ในปี 2024 Netflix ได้ปล่อยหนังภาคต่อที่หลายคนรอคอยอย่าง The Platform 2 ซึ่งเป็นการสานต่อความสำเร็จของภาคแรกในปี 2019 ที่สร้างความตื่นเต้นและสะท้อนถึงความโหดร้ายของสังคมผ่านระบบคุกแนวดิ่ง เรื่องราวในภาคนี้ยังคงเล่าถึงการเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย แต่ครั้งนี้ได้เพิ่มความซับซ้อนของการต่อสู้ทั้งภายในและภายนอกจิตใจของตัวละครมากขึ้น
ด้วยการเปิดตัวตัวละครใหม่ เช่น Milena Smit รับบทเป็น “Perempuan” และ Hovik Keuchkerian รับบทเป็น “Zamiatin” ผู้ชมถูกดึงเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก และคำถามที่ยังไม่มีคำตอบว่าจะมีใครสามารถเอาชนะระบบนี้ได้หรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามในการก่อกบฏภายในคุก แต่ความสิ้นหวังและความโหดร้ายยังคงอยู่
เนื้อหาของ The Platform 2 ยังคงเล่นกับความขัดแย้งทางศีลธรรมและความเป็นมนุษย์ แต่เพิ่มมิติใหม่ในการพัฒนาเรื่องราวและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับระบบที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมและทำลายจิตวิญญาณของมนุษย์
รีวิวและเรื่องย่อ เดอะ แพลตฟอร์ม (The Platform) 2
หนัง The Platform 2 กลับมาพร้อมกับการนำเสนอประเด็นทางสังคมเกี่ยวกับความโลภและอำนาจ ที่ถูกแสดงออกผ่านระบบคุกแนวดิ่งที่เรียกว่า “The Pit” ซึ่งเป็นสถานที่ที่อาหารจะถูกส่งลงมาให้ผู้คุมขังในแต่ละชั้นอย่างไร้ความยุติธรรม ชั้นบนสุดจะได้กินก่อนและชั้นล่างต้องต่อสู้แย่งชิงเศษอาหารที่เหลือ การอยู่รอดในสถานที่นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจิตวิญญาณที่ถูกกดดันจากความโหดร้ายที่ต้องเผชิญ
ในภาคนี้เน้นการต่อสู้ของตัวละครที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบคุกแห่งนี้ การก่อกบฏและการพยายามแย่งชิงอำนาจจากผู้ที่อยู่สูงขึ้นไปทำให้เกิดความตึงเครียดและเพิ่มความซับซ้อนในการเล่าเรื่อง ตัวละครหลักอย่าง Perempuan และ Zamiatin ต่างก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกันในการเอาตัวรอดและเปลี่ยนแปลงระบบนี้ แต่ทั้งคู่ยังคงเผชิญกับคำถามว่าการต่อสู้ในสถานที่เช่นนี้จะนำไปสู่ความหวังหรือความสิ้นหวังกันแน่
แม้ว่าจะมีการพยายามเสริมสร้างเรื่องราวด้วยตัวละครใหม่และสถานการณ์ที่แตกต่าง แต่หนังก็ยังคงรักษาโทนความรุนแรงและความเครียดที่เป็นเอกลักษณ์จากภาคแรกได้เป็นอย่างดี การพัฒนาตัวละครทำให้เรื่องราวนี้เข้มข้นและสะท้อนถึงความเป็นจริงของสังคมที่แยกตัวออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
การดำเนินเรื่องของ The Platform 2 ยังคงเน้นไปที่การสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกลัว อาหารที่ถูกส่งลงมาจากแพลตฟอร์มยังคงเป็นสัญลักษณ์ของทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ และตัวละครต้องตัดสินใจว่าความอยู่รอดของตนเองสำคัญกว่าความเป็นมนุษย์หรือไม่ ความเห็นแก่ตัวและความเห็นอกเห็นใจถูกทดสอบตลอดทั้งเรื่อง การต่อสู้ภายในใจระหว่างความเห็นแก่ตัวและความเสียสละถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านความสัมพันธ์ของตัวละคร
บทหนังยังคงใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่อง แม้ว่าการเผชิญหน้าทางกายภาพจะดูเป็นการตอบสนองแบบเดียวกันจากภาคแรก แต่ในภาคนี้กลับเพิ่มความรุนแรงและความดิบเถื่อนเข้าไปมากขึ้น ผู้ชมอาจรู้สึกอึดอัดกับการแสดงออกถึงความโหดร้าย แต่ก็ถูกดึงดูดให้ติดตามเรื่องราวต่อไป
