ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส หลายคนอาจจะคุ้นชินกับภาพยนตร์หรือโชว์พิเศษที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น รอยยิ้ม และเสียงเพลงประจำฤดูหนาว แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าหากมีโชว์สักเรื่องที่พลิกมุมมองคริสต์มาสในแบบประชดประชันและฮากระจาย จะคุ้มค่าต่อเวลาของคุณหรือเปล่า? คำถามนี้อาจสะกิดใจใครหลายคนที่กำลังมองหาความแปลกใหม่ของความบันเทิงในช่วงปลายปี ซึ่ง “Jack In Time For Christmas” ผลงานใหม่ของนักแสดงตลกชาวอังกฤษ Jack Whitehall บน Amazon Prime Video อาจคือคำตอบที่คุณกำลังตามหา
การเดินทางของ Jack เพื่อกลับบ้านจากนิวยอร์กสู่ลอนดอนภายใน 4 วันก่อนถึงคริสต์มาสนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา เมื่อระหว่างทางเขาต้องเจอกับแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์อย่าง Jimmy Fallon, Rebel Wilson, Michael Bublé และคนดังคนอื่น ๆ อีกทั้งยังต้องเผชิญกับสารพัดเหตุการณ์ชวนหัว ที่ล้วนเกิดขึ้นเพื่อเพิ่มอรรถรสความป่วนสนุก ซึ่งก็สร้างคำถามตามมาว่า ความฮาสไตล์แสบ ๆ คัน ๆ แบบนี้จะแตกต่างหรือดีกว่าคริสต์มาสสเปเชียลทั่ว ๆ ไปหรือไม่?
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกประสบการณ์บ้าบิ่นของ Jack Whitehall กับการผจญภัยซ่อนไปด้วยความไม่เรียบร้อย ดูว่าการผสานมุกตลกจิกกัดกับจิตวิญญาณเทศกาลคริสต์มาสจะลงตัวแค่ไหน และท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณควรพิจารณาคือ มันคุ้มค่าที่จะนั่งชม “Jack In Time For Christmas” ในช่วงวันหยุดนี้หรือไม่ มาเปลี่ยนมุมมองต่อคริสต์มาสด้วยกัน!
รีวิวและเรื่องย่อ Jack in Time for Christmas
“Jack In Time For Christmas” คือโชว์พิเศษที่นำแสดงโดย Jack Whitehall ตลกชาวอังกฤษที่เราคุ้นกันจากรายการสแตนด์อัพหรือรายการท่องเที่ยวพร้อมพ่อของเขา ผลงานนี้คือการพยายามเดินทางข้ามทวีปจากอเมริกากลับมายังอังกฤษให้ทันวันคริสต์มาส พร้อมอุปสรรคที่ทั้งฮา ทั้งชวนปวดหัว จุดสำคัญคือการมองคริสต์มาสผ่านมุมมองประชดประชัน สนุกสนาน และเหนือความคาดหมาย
ในยุคที่หลายคนถวิลหาความแปลกใหม่ “Jack In Time For Christmas” จึงเป็นเหมือนแอคชั่นคอมเมดี้ที่ผนวกบรรยากาศวันหยุด เข้ากับอารมณ์ขันที่เสียดสีเหมือนการบิดมุกคริสต์มาสจนได้รสชาติผิดคาด มันไม่ใช่รายการแบบนั่งดูเฉย ๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศอบอุ่น แต่มาพร้อมกับความแตกต่างที่ชวนขบขัน เจือด้วยการเสียดสีเทศกาล และเสริมทัพด้วยเหล่าเซเลบตัวท็อปซึ่งพร้อมมาปั่นสถานการณ์ให้ชุลมุนวุ่นวายยิ่งขึ้น
Jack Whitehall ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับความสนุกช่วงเทศกาลคริสต์มาส เพราะเขาเคยมีโชว์พิเศษมาแล้ว แต่ครั้งนี้การร่วมมือกับ Amazon Prime Video ทำให้เขาได้โอกาสปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์สุดติสต์ ด้วยสไตล์มุกตลกเสียดสีและมุมมองผิดแผก คำถามที่หลายคนอาจมีในใจคือ: มันจะผิดเพี้ยนไปจากคริสต์มาสพิเศษอื่น ๆ จนกลายเป็นงานที่น่าจดจำหรือไม่นะ?
