คุณเคยสงสัยไหมว่าถ้าเราเกิดมาพร้อม “ทักษะ” ที่ดูไร้ค่าและไม่เป็นประโยชน์ในสายตาคนส่วนใหญ่ เราควรจะเดินหน้าต่ออย่างไร? นี่เป็นคำถามใหญ่ที่อนิเมะเรื่อง Even Given the Worthless “Appraiser” Class, I’m Actually the Strongest (2025) พยายามจะตอบ ในโลกที่โชคชะตาถูกกำหนดจากการเกิด ความสามารถต่ำสุดอย่าง “Appraisal” ทำให้ Ein ต้องเผชิญกับการดูถูกและความไม่เป็นธรรมอย่างต่อเนื่อง เขาจะฟื้นคืนกำลังใจขึ้นมาได้อีกครั้งหรือไม่?
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่การตีความทักษะ “Appraiser” ว่าเป็นเพียงทักษะที่ไร้ค่าและไม่มีโอกาสจะก้าวไปข้างหน้า แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับต้องพลิกผันเมื่อถูกทอดทิ้งจากเพื่อนร่วมทีม จากจุดที่แทบหมดหวัง เขาเลือกที่จะจบชีวิตตนเอง แต่เพราะโชคยังดีที่มีเทพธิดาเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ทำให้ทักษะ “Appraiser” ที่ดูไม่มีค่า กลับกลายเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอนาคต
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของอนิเมะเรื่องนี้ ตั้งแต่องค์ประกอบของโลกแฟนตาซี การนำเสนอประเด็นสังคม การออกแบบตัวละคร รวมไปถึงสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้เป็นที่พูดถึง อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจมองว่า Even Given the Worthless “Appraiser” Class, I’m Actually the Strongest นั้นเดินตามสูตรเดิมๆ ของเรื่องแนวพลังวิเศษที่เกิดจากตัวเอกชายผู้ “โดนเอาเปรียบ” แต่จริงหรือไม่ เรามาค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน
รีวิวและเรื่องย่อ Even Given the Worthless “Appraiser” Class, I’m Actually the Strongest (นักประเมินไร้โชค ที่จริงเทพหลุดโลก)
ในโลกของ Even Given the Worthless “Appraiser” Class, I’m Actually the Strongest ความสามารถทางเวทมนตร์และการต่อสู้จะถูกกำหนดมาแต่กำเนิด คนที่ได้ทักษะดีๆ ก็มักจะไต่อันดับสูงอย่างไม่ยากเย็น ส่วนใครที่เกิดมาพร้อมทักษะต่ำๆ อย่างเช่น “Appraiser” ก็มักจะถูกสังคมมองข้าม Ein คือตัวอย่างที่ชัดเจน เขาพยายามก้าวเข้าสู่วงการนักผจญภัยเพื่อยกระดับสถานะทางสังคม แต่แทนที่จะได้รับการยอมรับ เขากลับต้องเผชิญกับการถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจากเพื่อนร่วมทีม
เมื่อสถานการณ์รุมเร้าหนักขึ้นจน Ein หมดศรัทธาในตัวเอง เขาจึงตัดสินใจตายจากโลกนี้ไป ทว่าการตัดสินใจครั้งนั้นกลับเปิดทางให้เทพธิดาตนหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือ ประกายความหวังที่ Ein ไม่คิดว่าจะมีอีก กลับปรากฏเบื้องหน้าอย่างน่าประหลาดใจ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ ที่จะนำ Ein ไปสู่เส้นทางการเป็น “ผู้กล้า” ทั้งที่เขาเคยถูกประเมินว่าไม่มีวันไปถึงจุดนั้นได้
