รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์ | Beetlejuice Beetlejuice (2024) ภาคต่อคืนชีพความคลาสสิก

หากคุณเคยประทับใจกับความแปลกประหลาดแต่กลมกล่อมของ “Beetlejuice” ต้นฉบับเมื่อปี 1988 คงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า “Beetlejuice Beetlejuice (2024)” ภาคต่อที่ใช้เวลากว่า 36 ปีในการกลับมาจะยังคงเสน่ห์หรือพลิกเกมได้เพียงใด ภาพยนตร์เรื่องนี้สตรีมมิ่งบน Max และบริการ VOD อย่าง Amazon Prime Video พร้อมเหล่าทีมนักแสดงและผู้กำกับดั้งเดิมที่กลับมาสร้างความคึกคัก ทว่าคำถามคือ มันจะเป็นเพียงการขุดจินตนาการครั้งเก่ามาย้ำอีกหรือมีของใหม่ให้เราตื่นเต้นกันจริงๆ?

ภาคต่อครั้งนี้หวนคืนสู่โลกที่ Tim Burton เคยสร้างชื่อและขยับเขาเข้าสู่แถวหน้าของฮอลลีวูด กับการกลับมาของ Winona Ryder, Michael Keaton และ Catherine O’Hara เสริมด้วยพลังใหม่จาก Jenna Ortega ดาราที่เรียกความสนใจได้ดีจากเจเนอเรชันปัจจุบัน แต่ความท้าทายอยู่ตรงที่คำถามเชิงคุณภาพ: ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็จริง แต่ตัวเงินเป็นดัชนีที่ตอบได้หรือไม่ว่ามันสมควรแก่มรดกความคลาสสิกที่ต้นฉบับเคยสร้างไว้?

เช่นเดียวกับแฟน ๆ ที่มีความทรงจำอันอบอุ่นกับภาคแรก ผู้ชมอาจคาดหวังความคิดสร้างสรรค์ ความแปลก และความสนุกเหนือโลกวิญญาณอีกครั้ง แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยภาคต่อ ภาคแยก และการรีเมค การรักษาความสดใหม่และไม่ให้เสน่ห์เดิมถูกเจือจางเป็นโจทย์ยาก แล้ว “Beetlejuice Beetlejuice (2024)” จะพิสูจน์ตนเองว่าคุ้มค่าการรอคอย หรือเป็นแค่เงาจาง ๆ ของความรุ่งเรืองในอดีต?

Beetlejuice Beetlejuice (บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์) (2024) #2

รีวิวและเรื่องย่อ Beetlejuice Beetlejuice (บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์)

“Beetlejuice” ภาคต้นฉบับในปี 1988 คือผลงานที่พา Tim Burton ก้าวสู่การเป็นผู้กำกับชั้นแนวหน้า และทำให้ผู้ชมรู้จักสไตล์ “กอธิค” ผสานอารมณ์ขันแปลก ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ Michael Keaton ในบท Beetlejuice และ Winona Ryder ในบท Lydia Deetz กลายเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่ในใจแฟนหนังกลุ่มเจเนอเรชัน X ความสำเร็จของหนังต้นฉบับไม่เพียงแค่สร้างชื่อให้กับทีมงานและนักแสดง แต่ยังเปิดทางให้ Burton มีโอกาสกำกับ “Batman” ในปีถัดมาอีกด้วย เมื่อเวลาผ่านไป “Beetlejuice” กลายเป็นภาพยนตร์คัลท์คลาสสิก ด้วยเหตุนี้ภาคต่อในปี 2024 จึงถูกจับตาอย่างยิ่ง

Advertisement

ใน “Beetlejuice Beetlejuice (2024)” เราได้เห็น Tim Burton กลับมาคุมบังเหียนอีกครั้ง พร้อม Winona Ryder, Michael Keaton และ Catherine O’Hara ร่วมจอ พวกเขาไม่ได้แค่กลับมาปรากฏตัว แต่ยังมาในบรรยากาศที่พยายามคงสไตล์เก่าทว่าเพิ่มความเฉียบคมมากขึ้น Keaton ในบท Beetlejuice ยังคงเต็มไปด้วยความเพี้ยนแบบมีเสน่ห์ ดนตรีของ Danny Elfman ยังคงกระตุ้นอารมณ์โกลาหลในหัวคนดู ขณะที่ Ryder ยังคงเจิดจรัสในบท Lydia ที่ตอนนี้กลายเป็นแม่กลางวัย มีรายการทีวีสื่อสารกับวิญญาณ และยังคงแต่งกายโทนดำสร้างเอกลักษณ์สุดคลาสสิก