คำตอบอาจขึ้นอยู่กับรสนิยมความฮาของผู้ชม หากคุณเปิดใจให้กับความประชดประชัน การปล่อยมุกแรง ๆ และความไม่สมบูรณ์แบบที่กลายเป็นสีสันพิเศษ คุณน่าจะพบว่ามันเป็นโชว์ที่เหนือความคาดหมาย ยิ่งตัวตนของ Jack เองซึ่งมีบุคลิกเฮฮา ลุย ๆ ในแบบอังกฤษ ยิ่งเติมเต็มความบันเทิงให้กับผู้ชมได้อย่างเต็มที่
เรื่องราวเริ่มต้นที่นิวยอร์ก Jack Whitehall เพิ่งปรากฏตัวในรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon แต่เมื่อถึงเวลาต้องบินกลับลอนดอน รถรับส่งกลับโดนยกเลิกอย่างไม่คาดฝัน และ Jimmy Fallon เองก็ยื่นข้อเสนอสุดแปลก ให้ Jack ช่วยนำของขวัญไปส่งให้ทั่วอเมริกา จนกลายเป็นภารกิจ Moonlighting แบบซานต้า ที่ไม่ใช่แค่จัดส่งพัสดุ แต่ต้องเดินทางข้ามรัฐ ตั้งแต่ชายฝั่งตะวันออกไปจนถึงฝั่งตะวันตก
หากคิดถึงซานต้าที่แจกของขวัญอย่างง่ายดาย การเดินทางของ Jack คือเวอร์ชันบ้าบิ่นที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งเวลาที่กระชั้นชิด การเดินทางที่ไม่ราบรื่น และทุกสถานีคือการเพิ่มเติมอารมณ์ขันที่กระอักกระอ่วน เมื่อไปจบลงที่ซีแอตเทิล เขากลับพบว่าทุกเที่ยวบินถูกยกเลิกเพราะพายุหิมะ ทำให้ทางออกเดียวคือต้องหาทางเลือกอื่น ซึ่งปรากฏว่าช่วยเหลือมาจากใครอื่นไม่ได้นอกจาก Michael Bublé
หนึ่งในจุดพีคของโชว์คือการค้นพบความจริงสุดช็อก: Michael Bublé ไอคอนเพลงคริสต์มาส ขวัญใจการร้องเพลงประจำเทศกาล กลับเกลียดคริสต์มาสเข้าไส้ เขาไม่เคยดูภาพยนตร์คริสต์มาส ไม่ชอบของตกแต่ง และถึงกับมีอุปกรณ์ทำลายบรรยากาศอย่างค้อนเหล็กแขวนอยู่หน้าบ้านเพื่อเล่นงานเหล่านักร้องเพลงคริสต์มาสตามท้องถนน! นี่คือการตัดกับภาพลักษณ์ที่ใคร ๆ ก็คิดว่า Bublé น่าจะเป็นคนรักคริสต์มาสที่สุดในโลก
ทว่าความน่าสนใจอยู่ที่ข้อต่อรองของ Jack ที่ยอมตัดความเป็นคริสต์มาสออกจากโชว์ หาก Bublé ยอมมาร่วมร้องเพลงด้วย ข้อต่อรองนี้นำไปสู่สถานการณ์พิสดารและตลกร้าย มันบอกเราว่า แม้แต่สิ่งที่ผู้ชมเชื่อว่า “จริงแท้” อย่างความรักคริสต์มาสของ Bublé ก็อาจเป็นแค่ภาพจำลอง บรรยากาศทั้งหมดนี้สร้างความรู้สึกแหวกแนว และเปิดมุมมองให้เราเห็นว่าความจริงนั้นไม่เคยเรียบร้อยอย่างที่คิด
เมื่อ Bublé ยื่นมือช่วยพา Jack ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับยุโรป แน่นอนว่าการช่วยเหลือนี้ไม่ได้มาฟรี ๆ Jack ต้องแลกกับการยอมตามน้ำไปเล่นมุก ขายขำ หรือแม้แต่ประสบการณ์อับอายต่อหน้าสาธารณชน อย่างการไปเชียร์ Seattle Kraken ทีมฮอกกี้น้ำแข็งท้องถิ่น ในสภาพที่เรียกเสียงหัวเราะทั้งจากผู้ชมที่สนามและคนดูทางบ้าน นี่คือการผสมผสานประสบการณ์จริงกับสคริปต์ที่คาดเดาไม่ง่าย สร้างความตื่นเต้นและเนื้อหาที่ไม่ตายตัว
