รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว-เรื่องย่อ] กว่าจะเป็นลุง | The Apprentice (2024)

The Apprentice (กว่าจะเป็นลุง) ภาพยนตร์ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและการถกเถียง นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยการเล่าในรูปแบบที่เปรียบเทียบกับเรื่อง “แฟรงเกนสไตน์” ของ Mary Shelley ซึ่งในเรื่องนี้ ผู้ที่สวมบทเป็นด็อกเตอร์ผู้สร้างไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น รอย โคห์น และมีเฟร็ด ทรัมป์ พ่อผู้เคร่งครัดของเขาคอยช่วยเหลือในเบื้องหลัง

ผู้กำกับ อาลี อับบาซี นำเสนอเรื่องนี้ในสองช่วงเวลา ช่วงแรกในยุค 70s ที่ทรัมป์หนุ่ม (รับบทโดย เซบาสเตียน สแตน) ซึ่งยังอ่อนประสบการณ์ เรียนรู้การทำธุรกิจจากโคห์น (เจเรมี สตรอง) ที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ช่วงที่สองในอีกหนึ่งทศวรรษต่อมา เมื่อทรัมป์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนแห่งความโลภและไร้ศีลธรรม ช่วงแรกของหนังมีแนวคิดที่น่าสนใจและเล่าเรื่องได้ดีพอสมควร แต่ช่วงหลังกลับขาดการนำเสนอที่ชัดเจน ทำให้ดูเหมือนการล้อเลียนที่ไม่สลับซับซ้อน

The Apprentice (กว่าจะเป็นลุง) (2024)

รีวิวและเรื่องย่อ The Apprentice (กว่าจะเป็นลุง)

บทภาพยนตร์ที่เขียนโดยกาเบรียล เชอร์แมน บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญของเขาในฐานะนักข่าว โดยเฉพาะในส่วนที่เล่าถึงเบื้องหลังการเมืองและอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์กช่วงยุค 70s เซบาสเตียน สแตน ถ่ายทอดบทบาททรัมป์หนุ่มที่กำลังมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ซึ่งต้องใช้ทุกวิถีทางในการโน้มน้าวให้โคห์นช่วยเหลือในการสร้างโรงแรมชื่อดังบนถนน 42 โดยไม่สนใจข้อจำกัดเรื่องภาษี

โคห์น ในการแสดงของเจเรมี สตรอง แสดงออกถึงความเป็นฉลามในวงการ ที่เห็นแววในตัวทรัมป์และพร้อมจะหล่อหลอมเขาให้เป็นเครื่องมือในโลกธุรกิจ โคห์นสอนหลักสามข้อสำคัญที่กลายเป็นพื้นฐานการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของทรัมป์ในเวลาต่อมา ได้แก่

Advertisement

  1. โจมตี โจมตี โจมตี
  2. ปฏิเสธทุกอย่าง
  3. อ้างชัยชนะ ไม่เคยยอมแพ้

หลักการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นได้ชัดในชีวิตและการเมืองของทรัมป์ ไม่ว่าจะในห้องประชุมหรือในชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะในความสัมพันธ์ของเขากับอิวานา (มาเรีย บาคาโลวา) ที่แสดงออกมาอย่างมีเสน่ห์และไม่ได้เป็นแค่ภาพภรรยาสวย ๆ อย่างที่สื่อเคยทำให้เห็นในยุค 80s

ขณะที่หนังดูเหมือนกำลังจะไปได้ดี เรื่องราวกลับเปลี่ยนไปในช่วงยุค 80s เมื่อทรัมป์กลายเป็นตัวแทนแห่งทุนนิยมที่โดดเด่นในยุคเรแกน และเตรียมเปิดตัว Trump Tower สิ่งที่น่าสงสัยคือเหตุผลที่ผู้เขียนและผู้กำกับเลือกข้ามช่วงพัฒนาบุคลิกของทรัมป์ ทำให้ผู้ชมต้องเชื่อมโยงเหตุการณ์ระหว่างช่วงสองนี้เอง

ไอเดียที่ว่าทรัมป์และโคห์นได้เปลี่ยนบทบาทกัน โดยที่โคห์นมองดูทรัมป์ขึ้นสู่จุดสูงสุดและรู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนไร้ค่า เมื่อเห็นผู้ที่เคยเป็นเด็กฝึกงานของเขาประสบความสำเร็จและไม่เหลียวแลเขาอีก ทำให้เกิดความรู้สึกที่ค่อนข้างน่าหนักใจ

อับบาซีใช้วิธีการเล่าที่ผสมผสานระหว่างการเสียดสีและความตลก แต่กลับกลายเป็นการเล่นมุกที่ง่ายเกินไปในช่วงหลัง พร้อมกับการเชื่อมโยงที่หละหลวม และประเด็นที่เคยดูมีน้ำหนักอย่างความสัมพันธ์ระหว่างโคห์นและทรัมป์ก็ถูกผลักให้เป็นส่วนรอง

การจบเรื่องของ “The Apprentice” ทำให้รู้สึกเหมือนการปัดความรับผิดชอบออกไป โดยชี้ให้เห็นว่าไม่มีคำอธิบายใด ๆ ที่ชัดเจนต่อการเปลี่ยนแปลงของทรัมป์ไปสู่สิ่งที่เขาเป็นในภายหลัง เรื่องราวที่เล่าอาจเหมาะสมกว่าถ้าเป็นในรูปแบบหนังสือที่สามารถลงรายละเอียดได้มากขึ้น เพราะในรูปแบบภาพยนตร์นี้ หลายช่วงดูไม่รู้ว่าจะนำเสนออะไรเกี่ยวกับตัวทรัมป์

“The Apprentice” พยายามนำเสนอเรื่องราวที่ซับซ้อนของโดนัลด์ ทรัมป์ แต่กลับไม่สามารถตอบคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับเขาได้ และจบลงด้วยความรู้สึกว่าบางสิ่งยังไม่ถูกพูดถึง หรือพูดถึงเพียงผิวเผินเท่านั้น

  • ประเภท: ชีวประวัติ, ดราม่า
  • วันที่ออกอากาศ: 11 ตุลาคม 2024 (ฉายในไทย 14 พฤศจิกายน 2024)
  • นักแสดงนำ: Sebastian Stan
  • ผู้กำกับ: Ali Abbasi
  • จำนวนตอน/ความยาว: 2 ชั่วโมง
  • เรตติ้ง IMDb: 7.2/10
  • ช่องทางการดู: โรงภาพยนตร์

Advertisement

กดเพื่ออ่านเพิ่มเติม
Advertisement

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button