![Review La Dolce Villa (2025)](/wp-content/uploads/2025/02/Review-La-Dolce-Villa-2025.webp)
ถ้าคุณกำลังมองหาหนังรักคอมเมดี้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปอิตาลี แถมยังมีเรื่องราวชีวิตที่อบอุ่นและน่าประทับใจ La Dolce Villa (2025) อาจไม่ใช่คำตอบที่คุณตามหา แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่ถึงขั้นแย่แบบสุดกู่เหมือนหนังเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับ Mark Waters อย่าง “Mother of the Bride” แต่ก็ทำให้คนดูรู้สึกเบื่อมากกว่าสนุก
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ Eric (Scott Foley) ชายวัย 50 กว่าๆ ที่เพิ่งเสียภรรยาไป และตัดสินใจกลับไปอิตาลีอีกครั้ง ทั้งที่ความสัมพันธ์ของเขากับประเทศนี้ดูเหมือนจะถูกสาปให้มีแต่เรื่องแย่ๆ เป้าหมายของเขาคือตามหา Liv (Maia Reficco) ลูกสาววัย 20 กว่าๆ ที่กำลังจะใช้มรดกจากแม่ซื้อวิลล่าเก่าในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในอิตาลี ภายใต้โครงการขายวิลล่าราคา 1 ยูโร เพื่อดึงดูดคนใหม่ๆ ให้เข้ามาพัฒนาชุมชน
ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมล่ะ? แต่หนังกลับทำพลาดในหลายจุด จนทำให้เรื่องราวที่ควรจะหวานชื่นและอบอุ่น กลายเป็นเรื่องที่ขาดชีวิตชีวาและความลึกซึ้ง
![La Dolce Villa (2025)](/wp-content/uploads/2025/02/La-Dolce-Villa-2025.webp)
รีวิวและเรื่องย่อ La Dolce Villa (วิลล่าแห่งรัก)
La Dolce Villa ตั้งใจจะเล่าเรื่องราวการเริ่มต้นใหม่ของ Eric และ Liv ในอิตาลี แต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างดูผิวเผินและขาดความเชื่อมโยง หนังเริ่มต้นด้วยการที่ Eric เดินทางไปยังหมู่บ้าน Montezara เพื่อตามหา Liv และพบกับ Francesca (Violante Placido) นายกเทศมนตรีผู้มีความฝันที่จะพัฒนาหมู่บ้านให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ทั้งคู่ร่วมมือกันช่วย Liv เปลี่ยนวิลล่าเก่าให้กลายเป็นโรงเรียนสอนทำอาหาร ซึ่งน่าจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้กับชุมชน ฟังดูเป็นไอเดียที่ดี แต่หนังกลับไม่สามารถดึงความสนใจของคนดูได้ เพราะทุกอย่างดูถูกบังคับด้วยพล็อตที่คาดเดาได้ และขาดความลึกซึ้งในตัวละคร
ตัวละครใน La Dolce Villa ส่วนใหญ่เป็นคลิชชี่และขาดมิติ Eric เป็นพ่อที่ดูเคร่งเครียดและทำงานหนัก Liv เป็นลูกสาวที่ดูเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิต ส่วน Francesca ก็เป็นเพียงตัวละครที่ถูกสร้างมาเพื่อให้ Eric มีคนคอยช่วยเหลือ
แม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง Eric และ Francesca ที่ควรจะดูโรแมนติกและน่าติดตาม กลับกลายเป็นเรื่องที่ถูกบังคับด้วยพล็อตและขาดความร้อนแรง Liv เองก็หายไปจากเรื่องเป็นช่วงๆ และเมื่อเธอกลับมา ก็รู้สึกเหมือนเธอถูกยัดเยียดเข้ามาในเรื่องโดยไม่มีเหตุผล
หนึ่งในสิ่งที่ควรจะเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการถ่ายทำในอิตาลี แต่กลับกลายเป็นว่าหนังไม่สามารถถ่ายทอดความสวยงามและชีวิตชีวาของประเทศนี้ได้เลย Mark Waters ถ่ายทำหนังในหลายที่ทั่วทัสคานีและลาซีโอ แต่ทุกฉากดูเหมือนภาพถ่ายบนโปสการ์ดที่ถูกจัดวางอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ขาดความมีชีวิตชีวา
แสงสว่างที่จ้าเกินไปทำให้ภาพดูแบนและขาดมิติ สิ่งนี้ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังดูตัวละครที่ทำจากกระดาษลังเดินอยู่ในโลกที่ทำจากกระดาษลังเช่นกัน
หนังพยายามสื่อถึงแนวคิด “Dolce far niente” หรือการชื่นชมความสุขเล็กๆ ในชีวิต แต่กลับกลายเป็นว่าตัวละครหลักยังคงติดอยู่ในวังวนของความเครียดและงานหนัก แม้ว่าจะมีการพูดถึงแนวคิดนี้หลายครั้ง แต่ทุกอย่างในหนังยังวนอยู่กับการทำธุรกิจและสร้างรายได้
La Dolce Villa เป็นหนังที่พยายามจะเล่าเรื่องราวการเริ่มต้นใหม่ในอิตาลี แต่กลับทำพลาดในหลายจุด ทั้งการสร้างตัวละครที่ขาดมิติ การถ่ายทำที่ขาดชีวิตชีวา และพล็อตที่คาดเดาได้ หากคุณกำลังมองหาหนังรักคอมเมดี้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปอิตาลี แนะนำให้กลับไปดู “Under The Tuscan Sun” ดีกว่า
คุณคิดว่า La Dolce Villa เป็นหนังที่คุ้มค่ากับเวลาหรือไม่? แชร์ความคิดเห็นของคุณด้านล่าง และอย่าลืมกดแชร์บทความนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะ!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: วิลล่าแห่งรัก
- ประเภท: โรแมนติก, คอมเมดี้
- วันที่ออกอากาศ: 13 กุมภาพันธ์ 2025
- นักแสดงนำ: สก็อตต์ โฟลีย์, วิโอลันเต ปลาซิโด, ไมอา เรฟิคโค
- ผู้กำกับ: มาร์ค วอเตอร์ส
- ความยาว: 1 ชั่วโมง 39 นาที
- ช่องทางการดู: Netflix