ผู้ที่ติดตามอนิเมะแนวแฟนตาซีมาโดยตลอดอาจรู้สึกว่า Even Given the Worthless “Appraiser” Class, I’m Actually the Strongest มีส่วนผสมที่ใกล้เคียงกับสูตรสำเร็จของ “พลังพระเอก” อยู่ไม่น้อย: ตัวเอกที่ถูกกลั่นแกล้ง มีทักษะดูไร้ค่า แต่สุดท้ายกลับยิ่งใหญ่เหนือใคร อย่างไรก็ดี การที่ Ein ถูกทำร้ายรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจจนต้องคิดสั้น ตั้งคำถามให้ผู้ชมว่าระบบวรรณะหรือการจัดลำดับทักษะแบบนี้มันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า
แม้มีโครงสร้างคล้ายกับอนิเมะบางเรื่องที่ “พระเอกจะได้พลังสุดยอดจากไหนสักแห่ง” แต่เรื่องนี้ก็มีกลิ่นอายที่แตกต่างคือการใส่องค์ประกอบของความรุนแรงและภาพที่ค่อนข้างโหด แสดงให้เห็นสภาพชีวิตของตัวเอกที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกสลดใจจริงๆ ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งที่ทำให้คนดูเอาใจช่วย Ein จากสถานการณ์อันโหดร้ายนั้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพูดถึงคือระดับความรุนแรงในเนื้อเรื่อง Ein ไม่ได้แค่ถูกเพื่อนร่วมทีมตำหนิหรือบูลลี่ในเชิงคำพูดเท่านั้น แต่ยังถูกทำร้ายทางร่างกาย และสุดท้ายก็ถึงขั้นปล่อยให้เผชิญกับมอนสเตอร์แบบเดียวดาย ภาพความรุนแรงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบกับผู้ชมบางกลุ่ม โดยเฉพาะคนที่ไวต่อฉากเลือดหรือฉากบาดเจ็บสาหัส รวมถึงประเด็นการฆ่าตัวตายที่ถูกนำเสนออย่างตรงไปตรงมา จึงควรระมัดระวังในการรับชม
การให้ Ein หลุดเข้าไปสู่สถานการณ์ที่ต้อง “ผ่าทางตัน” ด้วยการพบเทพธิดา ดูเหมือนจะเป็นแนวทางของเรื่องที่จะชี้ให้เห็นว่า แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด อาจมีแสงสว่างรอเราอยู่ แต่มันย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราเช่นกันว่าพร้อมจะ “เริ่มต้นใหม่” หรือไม่
ตัวอนิเมะมีการดึงภาพแฟนตาซีออกมาได้ค่อนข้างชัด โลกใต้ดินที่เต็มไปด้วยอันตรายและความมืดมน ตัดสลับกับฉากที่เทพธิดาปรากฏกายด้วยบรรยากาศสว่างไสว ยิ่งเน้นถึงความแตกต่างระหว่าง “โลกที่โหดร้าย” กับ “ความหวังท่ามกลางความสิ้นหวัง” อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายคนมองว่าตัวละครหญิงในเรื่องถูกนำเสนอในลักษณะ “เซอร์วิส” ที่เกินพอดี โดยเฉพาะการเน้นสัดส่วนของเทพธิดาในฉากเปิดตัว ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่อนิเมะแฟนตาซีบางเรื่องชอบใช้เป็นจุดขาย
ในเนื้อเรื่องมีประเด็นเรื่อง “ชนชั้น” และ “การแบ่งแยกทักษะ” อยู่ชัดเจน หากผู้เขียนตั้งใจขยายความเป็นไปได้ของโลกนี้ให้มากขึ้น ก็น่าจะทำได้หลากหลาย เช่น การบอกเล่าชีวิตของคนที่เกิดมาพร้อมทักษะไร้ค่าอื่นๆ ในสังคม และวิธีที่พวกเขาร่วมมือสร้างเครือข่ายดูแลซึ่งกันและกัน ซึ่งหากเรื่องนี้ลงรายละเอียดเชิงลึกในประเด็นสังคม อาจเพิ่มความเข้มข้นให้กับเนื้อหาได้อีกหลายเท่า ทว่าผู้ชมบางกลุ่มกลับมองว่าอนิเมะยังโฟกัสไปที่พลังของ Ein และการดำรงอยู่ของเหล่าตัวละครหญิงที่อาจร่วม “ฮาเร็ม” มากกว่า
