รีวิวหนังฝรั่ง

[รีวิว] มนุษย์ลุง…ชื่ออ๊อตโต้ | A Man Called Otto (2022)

โอโต้ ชายชราวัย 60 ปี อาศัยอยู่ในย่านชานเมืองเงียบสงบแห่งหนึ่งในอเมริกา เขาเป็นคนหัวรั้น อารมณ์ร้าย และชอบจู้จี้จุกจิกกับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งขยะไม่เป็นที่ของเพื่อนบ้าน หรือคนแปลกหน้าที่จอดรถขวางหน้าบ้าน โอโต้มักจะออกมาต่อว่าทุกคนด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร จนกลายเป็นที่รู้จักของคนในละแวกนั้นว่าเป็น “คุณลุงจอมบ่น”

Advertisement

แม้โอโต้จะดูเป็นคนน่ารำคาญ แต่เบื้องหลังความกระด้างนั้น เขาซ่อนความเศร้าและความโดดเดี่ยวเอาไว้ ภรรยาสุดที่รักของเขาเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้โอโต้รู้สึกว่าชีวิตไม่มีความหมายอีกต่อไป เขาพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ก็ถูกขัดจังหวะทุกที

จนกระทั่งวันหนึ่ง ครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านข้างๆ มาริโซล หญิงสาวท้องแก่ผู้ร่าเริง และสามีของเธอ ทอมมี่ พวกเขามักจะขอความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากโอโต้อยู่เสมอ แม้ในตอนแรกโอโต้จะปฏิเสธอย่างห้วนๆ แต่ด้วยความมีน้ำใจและไม่ยอมแพ้ของมาริโซล ทำให้เธอค่อยๆ ทลายกำแพงในใจของชายชราลงได้

เรื่องราวดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่อบอุ่น เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยของโอโต้ จากคนที่ไม่สนใจใคร กลายเป็นคนที่เริ่มเปิดใจให้กับผู้คนรอบข้าง เขาช่วยเหลือมัลคอล์ม เด็กหนุ่มข้ามเพศที่ถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน โดยให้ที่พักพิงและคำแนะนำ นอกจากนี้ยังมีแมวจรจัดตัวหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตของโอโต้ ทำให้เขารู้สึกมีเพื่อนและอบอุ่นขึ้น

ความสัมพันธ์ระหว่างโอโต้กับมาริโซลเป็นแกนหลักของเรื่อง ทั้งคู่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่กลับเข้ากันได้ดี มาริโซลช่วยให้โอโต้เห็นคุณค่าของชีวิตอีกครั้ง ในขณะที่โอโต้ก็สอนทักษะต่างๆ ให้มาริโซล เช่น การขับรถ การซ่อมแซมบ้าน ทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น

Advertisement

นอกจากเรื่องราวของมิตรภาพแล้ว ภาพยนตร์ยังสอดแทรกประเด็นสังคมเข้าไปด้วย เช่น การต่อสู้ของชุมชนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการไล่ที่ชาวบ้าน โอโต้กลายเป็นแกนนำในการรวมตัวของเพื่อนบ้านเพื่อปกป้องชุมชนที่พวกเขารัก แสดงให้เห็นถึงพลังของความสามัคคีและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ทอม แฮงค์ส รับบทเป็นโอโต้ได้อย่างสมบทบาท เขาถ่ายทอดอารมณ์ของชายชราที่บึ้งตึงแต่ซ่อนความอ่อนโยนไว้ภายในได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนมาเรียนา เทรวิโญ ที่รับบทเป็นมาริโซล ก็สร้างสีสันให้กับเรื่องได้เป็นอย่างดี เธอเป็นตัวละครที่มีชีวิตชีวาและน่ารัก คอยกระตุ้นให้โอโต้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น

ภาพยนตร์ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องย้อนอดีตเพื่อเผยให้เห็นชีวิตในวัยหนุ่มของโอโต้ เราจะได้เห็นว่าเขาเคยเป็นคนขี้อายแต่ใจดี มีความสนใจในด้านวิศวกรรม และพบรักกับโซนย่า ภรรยาของเขา ฉากเหล่านี้ช่วยให้ผู้ชมเข้าใจตัวละครมากขึ้น และเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตของโอโต้

แม้ว่าเนื้อเรื่องจะค่อนข้างคาดเดาได้ และอาจจะไม่ได้ลึกซึ้งเท่าภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่มีธีมคล้ายกัน แต่ “มนุษย์ลุง…ชื่ออ๊อตโต้ (A Man Called Otto)” ก็เป็นภาพยนตร์ที่อบอุ่นและให้กำลังใจ เหมาะสำหรับการดูกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง

ภาพยนตร์พยายามสื่อสารว่า ไม่มีใครที่สายเกินไปสำหรับการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่ โอโต้เป็นตัวอย่างของคนที่คิดว่าชีวิตไม่มีความหมายอีกต่อไป แต่เมื่อได้พบกับคนที่ใส่ใจและไม่ยอมแพ้ ก็ทำให้เขาค้นพบคุณค่าของตัวเองอีกครั้ง

นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของชุมชนและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในโลกที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและการแข่งขัน การมีเพื่อนบ้านที่ดีและชุมชนที่เข้มแข็งเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ภาพยนตร์แสดงให้เห็นว่าแม้แต่คนที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ก็สามารถเป็นเพื่อนที่ดีและช่วยเหลือกันได้

“มนุษย์ลุง…ชื่ออ๊อตโต้ (A Man Called Otto)” อาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์หรือแหวกแนวมากนัก แต่ก็เป็นเรื่องราวที่จะทำให้ผู้ชมอมยิ้มและรู้สึกดี มันเตือนใจเราว่า บางครั้งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำเพื่อผู้อื่น อาจจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาได้โดยที่เราไม่รู้ตัว และไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงไหนของชีวิต ก็ไม่สายเกินไปที่จะเปิดใจและสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ

สรุป

“มนุษย์ลุง…ชื่ออ๊อตโต้ (A Man Called Otto)” เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวอบอุ่นของมิตรภาพ การเยียวยา และการค้นพบความหมายของชีวิต ผ่านตัวละครที่น่าสนใจและสถานการณ์ที่ทำให้ผู้ชมยิ้มตาม แม้จะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ลึกซึ้งหรือซับซ้อน แต่ก็สามารถส่งต่อข้อคิดดีๆ และความรู้สึกอบอุ่นให้กับผู้ชมได้ เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับการดูเพื่อผ่อนคลายและรื้อฟื้นความเชื่อในความดีของมนุษย์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะทำให้คุณเชื่อว่า ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่และสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย

  • ประเภท: ดราม่า, ตลก
  • วันที่เข้าฉาย: 29 ธันวาคม 2022 (สหรัฐอเมริกา), 16 มีนาคม 2023 (ไทย)
  • นักแสดงนำ: Tom Hanks (Otto Anderson), Mariana Treviño (Marisol)
  • ผู้กำกับ: Marc Forster
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 6 นาที
  • คะแนน IMDb: 7.4/10
  • ช่องทางรับชม: Netflix

Advertisement

อ่านเพิ่มเติม
Advertisement

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button