“Venom: The Last Dance (เวน่อม : มหาศึกอสูรอหังการ)” หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ถือเป็นภาคที่สามของเฟรนไชส์ Venom ได้นำเสนอเรื่องราวที่มีความตลกขบขันและฉากแอ็กชันที่เร้าใจให้กับผู้ชมอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หนังนี้กลับมีจุดที่ทำให้รู้สึกว่ายังไม่ลงตัวเท่าที่ควร ทั้งในแง่ของการเล่าเรื่องและการนำเสนอตัวละคร แม้ว่าจะมีฉากที่ทำให้คนดูหัวเราะและสนุกไปกับการผจญภัยของ Eddie Brock และ Venom แต่ก็มีบางช่วงที่ทำให้จังหวะของหนังดูชะงักงัน และไม่สามารถรักษาความสนุกตลอดการชมได้
หนังนี้ได้ Tom Hardy กลับมารับบท Eddie Brock และ Venom อีกครั้ง ซึ่งเขายังคงแสดงได้อย่างมีสีสันและแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเปลี่ยนโทนเสียงและการแสดงออกที่หลากหลาย แต่ปัญหาสำคัญของ “Venom: The Last Dance” คือการไม่สามารถรักษาจังหวะความสนุกจากภาคก่อน ๆ ไว้ได้ทั้งหมด ทำให้หนังบางครั้งหลุดออกจากสิ่งที่ควรจะเป็นเสน่ห์หลักของมัน
รีวิวและเรื่องย่อ Venom: The Last Dance (เวน่อม : มหาศึกอสูรอหังการ)
หนึ่งในจุดเด่นของ “Venom: The Last Dance” คือการนำเสนอความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดระหว่าง Eddie และ Venom ที่เป็นทั้งเพื่อนและปรปักษ์ในเวลาเดียวกัน ฉากที่พวกเขาทะเลาะกันหรือมีปฏิสัมพันธ์ที่ตลกขบขันมักจะทำให้หนังดูสนุกและมีชีวิตชีวา นี่คือสิ่งที่ทำให้หนังนี้มีความเป็นเอกลักษณ์จากภาคก่อน ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หนังนี้พลาดไปคือการพยายามเพิ่มองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นเข้ามา
ในขณะที่การเล่นกับความตลกขบขันและความผิดปกติของตัวละครหลักเป็นจุดแข็งของหนัง การเปลี่ยนฉากไปสู่การเล่าเรื่องที่น่าเบื่อในห้องทดลองใต้ดิน ณ Area 51 ทำให้ความสนุกถูกทำลายลงได้อย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหนังต้องใช้เวลามากในการเล่าเรื่องที่ดูไม่สำคัญ และการใช้ตัวละครสมทบที่มีศักยภาพสูงอย่าง Juno Temple และ Chiwetel Ejiofor ในบทบาทที่ไม่น่าสนใจ
การกลับมาของ Tom Hardy ในบท Eddie Brock และ Venom เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมยังคงติดตามซีรีส์นี้อยู่ Hardy เป็นนักแสดงที่มีความสามารถในการสวมบทบาทที่หลากหลายและมีความทุ่มเทในทุกบทบาทที่เขาแสดง ความสามารถของเขาในการเปลี่ยนโทนเสียงและการแสดงออกให้เข้ากับตัวละครที่มีสองบุคลิกนี้ทำให้หนังยังคงมีเสน่ห์อยู่ แม้ว่าหนังอาจจะมีจุดที่ทำให้เรื่องราวชะงักงันไปบ้าง
การแสดงของ Hardy ในบท Venom ทำให้เขามีโอกาสที่จะแสดงความคิดสร้างสรรค์ออกมาอย่างเต็มที่ โดยการทำให้ Venom มีบุคลิกที่ขี้เล่นและตลกขบขัน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แฟน ๆ ของหนังเรื่องนี้ชื่นชอบ และยังคงเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวละครนี้มีความเป็นเอกลักษณ์เมื่อเปรียบเทียบกับซูเปอร์ฮีโร่หรือวายร้ายตัวอื่น ๆ ในจักรวาล Marvel
