ถ้าคุณคิดว่า ‘The Boss Baby’ คือจุดสุดยอดของความเฮี้ยนที่ DreamWorks จะทำได้ ลองรอดู ‘Dog Man’ (2025) อนิเมชันล่าสุดที่ดัดแปลงจากหนังสือเด็กสุดป่วนของ Dav Pilkey เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยความสนุกแบบสุดเหวี่ยง แต่ยังพยายามสอดแทรกความอบอุ่นใจเล็กๆ ให้เรื่องราวดูมีมิติมากขึ้น
สำหรับคนที่เคยอ่านหนังสือชุด ‘Dog Man’ มาก่อน คงรู้ดีว่าเรื่องนี้มีต้นกำเนิดมาจากจินตนาการของเด็กๆ ในโลกของ ‘Captain Underpants’ ซึ่งทำให้เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์และไร้ขีดจำกัด แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยสัมผัส เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความป่วนที่อาจทำให้คุณหัวเราะจนท้องแข็ง หรือบางทีอาจถึงขั้นปวดหัวไปเลยก็ได้
แล้วทำไม ‘Dog Man’ ถึงน่าจับตามอง? นอกจากการดัดแปลงจากหนังสือเด็กที่ขายดีแล้ว เรื่องนี้ยังมีทีมงานระดับตำนานอย่าง Peter Hastings ที่รับหน้าที่ทั้งเขียนบท, กำกับ, และพากย์เสียงตัวละครหลัก ซึ่งเขาทำได้ดีมากในการถ่ายทอดความเฮี้ยนและความสนุกของโลก ‘Captain Underpants’ ออกมาได้อย่างเต็มที่
รีวิวและเรื่องย่อ Dog Man
การดัดแปลงหนังสือเด็กให้กลายเป็นอนิเมชันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้นฉบับเต็มไปด้วยจินตนาการสุดป่วนและไร้ขีดจำกัด แต่ Peter Hastings ทำได้ดีมากในการรักษาความสนุกและความเฮี้ยนของหนังสือไว้ได้อย่างครบถ้วน เขาไม่เพียงแต่เขียนบทที่ตรงกับสไตล์ของ Dav Pilkey แต่ยังกำกับให้ภาพยนตร์มีลุคที่สอดคล้องกับหนังสือ ซึ่งถูกแปลงเป็นอนิเมชัน 3D ที่มีชีวิตชีวาและเคลื่อนไหวได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
สำหรับเด็กๆ แล้ว ภาพและสีสันของ ‘Dog Man’ คงเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจมาก แต่สำหรับผู้ปกครอง บางครั้งอาจรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเสียงดังและวุ่นวายเกินไป อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่ทำให้ ‘Dog Man’ แตกต่างจากอนิเมชันเด็กทั่วไป เพราะมันไม่ยอมเดินตามกรอบเดิมๆ และเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ที่อาจทำให้ผู้ใหญ่บางคนต้องอึ้งไปกับความเฮี้ยนของมัน
อีกจุดเด่นที่ทำให้ ‘Dog Man’ น่าสนใจคือการที่เรื่องนี้ไม่พยายามทำให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่เกินไป มันยอมรับว่าตัวเองคืออนิเมชันสำหรับเด็ก และเต็มไปด้วยจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัด ซึ่งนี่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กๆ รู้สึกสนุกและผูกพันกับเรื่องราวได้มากกว่า
Peter Hastings ไม่เพียงแต่รับหน้าที่กำกับและเขียนบท แต่ยังพากย์เสียงตัวละครหลักอย่าง Officer Knight, Greg the dog และ Dog Man อีกด้วย เขาทำได้ดีมากในการถ่ายทอดความอบอุ่นและความตลกของตัวละครเหล่านี้ ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันกับพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับนักพากย์เสียงคนอื่นๆ ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ตัวอย่างเช่น Pete Davidson ที่รับบทเป็น Petey แมวตัวร้ายที่คอยสร้างปัญหาให้ Dog Man Davidson เข้าใจดีว่าตัวละครนี้ต้องเล่นอย่างไรให้ดูเฮี้ยนและตลก ซึ่งเขาทำได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ยังมีนักพากย์เสียงคนอื่นๆ ที่ช่วยเติมเต็มเรื่องราวให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา เช่น Sarah ตัวละครนักข่าวที่พากย์เสียงโดย Awkwafina ซึ่งเธอทำได้ดีในการถ่ายทอดความมุ่งมั่นและความตลกของตัวละครนี้ รวมถึง Chief หัวหน้าหน่วยงานที่พากย์เสียงโดย Lil Rel Howery ที่สร้างความบันเทิงได้ไม่น้อย
หนึ่งในจุดเด่นของ ‘Dog Man’ คือความสนุกที่ไม่มีขีดจำกัด เรื่องนี้เต็มไปด้วยมุขตลกและสถานการณ์เฮี้ยนๆ ที่อาจทำให้คุณหัวเราะจนน้ำตาไหล ตัวอย่างเช่น การที่ตัวละครส่งเสียงหอนแล้วเสียงนั้นกลายเป็นตัวอักษรที่ตกอยู่บนพื้น นี่คือตัวอย่างของจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าประทับใจ
สำหรับเด็กๆ แล้ว เรื่องนี้น่าจะเป็นความสนุกที่พวกเขาอาจไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน แต่สำหรับผู้ใหญ่ บางครั้งอาจรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเสียงดังและวุ่นวายเกินไป อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่ทำให้ ‘Dog Man’ แตกต่างจากอนิเมชันเด็กทั่วไป เพราะมันไม่ยอมเดินตามกรอบเดิมๆ และเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ที่อาจทำให้ผู้ใหญ่บางคนต้องอึ้งไปกับความเฮี้ยนของมัน
อีกจุดเด่นที่ทำให้ ‘Dog Man’ น่าสนใจคือการที่เรื่องนี้ไม่พยายามทำให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่เกินไป มันยอมรับว่าตัวเองคืออนิเมชันสำหรับเด็ก และเต็มไปด้วยจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัด ซึ่งนี่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กๆ รู้สึกสนุกและผูกพันกับเรื่องราวได้มากกว่า
‘Dog Man’ (2025) คืออนิเมชันที่เต็มไปด้วยความสนุกและความเฮี้ยนที่เหมาะสำหรับเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่อยากย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เรื่องนี้นำเสนอจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดและเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ ซึ่งอาจทำให้คุณหัวเราะจนท้องแข็ง หรือบางทีอาจถึงขั้นปวดหัวไปเลยก็ได้
ถ้าคุณมีลูกหลานหรืออยากหาอนิเมชันสนุกๆ มาดูกับครอบครัว ‘Dog Man’ คือตัวเลือกที่ดีไม่น้อย อย่าลืมแวะไปดูเมื่อเรื่องนี้ออกฉายในโรงภาพยนตร์ และถ้าชอบก็อย่าลืมแชร์รีวิวนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะครับ
- ประเภท: แอนิเมชัน, คอมเมดี้, ซูเปอร์ฮีโร่
- วันที่ออกอากาศ: 31 มกราคม 2025
- นักแสดงนำ: Pete Davidson, Lil Rel Howery, Isla Fisher
- ผู้กำกับ: Peter Hastings
- จำนวนตอน/ความยาว: 1 ชั่วโมง 29 นาที
- เรตติ้ง IMDb: 6.8/10
- ช่องทางการดู: โรงภาพยนตร์