พอเท้าแตะพื้นยุโรป สถานการณ์ไม่ง่ายขึ้นเลย Jack ต้องกระเด้งไปมาระหว่างซูริค เซนต์มอริตซ์ เมอเจฟ จนกระทั่งลอนดอน พร้อมพบเจอบุคคลดังทั้ง Dave Bautista, Tom Davis, Rebel Wilson และแม้แต่ทีมบ็อบสเลห์อังกฤษ เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เพียงการพบคนดังแบบสุ่ม ๆ แต่คือสีสันที่แทรกไว้ตลอดการเดินทาง เหมือนเรากำลังตามดูว่านักเดินทางประสาทหลอนผู้นี้จะเจออะไรต่อไป
ฉากที่โดดเด่นคือการที่ Jack ตัดสินใจกระโดดลงรถบ็อบสเลห์ที่สวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นกีฬาฤดูหนาวสุดระห่ำ การเห็น Jack หวาดกลัวแทบตาย ในขณะที่ทีมงานเข้มงวด ไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดของเขาผ่านไปง่าย ๆ สร้างความรู้สึกสมจริงและทำให้ผู้ชมขำแบบเจ็บท้อง นอกจากนี้การที่ Jack และ Tom Davis ต้องพยายามบังคับฝูงสุนัขลากเลื่อนไปให้ถูกทาง ก็เต็มไปด้วยความฮาที่ไม่ปรุงแต่งมากจนเกินไป ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นต่อหน้ากล้อง เหมือนเราได้เห็นเบื้องหลังความฮาตัวเป็น ๆ
นี่คือเสน่ห์สำคัญของโชว์: มันผสมผสานระหว่างบทที่มีการวางแผนไว้ กับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นจริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความ “เรียล” ไม่ใช่แค่การแสดงตามสคริปต์ ความผิดพลาด ความหวาดกลัว และการฝ่าฟันอุปสรรคของ Jack ได้สร้างจังหวะคอมเมดี้ที่มาจากสถานการณ์จริง ไม่ใช่แค่การเล่นมุกตลกธรรมดา
เมื่อ Jack มาถึงลอนดอน เขาขึ้นแท็กซี่ที่ขับโดย Daisy May Cooper นักแสดงหญิงที่เข้ามารับบทคนขับปากจัด ผู้ฟังเรื่องเล่าของ Jack แบบครึ่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อ Jack เล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นใน 4 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่การเจอ Jimmy Fallon, Michael Bublé ผู้ต่อต้านคริสต์มาส ไปจนถึงการทำภารกิจส่งของทั่วอเมริกา การถูกยกเลิกไฟลท์ และการได้ไปลิ้มรสความกลัวบนลานบ็อบสเลห์
ความขำของฉากนี้คือคนขับแท็กซี่ที่ไม่เชื่อสักคำ แต่ก็ดูจะสนใจฟังต่อแบบขอให้เล่าไปเรื่อย ๆ เธอคือตัวแทนคนดูบางกลุ่มที่อาจรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันจะบ้าบอเกินจริงไหม? ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงตัวตนของ Jack ที่พร้อมเล่าผ่านน้ำเสียงเพื่อนสนิทที่พยายามกล่อมให้คุณเชื่อ เขาพยายามเรียบเรียงเรื่องราวประหลาดทั้งหมดนี้ด้วยความมุ่งมั่น เพราะปลายทางคือการกลับไปหาคู่รัก Roxy Horner และลูกน้อยในที่สุด