จากตอนแรก ดูเหมือนโครงหลักจะเป็นการที่ Ein ได้รับพลังหรือโอกาสครั้งที่สองจากเทพธิดา และออกเดินทางร่วมทีมใหม่ซึ่งจะเป็น “พรรคพวกที่แท้จริง” สำหรับเขา แม้ยังไม่ได้ระบุชัดว่าต่อไปเขาจะล้างแค้นหรือเดินทางเส้นทางไหน แต่ตามโครงสร้างของแนวแฟนตาซีและพลังพระเอก ก็น่าจะมีอุปสรรคให้ Ein ได้พิสูจน์ตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แน่นอนว่ามีผู้ชมบางส่วนคาดหวังว่าเรื่องอาจจะ “เดินทางสายดาร์ก” จนกลายเป็นแนวล้างแค้นสุดโหด เพราะเพื่อนร่วมทีมเก่าของ Ein มีพฤติกรรมเลวร้ายอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่มีอะไรในเนื้อหา (เท่าที่ปรากฏในตอนแรก) ยืนยันว่าเรื่องจะไปถึงจุดนั้นหรือไม่ อย่างน้อยแฟนๆ ที่ชอบเห็นพระเอกล้างแค้นแบบดุเดือด อาจตั้งตารอลุ้น หรือคนที่ต้องการเนื้อหาแฟนตาซีเบาสมองก็ต้องคอยดูว่าทีมงานจะไปทิศทางไหน
มีการกล่าวถึง Frieren: Beyond Journey’s End และคอมเมนต์ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ลึกซึ้งเทียบเท่า ซึ่งก็เป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจ เพราะเรื่องหนึ่งเน้นการเติบโตและบรรยากาศเรียบง่าย ส่วน Even Given the Worthless “Appraiser” Class, I’m Actually the Strongest กลับออกแนวแอ็กชันหม่นๆ ผสมเซอร์วิสเล็กน้อย อีกทั้งหากใครกำลังมองหาความสดใหม่ด้านความคิดสร้างสรรค์ อาจถูกใจกับ Delicious in Dungeon ที่มีการเล่าเรื่องแฟนตาซีผ่านเมนูอาหารในดันเจี้ยนอย่างน่ารัก
แม้ทั้งสามเรื่องจะอยู่ในหมวดแฟนตาซีเหมือนกัน แต่ก็มีคอนเซ็ปต์และทิศทางต่างกัน ใครที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศจากแฟนตาซีแนวเดิมๆ ก็อาจหันไปดูเรื่องอื่นก่อน แล้วค่อยกลับมาดู Even Given the Worthless “Appraiser” Class, I’m Actually the Strongest หากอยากเห็นแนวพลังพระเอกที่มีความโหดและดราม่ามากขึ้น
กล่าวโดยสรุป Even Given the Worthless “Appraiser” Class, I’m Actually the Strongest (2025) ถือเป็นผลงานแฟนตาซีที่นำเสนอความรุนแรงและดราม่าอันเข้มข้น การออกแบบความสิ้นหวังของ Ein ในช่วงแรกทำได้สะเทือนใจ แม้จะมีองค์ประกอบบางส่วนที่ดูเป็นสูตรสำเร็จ รวมถึงเน้น “เซอร์วิส” ในตัวละครหญิง แต่ก็ยังมีแรงดึงดูดอยู่ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะด้านการนำเสนอตัวเอกที่น่าสงสารและการใช้ความสามารถ “Appraisal” มาพลิกสถานการณ์
- ชื่อเรื่องในภาษาไทย: นักประเมินไร้โชค ที่จริงเทพหลุดโลก
- ประเภท: แฟนตาซี, ผจญภัย, แอ็กชัน
- วันที่ออกอากาศ: 9 มกราคม 2025
- นักแสดงนำ: Kikunosuke Toya (พากย์เสียง Ein), Kana Hanazawa (พากย์เสียง Echidna), Yuu Serizawa (พากย์เสียง Pina)
- ผู้กำกับ: Kenta Ōnishi
- จำนวนตอน/ความยาว: 12 ตอน
- เรตติ้ง MyAnimeList: 6.61/10
- ช่องทางการดู: iQIYI, YouTube, BiliBili
[รีวิว] นักประเมินไร้โชค ที่จริงเทพหลุดโลก (2025)
บท - 8
การแสดง - 7.5
โปรดักชัน - 7.8
ความบันเทิง - 7
ความคุ้มค่าในการรับชม - 7
7.5
หากคุณกำลังมองหาอะนิเมะแฟนตาซีที่มีจุดเริ่มต้นเป็นความสิ้นหวังแต่ค่อยๆ ก้าวไปสู่เส้นทางที่ “เป็นไปได้” เรื่องนี้ก็น่าสนใจในระดับหนึ่ง เพียงแต่ต้องเข้าใจว่ามันอาจไม่ได้ลึกซึ้งในประเด็นทางสังคม หรือแปลกใหม่อย่างที่หลายคนหวัง แต่นี่ก็อาจเป็นจุดขายที่ทำให้แฟนๆ แนวนี้ติดตามต่อไป