สำหรับเจเนอเรชันใหม่ “Beetlejuice Beetlejuice (2024)” มีไม้เด็ดคือ Jenna Ortega ที่รับบทเป็น Astrid ลูกสาวของ Lydia ด้วยการแสดงที่เข้าถึงง่าย และความโด่งดังจากผลงานก่อนหน้า Ortega มีพลังดึงดูดสายตาแฟนยุค Gen Z ให้เข้ามาจับจ้องหนังเรื่องนี้ เธอเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่สงสัยในความเป็นจริงของโลกวิญญาณ และชวนให้คนดูย้อนกลับมาถามว่าการสื่อสารกับดินแดนหลังความตายคือเรื่องจริงหรือเพียงภาพหลอน

“Beetlejuice Beetlejuice (2024)” เริ่มต้นด้วยบรรยากาศคุ้นตา เสียงดนตรีของ Elfman ยังคงชวนคลั่งนิด ๆ การเปิดฉากชวนให้นึกถึงภาคแรก Lydia ในวัยกลางคนเป็นพิธีกรรายการ “Ghost House” ที่สื่อสารกับวิญญาณ แม้เธอจะยังเห็น Beetlejuice ในภาพหลอนที่เหมือนอดีตยังตามหลอกหลอนเธอไม่เลิก เธอสูญเสียสามี และกำลังมีคู่ชีวิตใหม่คือ Rory โปรดิวเซอร์รายการทีวีบุคลิก “รักสันติ” จนน่าขัน ขณะเดียวกัน Delia แม่เลี้ยงศิลปินตัวป่วนยังคงอยู่กับงานศิลป์เพี้ยน ๆ ของเธอ

การเสียชีวิตของ Charles ผู้เป็นพ่อและสามีในตระกูล Deetz ถูกถ่ายทอดด้วยสต็อปโมชั่นที่ดูล้ำและแปลก เนื่องจากนักแสดงต้นฉบับ Jeffrey Jones ถูกแบนจากวงการ Charles จึงโผล่มาในโลกหลังความตายในสภาพครึ่งร่างที่โดนฉลามงับ Astrid ลูกสาวของ Lydia นั้นเต็มไปด้วยความดื้อรั้นและไม่เชื่อเรื่องภูติผี วิญญาณ และสิ่งลี้ลับทั้งมวล ในขณะที่โลกหลังความตายมีระบบราชการสุดป่วน Beetlejuice เองก็มีสำนักงานในโลกโน้น พร้อมลูกน้องหัวหด ๆ สุดประหลาด

ความสับสนของเนื้อเรื่องอยู่ตรงที่มีเส้นเรื่องย่อยจำนวนมาก ทั้งความต้องการของ Beetlejuice การปรากฏตัวของอดีตภรรยา Delores (Monica Bellucci) ที่ไล่ล่าดวงวิญญาณ การตามหาโอกาสให้ Lydia ไปช่วยลูกสาวในโลกหลังความตาย การบุกรุกกฎระเบียบของเจ้าหน้าที่หลังความตายอย่าง Wolf Jackson (Willem Dafoe) ไปจนถึงความพยายามในการคืนชีวิตชีวาให้กับความสัมพันธ์แม่-ลูก ซึ่งอัดแน่นจนทำให้ผู้ชมอาจรู้สึกเหมือนเดินหลงในร้านขายของเก่าที่มีข้าวของเกลื่อนเต็มพื้นที่

แม้ “Beetlejuice Beetlejuice (2024)” จะดูล้นด้วยพล็อตย่อย แต่ก็ยังมีจุดแข็งที่น่าชื่นชม งานโปรดักชั่นยังคงรักษาสไตล์เฉพาะตัวของ Burton เซตฉากในโลกหลังความตายยังคงความบิดเบี้ยว บรรยากาศราวกับประกอบขึ้นจากเศษวัสดุ บวกกับเครื่องแต่งกายที่เล่นกับความประหลาดแบบมีศิลปะ ฉากหลังบางช่วงอาจดูสะอาดขึ้นจากเทคโนโลยีปัจจุบัน แต่ยังคงสานต่อสไตล์ขรุขระที่ทำให้ภาคแรกเป็นที่จดจำ ดนตรีของ Danny Elfman ก็ยังคงช่วยกระตุ้นความรู้สึกตึงเครียดปนความเพี้ยนในจิตใจผู้ชมได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

Beetlejuice Beetlejuice (บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์) (2024) #1

