![[รีวิว-เรื่องย่อ] Captain America: Brave New World (2025)](/wp-content/uploads/2024/11/Captain-America-Brave-New-World.webp)
“Captain America: Brave New World” เป็นหนังที่หลายคนตั้งตารอคอยหลังจากซีรีส์ “The Falcon and the Winter Soldier” จบลง หนังเรื่องนี้พยายามตอบคำถามใหญ่ๆ เกี่ยวกับการเป็นตัวแทนของคนผิวสีในอเมริกา แต่ทำไมการเป็นตัวแทนถึงไม่เพียงพอ? ทำไม Sam Wilson ถึงยังเชื่อมั่นในระบบที่ดูเหมือนจะไม่เคยให้ความยุติธรรมกับคนอย่างเขา?
หนังเรื่องนี้พยายามแตะประเด็นการเมืองและสังคม แต่กลับกลายเป็นว่ามันขาดความลึกซึ้งและความกล้าหาญในการนำเสนอเรื่องราวที่ท้าทาย สุดท้ายแล้ว “Brave New World” กลับกลายเป็นหนังที่พยายามเป็นทุกอย่างให้ทุกคน แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย
![Captain America: Brave New World (กัปตัน อเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่)](/wp-content/uploads/2025/02/Captain-America-Brave-New-World-2025.webp)
รีวิวและเรื่องย่อ Captain America: Brave New World (กัปตัน อเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่)
หนังเรื่องนี้เริ่มต้นด้วย Sam Wilson (Anthony Mackie) ที่รับบทบาท Captain America คนใหม่ เขายังคงเชื่อมั่นในรัฐบาลอเมริกาและระบบที่ดูเหมือนจะไม่เคยให้ความยุติธรรมกับคนผิวสี แต่ทำไมเขาถึงยังอยากเป็นส่วนหนึ่งของระบบนี้? คำถามนี้เป็นหัวใจของหนัง แต่แทนที่หนังจะตอบคำถามนี้อย่างลึกซึ้ง กลับเลือกที่จะเดินบนเส้นทางที่ปลอดภัยเกินไป
“The Falcon and the Winter Soldier” เคยแตะประเด็นสำคัญ เช่น การทดลอง Tuskegee และระบบคุกที่เอาเปรียบคนผิวสี แต่ “Brave New World” กลับไม่สามารถต่อยอดประเด็นเหล่านี้ได้ หนังเลือกที่จะห่อหุ้มธีมการเมืองด้วยฉากแอคชั่นที่ดูไม่เข้ากัน สุดท้ายแล้ว ฮีโร่ของเรากลับไม่ยืนหยัดเพื่ออะไรเลย และดูเหมือนจะพังทลายลงเมื่อพยายามปกป้องอนาคตที่ไร้สีสัน
หลายคนอาจบอกว่าพวกเขาไม่ได้ดู MCU เพื่อหาการเมือง แต่ “Brave New World” พยายามชวนให้เราคิดเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ หนังเริ่มต้นด้วยประธานาธิบดี Thaddeus Ross (Harrison Ford) ที่เชิญ Wilson ไปงานเลี้ยงที่ทำเนียบขาว แต่แทนที่งานเลี้ยงจะราบรื่น กลับจบลงด้วยความพยายามลอบสังหาร Ross โดย Isaiah Bradley (Carl Lumbly) ที่ถูกควบคุมจิตใจ
คุณอาจคิดว่าการถูกจับกุมอย่างไม่เป็นธรรมของ Bradley จะทำให้ Wilson ตั้งคำถามกับระบบ แต่กลับกัน เขายังคงทำงานเพื่อรัฐบาลและพยายามหาเหตุผลให้กับ Ross ที่ดูเหมือนจะมีด้านดีอยู่บ้าง หนังพยายามสร้างความขัดแย้งภายในตัวละคร แต่กลับไม่สามารถทำได้อย่างลึกซึ้ง
Samuel Sterns (Tim Blake Nelson) ตัวร้ายของเรื่อง กลับดูไร้พลังและไม่มีมิติ คุณอาจแทนที่เขาด้วยต้นไม้ก็ไม่ต่างกันมากนัก การปรากฏตัวของเขาทำให้หนังรู้สึกยืดเยื้อและน่าเบื่อ แม้แต่ดนตรีประกอบก็ไม่สามารถเพิ่มความตื่นเต้นให้กับฉากต่างๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ฉากแอคชั่นบางส่วนของหนังยังคงมีความแข็งแรง เช่น ฉากต่อสู้ในเม็กซิโกระหว่าง Wilson และ Sidewinder (Giancarlo Esposito) ที่มีการถ่ายทำที่เน้นการเคลื่อนไหวของร่างกาย แต่หนังก็ยังมีฉากแอคชั่นที่ดูแบนๆ และขาดสีสัน
ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนังเน้นไปที่ความเจ็บปวดและความโกรธแค้นของ Ross Harrison Ford พยายามแสดงออกมาให้ได้มากที่สุด แต่บทกลับเต็มไปด้วยคำพูดที่ซ้ำซากและขาดความสร้างสรรค์ แม้แต่ฉากที่ Ross กลายเป็น Red Hulk ซึ่งมี VFX ที่สวยงาม ก็ยังไม่สามารถช่วยให้หนังน่าตื่นเต้นขึ้นได้
จุดจบของหนังเป็นสิ่งที่ทำให้ผิดหวังที่สุด มันพยายามเสนอเรื่องการให้อภัยและการเป็นตัวแทนของคนผิวสี แต่กลับทำอย่างรีบร้อนและขาดความลึกซึ้ง หนังจบลงด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจ แทนที่จะเป็นความภาคภูมิใจ
“Captain America: Brave New World” เป็นหนังที่พยายามแตะประเด็นการเมืองและสังคม แต่กลับขาดความลึกซึ้งและความกล้าหาญในการนำเสนอ มันพยายามเป็นทุกอย่างให้ทุกคน แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นอะไรเลย หนังเรื่องนี้ไม่ใช่ความกล้าหาญที่เราคาดหวัง แต่เป็นเพียงภาพสะท้อนของโลกที่ยังไม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลง
ถ้าคุณชอบบทความนี้ อย่าลืมแชร์และแสดงความคิดเห็นด้านล่าง!
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: กัปตัน อเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่
- ประเภท: แอ็กชัน, ระทึกขวัญ, การเมือง
- วันที่ออกอากาศ: 12 กุมภาพันธ์ 2025
- นักแสดงนำ: แอนโธนี แมคกี, แฮร์ริสัน ฟอร์ด, แดนนี่ รามิเรซ, ชิรา ฮาส
- ผู้กำกับ: จูเลียส โอนาห์
- ความยาว: 1 ชม. 58 นาที
- เรตติ้ง IMDb: 6.1/10
- ช่องทางการดู: โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