รีวิวอนิเมะ

[รีวิว-เรื่องย่อ] ผมจะต้องเป็นฮีโร่ | To Be Hero X (2025)

คุณเคยคิดไหมว่าการเป็น “ฮีโร่” ในโลกยุคใหม่อาจไม่ใช่แค่การสวมชุดและปกป้องผู้คน? To Be Hero X (2025) ซีรีส์แอนิเมชันจีนที่กำลังมาแรง ฉายภาพความจริงอันโหดร้ายของวงการฮีโร่ที่ถูกแปรรูปเป็นสินค้าเพื่อความบันเทิง ผ่านเรื่องราวของ “หลินหลิง” ชายธรรมดาที่ถูกดันให้มาแทนที่ซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดังอย่าง “ไนซ์” หลังการตายอย่างปริศนาของเขา

แต่สิ่งที่ทำให้ To Be Hero X น่าสนใจไม่ใช่เพียงแค่แอ็กชันหรือภาพสวยๆ แต่คือการตั้งคำถามว่า “ฮีโร่” ในสายตาสังคมคืออะไร? เมื่อไนซ์ฆ่าตัวตาย ทีมประชาสัมพันธ์กลับไม่สนใจความตายของเขา แต่หาคนมาแทนที่ทันทีราวกับเขาเป็นเพียง “แบรนด์” ที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ ซีรีส์นี้จึงไม่เพียงแต่นำเสนอความบันเทิง แต่ยังสะท้อนปัญหาของอุตสาหกรรมบันเทิงและแรงกดดันในชีวิตจริง

และแล้วจุดจบของตอนแรกก็ทำให้หลายคนช็อก! “มูน” แฟนสาวของไนซ์ ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ได้รับโอกาสพัฒนาตัวตนเลย นี่คือความเสี่ยงของซีรีส์ที่อาจเดินบนเส้นบางๆ ระหว่างการตีแผ่ความมืดกับความรุนแรงที่ไร้เหตุผล แต่ถึงอย่างนั้น To Be Hero X ก็ยังมีความหวังที่จะกลายเป็นอนิเมะจีนที่ท้าทายแนวคิดฮีโร่แบบเดิมๆ ได้อย่างแท้จริง

To Be Hero X (2025)

รีวิวและเรื่องย่อ To Be Hero X (ผมจะต้องเป็นฮีโร่)

ในยุคที่แอนิเมะญี่ปุ่นยังครองตลาด To Be Hero X คือหนึ่งในความพยายามของจีนที่จะสร้างเนื้อหาที่แตกต่าง โดยผสมผสานการเล่าเรื่องเร็วเข้ากับเทคนิคแอนิเมชัน 2D และ 3D ที่ลงตัว แม้บางช่วงอาจดูวุ่นวาย แต่ก็ช่วยถ่ายทอดความเครียดและความเร่งรีบของชีวิตฮีโร่ได้ดี

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ไม่เหมือน My Hero Academia คือการไม่ยึดติดกับแนวคิด “ฮีโร่ผู้เสียสละ” แต่กลับสำรวจด้านมืดของการค้าเชิงธุรกิจที่อยู่เบื้องหลัง หลินหลิง ผู้ซึ่งเคยเชื่อว่าใครๆ ก็เป็นฮีโร่ได้ ต้องเผชิญความจริงที่โหดร้ายเมื่อเขาถูกโยนเข้าไปในวงการที่มองฮีโร่เป็นเพียง “สินค้า”

บทความที่เกี่ยวข้อง
Advertisement

หนึ่งในฉากที่ทรงพลังที่สุดคือตอนที่หลินหลิงเริ่มสงสัยว่า “ทำไมไนซ์ถึงฆ่าตัวตาย?” ในขณะที่ทีมงานรอบตัวเขากลับไม่สนใจคำถามนี้เลย การตายของไนซ์ถูกมองเป็นแค่ “ปัญหาทางภาพลักษณ์” ที่ต้องจัดการ นี่คือการวิจารณ์สังคมที่ให้คุณค่ากับภาพลักษณ์มากกว่าความเป็นมนุษย์

แม้ซีรีส์จะเต็มไปด้วยแอ็กชัน แต่ช่วงที่ตราตรึงที่สุดกลับเป็นโมเมนต์เงียบๆ เช่น ตอนที่หลินหลิงสวมบทบาทไนซ์แล้วเกือบจะลืมตัวตนเดิมของตัวเองไป มันชวนให้คิดว่าในชีวิตจริง เราก็อาจถูกบังคับให้เล่นบทบาทบางอย่างจนลืมไปว่า “ตัวตนที่แท้จริง” ของเราเป็นอย่างไร

ข้อเสียที่หลายคนอาจรู้สึกขัดใจคือการตายของ “มูน” ตัวละครหญิงที่แทบไม่ได้รับการพัฒนาตัวตนเลย เธอถูกนำเสนอผ่านมุมมองของหลินหลิงและไนซ์เท่านั้น ไม่เคยมีโอกาสแสดงความคิดเห็นของตัวเอง การตายของเธอจึงดูเหมือนเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อสร้างความสะเทือนใจให้ผู้ชม

นี่เป็นปัญหาที่พบในอนิเมะหลายเรื่องตัวละครหญิงถูกทำให้เป็น “วัตถุ” ในเรื่องราวของตัวละครชายมากกว่ามีบทบาทเป็นของตัวเอง หาก To Be Hero X ต้องการสร้างความแตกต่างจริงๆ ก็น่าจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวละครหญิงให้มีมิติมากขึ้น

  • ชื่อเรื่องในภาษาไทย: ผมจะต้องเป็นฮีโร่
  • ประเภท: แอ็กชัน, ไซไฟ, ดราม่า
  • วันที่ออกอากาศ: 6 เมษายน 2025
  • นักแสดงนำ: เว่ย เชาว์ (พากย์เสียง X), หลิว เสี่ยวหยู่ (พากย์เสียง Queen), เจ้า ไท่คัง เฉิน (พากย์เสียง Dragon Boy)
  • จำนวนตอน/ความยาว: 24 ตอน
  • เรตติ้ง MyAnimeList: 8.52/10
  • ช่องทางการดู: BiliBili

Advertisement
กดเพื่ออ่านต่อ
Advertisement

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button