ปัญหาที่เห็นได้ชัดคือเนื้อเรื่องที่อัดแน่นจนขาดการโฟกัส เส้นเรื่องรองโผล่มามากมายราวกับกองสินค้าในร้านขายของเก่า ทั้งความสัมพันธ์แม่-ลูกระหว่าง Lydia และ Astrid ที่ควรจะเป็นหัวใจหลัก กลับถูกเบียดด้วยเหตุการณ์วุ่นวายในโลกหลังความตาย บทบาทของ Delores ที่ดูน่าจะเป็นตัวร้ายเด่นกลับถูกลดทอนเหลือเพียงการปรากฏตัวชั่วคราว Delia ก็ดูเหมือนใส่มาเพื่อสร้างเสียงหัวเราะแบบนอสตัลเจียเท่านั้น รวมถึงบทของ Wolf Jackson ที่ดูเข้ามาเติมความปั่นป่วนแต่ไม่ได้สานต่อให้รู้สึกมีความหมาย กลายเป็นว่าหนังพยายามเสนอหลายอย่างแต่ไม่สามารถให้แต่ละเส้นเรื่องมีน้ำหนักเท่าเทียมกัน

ภาคต่อหลังจากผ่านไปกว่า 30 ปี มักต้องเผชิญกับการตั้งคำถามเรื่องการฉกฉวยกระแสหวนอดีต “Beetlejuice Beetlejuice (2024)” ทำรายได้ทั่วโลกไป 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แสดงว่าผู้ชมจำนวนมากยังคงสนใจจะกลับมาสัมผัสบรรยากาศที่คิดถึง แต่ความสำเร็จทางการเงินไม่ใช่ทุกอย่าง ถ้ามองในแง่คุณภาพ ภาคต่อเรื่องนี้อาจทำให้แฟน ๆ บางส่วนรู้สึกว่าไม่ถึงความคาดหวัง งานโปรดักชั่นและบรรยากาศยังดี แต่ความกลมกล่อมของบทกลับลดลง ภาพยนตร์ดูเหมือนจะตั้งใจเอาใจทั้งแฟนเก่าและแฟนใหม่ แต่สุดท้ายก็ออกมาเป็นเหมือนงานที่แพนกลุ่มเป้าหมายกว้างเกินไปจนไม่เฉียบคมเท่าที่ควร

สุดท้ายแล้ว “Beetlejuice Beetlejuice (2024)” อาจไม่ได้เป็นภาคต่อที่เพอร์เฟ็กต์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปราศจากคุณค่า หากคุณคือแฟนพันธุ์แท้ของภาคแรก คุณจะได้กลับสู่โลกสีเทาหม่น ๆ ที่อัดแน่นด้วยความครีเอทีฟเฉพาะตัว และได้เห็น Winona Ryder และ Michael Keaton หวนคืนบทบาทที่คุ้นเคย ในขณะเดียวกันคนดูกลุ่มใหม่อาจได้สัมผัสความเพี้ยนที่ไม่เหมือนหนังภาคต่ออื่น ๆ ในยุคปัจจุบัน

แม้จะขาดความลงตัวของเส้นเรื่องเหมือนภาคแรก แต่การกลับมาครั้งนี้ก็สอนให้เรารู้ว่า ความคลาสสิกบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องเกลี้ยงเกลา ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ความรู้สึกและจิตวิญญาณที่ภาคต่อพยายามนำเสนอ การที่หนังเรื่องนี้มีเสียงตอบรับหลากหลาย แสดงถึงธรรมชาติที่แท้จริงของการรับชมงานศิลปะ บางคนอาจหลงรักอีกครั้ง บางคนอาจผิดหวัง แต่ที่แน่ ๆ คือมันชวนให้เราคิด ตั้งคำถาม และอาจกระตุ้นให้คุณแชร์ความคิดเห็นในคอมเมนต์ หรือบอกต่อเพื่อน ๆ ให้มาร่วมสำรวจโลกของ Beetlejuice อีกครั้ง หากคุณพร้อมจะโดดลงหลุมกระต่ายแห่งความบ้าคลั่งนี้ จงกดเพลย์และเตรียมพบกับการกลับมาของ “Beetlejuice Beetlejuice (2024)” ในแบบที่คุณจะต้องตัดสินด้วยตาตัวเอง

  • ประเภท: ตลก, แฟนตาซี, สยองขวัญ
  • วันที่ออกอากาศ: 6 กันยายน 2024
  • นักแสดงนำ: ไมเคิล คีตัน, วิโนนา ไรเดอร์, เจนนา ออร์เทกา
  • ผู้กำกับ: ทิม เบอร์ตัน
  • ความยาว: 1 ชั่วโมง 44 นาที
  • เรตติ้ง IMDb: 6.5/10
  • ช่องทางการดู: Max

Advertisement

กดเพื่ออ่านเพิ่มเติม
Advertisement

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button
Shopee