ปัญหาหลักของ “Venom: The Last Dance” คือการที่มันใช้เวลามากเกินไปกับการเล่าเรื่องในห้องทดลองใต้ดิน ที่ทำให้หนังดูช้าและขาดความตื่นเต้น การพาผู้ชมไปยังสถานที่ที่น่าเบื่อและการนำเสนอตัวละครสมทบที่ขาดการพัฒนาอย่างเต็มที่ ทำให้หนังนี้เสียโอกาสที่จะสร้างความประทับใจได้มากกว่านี้
ตัวละครของ Juno Temple และ Chiwetel Ejiofor ที่มีความสามารถในการแสดงระดับสูง กลับถูกจำกัดให้อยู่ในบทบาทที่ไม่น่าสนใจ โดยที่ Temple รับบทเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการศึกษา Venom ในขณะที่ Ejiofor รับบทเป็นผู้นำทางทหารที่ต้องการทำลายมัน บทของพวกเขาทั้งสองขาดความลึกซึ้งและไม่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครได้ ทำให้เมื่อเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น มันกลับไม่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ชมมากนัก
แม้ว่าหนังจะมีจังหวะที่ผิดพลาดบ้าง แต่ก็ยังมีฉากแอ็กชันที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้น เช่น การต่อสู้บนเครื่องบินที่ความสูง 30,000 ฟุต หรือการไล่ล่าบนหลังม้าในทะเลทราย ซึ่งเป็นฉากที่ทำให้ผู้ชมต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด แต่ทว่าฉากเหล่านี้กลับถูกตัดสั้นเกินไป ทำให้รู้สึกว่าผู้ชมยังไม่ได้ดื่มด่ำกับความตื่นเต้นเหล่านั้นเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สมดุลในโทนของหนัง ซึ่งทำให้การดำเนินเรื่องดูไม่ต่อเนื่อง
อีกทั้งยังมีการปรากฏตัวของตัวละครที่น่าจดจำ เช่น Cristo Fernández ในบทบาทของบาร์เทนเดอร์จาก “Spider-Man: No Way Home” และการปรากฏตัวของ Mrs. Chen ที่รับบทโดย Peggy Lu ซึ่งเป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้กับหนัง แต่ก็เช่นเดียวกับฉากแอ็กชัน ตัวละครเหล่านี้กลับถูกนำเสนอในเวลาสั้น ๆ จนรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่พลาดไป
“Venom: The Last Dance (เวน่อม : มหาศึกอสูรอหังการ)” มีทั้งจุดที่ดีและไม่ดี แม้ว่าหนังจะยังคงมีความสนุกสนานและฉากแอ็กชันที่เร้าใจ แต่การเล่าเรื่องที่ไม่ต่อเนื่องและการใช้ตัวละครสมทบที่ขาดการพัฒนา ทำให้หนังขาดความลงตัวในบางช่วง อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นแฟนของ Venom และ Tom Hardy การกลับมาของพวกเขายังเป็นสิ่งที่น่าติดตาม
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าภาคนี้จะเป็น “การเต้นครั้งสุดท้าย” ของ Venom หรือไม่ คำตอบคือไม่ควรรีบลุกออกจากที่นั่ง ควรรอดูฉากหลังเครดิตที่อาจทำให้คุณเห็นภาพของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ไม่ว่าอนาคตของ Venom จะเป็นอย่างไร Hardy อาจต้องพิจารณาว่าควร “แขวนรองเท้าเต้น” ของเขาหรือไม่ในการเดินทางครั้งต่อไป
- ประเภท: แอ็คชั่น, ซูเปอร์ฮีโร่
- วันที่ออกอากาศ: 23 ตุลาคม 2024
- นักแสดงนำ: Tom Hardy, Chiwetel Ejiofor, Juno Temple
- ผู้กำกับ: Kelly Marcel
- จำนวนตอน/ความยาว: 1 ชั่วโมง 49 นาที
- เรตติ้ง IMDb: –
- ช่องทางการดู: โรงภาพยนตร์