนใจขึ้น

นอกจากนี้ คนแคระทั้งเจ็ดที่ถูกสร้างผ่านเทคโนโลยี Motion Capture และ CGI ก็ดูแปลกตาและไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร บางครั้งพวกเขาดูเหมือนอยู่ใน Uncanny Valley ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่สะดวกใจ

Snow White (2025) เป็นหนังที่ทั้งดีและไม่ดีในเวลาเดียวกัน มันมีจุดแข็งที่ชัดเจน เช่น การแสดงของ Rachel Zegler และเอฟเฟกต์ภาพที่สวยงาม แต่ก็มีจุดอ่อนที่ทำให้หนังไม่สมบูรณ์แบบ เช่น เนื้อเรื่องที่ยืดเยื้อและคนแคระที่ดูแปลกตา

หากคุณเป็นแฟนตัวยงของ Disney หรืออยากดูหนังที่เหมาะสำหรับเด็ก Snow White (2025) อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าคุณคาดหวังหนังที่สมบูรณ์แบบและไม่มีที่ติ คุณอาจจะรู้สึกผิดหวัง

คุณคิดว่า Snow White (2025) เป็นการรีเมคที่คุ้มค่าหรือไม่? แชร์ความคิดเห็นของคุณด้านล่างและอย่าลืมกดไลก์และแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ของคุณด้วย!

• ชื่อเรื่องในภาษาไทย: สโนว์ไวท์
• ประเภท: แฟนตาซี, ผจญภัย
• วันที่ออกอากาศ: 20 มีนาคม 2025
• นักแสดงนำ: กัล กาโดต์, ราเชล เซเกลอร์
• ผู้กำกับ: มาร์ค เว็บบ์
• จำนวนตอน/ความยาว: 1 ชั่วโมง 49 นาที
• เรตติ้ง IMDb: 2.1/10
• ช่องทางการดู: โรงภาพยนตร์