หนึ่งในจุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการแสดงของนักแสดง โดยเฉพาะ Milena Smit ที่ทำให้ตัวละคร Perempuan ดูมีความลึกซึ้งและมีมิติ ขณะที่ Hovik Keuchkerian ในบท Zamiatin ก็สามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดและความหวังที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว การแสดงของทั้งสองทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครและเรื่องราวได้อย่างมาก
The Platform 2 นำเสนอประเด็นสังคมในลักษณะที่ตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในเรื่องของความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจและการกระจายทรัพยากร ภาพของอาหารที่ถูกแย่งชิงกันในคุกเป็นภาพสะท้อนของสังคมที่แบ่งแยกกันด้วยความโลภและการควบคุมอำนาจ ระบบที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมมนุษย์นั้นไม่เพียงแต่ทำลายศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังทิ้งความหวังไว้เพียงเศษเสี้ยวที่ยากจะเชื่อได้
แม้ว่าหนังจะเน้นที่ความรุนแรงและการต่อสู้เพื่ออยู่รอด แต่มันก็ยังตั้งคำถามที่หนักแน่นเกี่ยวกับการมีชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย ความเอื้อเฟื้อเป็นสิ่งที่หาได้ยาก และการแย่งชิงทรัพยากรทำให้มนุษย์ต้องเผชิญกับการสูญเสียคุณค่าของตัวเอง
ถึงแม้ The Platform 2 จะมีฉากที่ทำให้รู้สึกว่าเนื้อเรื่องยืดเยื้อและบางครั้งรู้สึกเหมือนเป็นการทำซ้ำจากภาคแรก แต่การแสดงที่ยอดเยี่ยมและการสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดก็ช่วยดึงผู้ชมกลับมาสนใจ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครและการตั้งคำถามทางจิตวิทยาที่ลึกซึ้งทำให้หนังนี้มีความน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง
ในตอนจบของหนัง The Platform 2 เรื่องราวของตัวละคร Perempuan และ Zamiatin จบลงด้วยความสิ้นหวังและความหวังที่พาดผ่านกันในขณะเดียวกัน ผู้ชมถูกทิ้งไว้ให้คิดถึงคำถามที่ว่า “ใครจะสามารถออกจากระบบนี้ได้?” และ “การก่อกบฏสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริงหรือ?”
ในขณะที่หนังเน้นถึงการเอาตัวรอดในสังคมที่บิดเบี้ยว มันยังสะท้อนถึงความเป็นจริงของมนุษย์ที่ต้องเผชิญกับการแย่งชิงทรัพยากรในโลกจริง The Platform 2 อาจไม่ถึงขั้นเป็นหนังที่สมบูรณ์แบบ แต่มันยังคงทำให้ผู้ชมรู้สึกหวาดกลัวและตั้งคำถามต่อความเป็นจริงของสังคมที่เราอาศัยอยู่
The Platform 2 ยังคงทำหน้าที่เป็นหนังที่สร้างความสะเทือนใจและตั้งคำถามเกี่ยวกับสังคมและจิตวิทยามนุษย์ได้อย่างดี ถึงแม้ว่าหนังภาคนี้จะมีบางจุดที่รู้สึกเหมือนเป็นการทำซ้ำ แต่ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมและบรรยากาศที่ตึงเครียด มันยังคงเป็นหนังที่น่าติดตามสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวระทึกขวัญและสังคมดิสโทเปีย
- ประเภท: สยองขวัญ, ดิสโทเปีย
- วันที่ออกอากาศ: 4 ตุลาคม 2024
- นักแสดงนำ: Milena Smit, Hovik Keuchkerian
- ผู้กำกับ: Galder Gaztelu-Urrutia
- จำนวนตอน/ความยาว: 1 ชั่วโมง 39 นาที
- เรตติ้ง IMDb: 6.7/10
- ช่องทางการดู: Netflix