“Jack In Time For Christmas” มีการเล่าเรื่องแบบกระโดดไปมา เหมือนเรากำลังดูรายการหนึ่งซ้อนอยู่ในอีกหนึ่งรายการ เราเห็นทั้งการเยือนบ้าน Bublé เพื่อต่อรองให้มาร่วมโชว์ ฉากปัจจุบันที่เล่าผ่านแท็กซี่ในลอนดอน และภาพย้อนความวุ่นวายตลอดการเดินทาง 4 วันก่อนหน้า การกระโดดข้ามเวลานี้อาจทำให้ผู้ชมมึนงงเล็กน้อยในช่วงแรก แต่เมื่อเข้าใจจังหวะก็จะรู้สึกว่ามันเพิ่มความสนุกและทำให้โชว์ไม่น่าเบื่อ
สิ่งที่ดูจะติดขัดเล็กน้อยคือตอนที่ Jack ปลอมตัวเป็นพนักงานบนรถไฟ ระหว่างทางกลับลอนดอน ซึ่งฉากนี้อาจช้ากว่าและดูเหมือนถูกวางแผนมากกว่าส่วนอื่น ๆ มันค่อนข้างเป็นการแสดงแบบมีสคริปต์มากกว่าอิมโพรไวซ์ ทำให้พลังและความสดอาจลดน้อยลงเมื่อเทียบกับฉากอื่นที่ดูจะเป็นธรรมชาติและตลกได้โดยไม่ต้องพยายามมากนัก
“Jack In Time For Christmas” คือโชว์ที่เล่นกับคอนเซ็ปต์คริสต์มาสแบบไม่ธรรมดา หากคุณคาดหวังความอบอุ่นละมุนละไมและอารมณ์ฟีลกู๊ดในแบบภาพยนตร์คริสต์มาสคลาสสิก อาจต้องปรับทัศนคติสักหน่อย เพราะงานนี้ Jack Whitehall พาคุณฝ่าอุปสรรค ระเบิดมุกแสบสันต์ และหัวเราะใส่ความยุ่งเหยิงของเทศกาลที่ควรจะเรียบร้อย แต่กลับเต็มไปด้วยความบ้าบิ่นและพลิกผัน
อย่างไรก็ตาม หากคุณชื่นชอบอารมณ์ขันแบบเจ็บ ๆ แสบ ๆ และไม่อาจคาดเดาเหตุการณ์ได้ คุณจะเพลิดเพลินไปกับการเดินทางที่โชคชะตาเล่นตลก การเจอคนดังที่มาเติมเต็มความป่วน และความจริงใจที่ซ่อนอยู่ในความโกลาหลของเทศกาล คุณจะได้รับประสบการณ์คริสต์มาสที่หลุดกรอบและน่าจดจำ
สุดท้ายนี้ หากคุณพร้อมเปิดรับประสบการณ์วันหยุดที่ฉีกแนวและแปลกใหม่ “Jack In Time For Christmas” คือทางเลือกที่คุ้มค่าที่จะลอง รับชมโชว์นี้บน Amazon Prime Video แล้วแบ่งปันความรู้สึกของคุณกับเพื่อน ๆ ว่าสนุกป่วนบ้าขนาดไหน ลองคอมเมนต์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือแชร์โพสต์นี้ออกไปเพื่อชวนคนอื่น ๆ มาตัดสินใจด้วยกัน ในท้ายที่สุด ไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดมัน อย่างน้อยคุณก็ได้เห็นแง่มุมใหม่ ๆ ของเทศกาลคริสต์มาส ที่ไม่ได้มีแค่ความอบอุ่นแต่ยังมีเสียงหัวเราะสนั่นสุดแปลกแนว
- ประเภท: ตลก, ผจญภัย
- วันที่ออกอากาศ: 3 ธันวาคม 2024
- นักแสดงนำ: แจ็ค ไวท์ฮอลล์, ไมเคิล บูเบล, เดฟ บอทิสตา, เรเบล วิลสัน, จิมมี่ ฟอลลอน, เดซี่ เมย์ คูเปอร์, ทอม เดวิส
- ผู้กำกับ: ฟิล แอชตัน
- ความยาว: 1 ชั่วโมง 6 นาที
- ช่องทางการดู: Amazon Prime Video