ซีรีส์เกาหลีใต้เรื่อง ถึงเวลาต้องลาโลก (Goodbye Earth) พาผู้ชมไปในการเดินทางที่เจ็บปวดใจในโลกที่กำลังเผชิญกับการล้างผลาญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อุกกาบาตก้อนมหึมาชื่อว่า “The End” กำลังบนเส้นทางชนโลกโดยมีเวลาเพียง 180 วันจนถึงวันชนกัน ซีรีส์นี้ไม่เพียงแต่ครอบคลุมเรื่องราวการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลกระทบทางจิตใจอย่างลึกซึ้งในระดับโลกด้วย
ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ วุ่นวายหาวิธีแก้ปัญหา ปัจเจกบุคคลต้องเผชิญกับความสิ้นหวังการยอมรับและความซับซ้อนของการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ท่ามกลางความพินาศ ถึงเวลาต้องลาโลก (Goodbye Earth) ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราวเกี่ยวกับวาระสิ้นสุดของโลก แต่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณที่ยั่งยืนของมนุษย์และทางเลือกที่เราทำในบทสุดท้ายของเรา
เรื่องย่อ ถึงเวลาต้องลาโลก (Goodbye Earth)
วิถีอุกกาบาตกำลังจะชนโลกในอีก 200 วันและทำลายโลก ทั่วโลกรับรู้ข่าวและตกอยู่ในความสับสน
จิน เซ คยอง เป็นครูสอนในโรงเรียนมัธยมต้นที่เมืองวุงชอน เธอรู้ข่าวการสิ้นสุดของโลกที่กำลังจะมาถึง เธอตัดสินใจลาออกจากงานและทำงานอาสาสมัครที่แผนกเด็กและเยาวชนในศาลาว่าการเมือง เธอพยายามช่วยชีวิตเด็กๆ ที่อยู่ในอันตราย แฟนหนุ่มคนสนิทของเธอคือฮา ยูน ซัง เขาทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพในสหรัฐอเมริกา หลังจากมีข่าวการสิ้นสุดของโลก เขาบินกลับมาเกาหลีใต้เพื่อมาอยู่กับจิน เซ คยอง
วู ซุง เจ เป็นผู้ช่วยบาทหลวงที่โบสถ์คาทอลิก บาทหลวงที่ดูแลโบสถ์หนีหายไปหลังจากมีข่าวเรื่องอุกกาบาตที่กำลังจะมาถึง วู ซุง เจ ดูแลสมาชิกในโบสถ์แทน คาง อิน อา เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการสนับสนุนรบ เธอไปรอบๆ เมืองวุงชอนที่ถูกทำลาย เพื่อนำเสบียงอาหาร ยานพาหนะ และความปลอดภัยไปให้
การแสดง
นักแสดงนำของเรื่องต่างตีบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยม ยูอาอิน (Yoo Ah-in) ถ่ายทอดความรู้สึกสูญเสียและความมุ่งมั่นของตัวละครได้อย่างน่าประทับใจ อันอึนจิน (Ahn Eun-jin) แสดงเป็นนักวิจัยผู้ไม่ยอมแพ้ด้วยพลังงานอันยอดเยี่ยม ส่วนจอนซองอู (Jeon Sung-woo) และคิมยุนฮเย (Kim Yoon-hye) ก็สามารถสื่อสารอารมณ์ของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง เชื่อมโยงผู้ชมเข้ากับตัวละครเหล่านี้ได้อย่างแนบแน่น
โปรดักชัน
คุณภาพการผลิต ถึงเวลาต้องลาโลก (Goodbye Earth) อยู่ในระดับแนวหน้า ภาพเสมือนจริงที่แสดงถึงอุกกาบาตใกล้เข้ามาทั้งน่าประทับใจและน่ากลัว สร้างความรู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวอย่างเป็นจริงเป็นการออกแบบงานผลิตสร้างโลกที่กำลังอยู่บนขอบเส้นทางแห่งความล่มสลายอย่างประณีตด้วยเมืองที่ถูกทิ้งร้างและรายงานข่าวที่สะท้อนถึงความพินาศที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพลงประกอบต้นฉบับของภาพยนตร์ประสานกับน้ำหนักทางอารมณ์ของเนื้อเรื่องได้อย่างแนบเนียน โดยมีท่วงทำนองเศร้าหมองและช่วงขึ้นสูงสุดที่จับภาพการต่อสู้ของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สรุป
ถึงเวลาต้องลาโลก (Goodbye Earth) เป็นละครเรื่องราวที่แสนจะโศกเศร้าและทำให้ต้องคิดทบทวน ซึ่งพรากจากแนวทางภาพยนตร์ภัยพิบัติทั่วไป มันสำรวจลงลึกถึงความซับซ้อนของอารมณ์ความรู้สึกมนุษย์ในยามวิกฤติ สำรวจหัวข้อเรื่องความรัก การสูญเสีย มรดก และพลังแห่งการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ ซีรีส์นี้ไม่ได้หลีกเลี่ยงความโหดร้ายของสถานการณ์ แต่ก็มอบช่วงเวลาแสนบอบบางและงดงามที่ทำให้เราระลึกถึงความหมายของการเป็นมนุษย์
แม้ว่า ถึงเวลาต้องลาโลก (Goodbye Earth) จะไม่ได้มอบคำตอบที่ง่ายดาย แต่มันก็ทิ้งร่องรอยคงอยู่ให้ผู้ชมไตร่ตรองถึงสิ่งสำคัญในชีวิตตนเองและการตัดสินใจที่พวกเขาจะเลือกในหน้าภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ มันเป็นละครที่มีพลังและประทับใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะคงอยู่กับคุณในหลังจากที่เครดิตสิ้นสุดลง