รีวิวอนิเมะ

[รีวิว-เรื่องย่ออนิเมะ] สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด | Orb: On the Movements of the Earth (2024)

Chi.: Chikyuu no Undou ni Tsuite

ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 แวดวงอนิเมะได้รับการเพิ่มผลงานที่น่าจับตามองอย่างมากจากสตูดิโอ MADHOUSE ซึ่งคือ “สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด (Orb: On the Movements of the Earth)” อนิเมะที่เปิดตัวด้วยสองตอนแรกได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ในการเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งอนิเมะแห่งปี แม้ว่าในฤดูกาลนี้จะมีซีรีส์อื่น ๆ ที่น่าสนใจเช่น “Trillion Game” จากผู้สร้าง Dr. Stone อย่าง Riichiro Inagaki แต่ “Orb” ยังคงโดดเด่นกว่าด้วยการผสมผสานศิลปะและเนื้อเรื่องอย่างลงตัว

การสร้างสรรค์ภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวยงามในเรื่องนี้เป็นจุดที่น่าจดจำ โดยผู้อำนวยการศิลป์ Yasutoshi Kawai และผู้อำนวยการถ่ายภาพ Akane Fushihara ได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดความงดงามของท้องฟ้าและดวงดาวได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหตุผลที่ทำให้ซีรีส์นี้เป็นที่น่าจดจำมากกว่าซีรีส์อื่น ๆ นั้นคือการสร้างบรรยากาศที่สมจริงและเนื้อหาที่ลึกซึ้งในเชิงดาราศาสตร์

สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด (Orb: On the Movements of the Earth)

รีวิวและเรื่องย่อ สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด (Orb: On the Movements of the Earth)

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด (Orb: On the Movements of the Earth)” มีความโดดเด่นคือการถ่ายทอดท้องฟ้ายามค่ำคืนให้ดูงดงามและสมจริง การใส่ใจในรายละเอียดของท้องฟ้าและดวงดาวทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังมองท้องฟ้าจริง ๆ ทุกฉากใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยความงดงาม โดยเฉพาะภาพที่แสดงศูนย์กลางของทางช้างเผือกที่ดูเหมือนจริงมากจนทำให้ผู้ชมหลงใหลและลืมมองสิ่งอื่นรอบข้าง

ไม่เพียงแต่ท้องฟ้าเท่านั้น แต่การออกแบบรายละเอียดของเมืองในฉากก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ พื้นที่ต่าง ๆ เช่น สะพานหินและบ้านเรือนที่มีการสร้างสรรค์ด้วยเทคนิคโบราณ เช่น ผนังแบบ wattle and daub ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมจริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปพร้อมกับตัวละครในเรื่อง

Advertisement

นอกจากภาพที่งดงามแล้ว การเล่าเรื่องของ “Orb” ยังเป็นจุดที่ทำให้เรื่องนี้แตกต่างจากอนิเมะเรื่องอื่น ๆ ในฤดูกาลนี้ การแนะนำตัวละคร Novak ซึ่งเป็นตัวร้ายหลักในเรื่องในตอนแรก ทำให้เนื้อเรื่องเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นและน่าติดตาม ตัวละครนี้แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมตั้งแต่เริ่มต้น โดยไม่จำเป็นต้องบอกเล่าผ่านบทสนทนายาว ๆ แต่ใช้การกระทำของเขาเป็นตัวเล่าเรื่องแทน ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกเข้าถึงและตื่นเต้นไปพร้อมกัน

สิ่งที่ทำให้การเล่าเรื่องน่าสนใจคือการที่ Novak และ Rafal ซึ่งเป็นตัวเอกได้พบกันเพียงสองตอนแรก การเผชิญหน้ากันของตัวละครทั้งสองนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างศาสนากับวิทยาศาสตร์ การนำเสนอสถานการณ์อันตรายที่นักวิทยาศาสตร์ในเรื่องต้องเผชิญนั้นทำได้อย่างสมจริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความตึงเครียดและความยากลำบากของการต่อสู้เพื่อความรู้ในยุคนั้น

ในส่วนของประวัติศาสตร์ที่แสดงใน “Orb” มีทั้งความถูกต้องและความคลาดเคลื่อนทางประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่ผู้สร้างตั้งใจทำให้มันเป็น “ประวัติศาสตร์สมมติ” มากกว่า “ประวัติศาสตร์จริง” แม้จะมีการปรับแต่งในบางส่วน แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจคือการใช้วิทยาศาสตร์ในเรื่อง โดยเฉพาะการกล่าวถึงระบบสุริยจักรวาลและทฤษฎีดาราศาสตร์

นักวิทยาศาสตร์ที่ถูกคุมขังหรือถูกลงโทษโดยการเผาทั้งเป็นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ ยกตัวอย่างเช่น กาลิเลโอ กาลิเลอี ที่ถูกคุมขังในบ้านเนื่องจากการถกเถียงเรื่องระบบสุริยจักรวาล และยังมี Giordano Bruno นักปรัชญาที่ถูกเผาทั้งเป็นเพราะความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ของเขา

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าสนใจคือการกล่าวถึงระบบดวงอาทิตย์และการหมุนรอบตัวของโลก ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ตัวละคร Rafal เริ่มสนใจและต้องการศึกษาเพิ่มเติม แม้ว่าในช่วงแรกเขาจะไม่เชื่อในทฤษฎีนี้ แต่สุดท้ายเขาก็เริ่มยอมรับความคิดนี้และใช้มันเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อ

“Orb” ไม่เพียงแต่มีภาพและเนื้อหาที่น่าประทับใจ แต่ยังมีรายละเอียดในด้านการผลิตที่น่าจดจำอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ฉากที่ Rafal เห็นการเผาทั้งเป็นครั้งแรก เขาหันหน้าหนีหลังจากมองเห็นเหยื่อ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติของเด็กที่ไม่คุ้นเคยกับความโหดเหี้ยมเช่นนี้ ฉากนี้แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวและความเจ็บปวดที่ตัวละครรู้สึกได้อย่างชัดเจน

สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด | Orb: On the Movements of the Earth (2024)

นอกจากนี้ ฉากที่ Rafal นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องของเขา โดยแสงสีฟ้าของท้องฟ้ายามค่ำคืนส่องไปด้านหนึ่งของใบหน้า และแสงจากเทียนบนโต๊ะส่องไปยังอีกด้านหนึ่ง เป็นการใช้แสงสีที่เกิดจากธรรมชาติแทนที่จะเป็นเอฟเฟกต์พิเศษ ทำให้ฉากนี้ดูสมจริงและมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์

สิ่งที่เพิ่มเติมให้กับประสบการณ์การรับชมคือดนตรีประกอบโดย Kensuke Ushio ที่เคยทำเพลงประกอบอนิเมะดัง ๆ เช่น DanDaDan และ Chainsaw Man ดนตรีใน “Orb” ช่วยสร้างบรรยากาศและเสริมเนื้อหาของเรื่องได้อย่างลงตัว แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนโทนดนตรีแบบ Sawano ที่โด่งดัง แต่ดนตรีนี้กลับมีความกลมกลืนกับภาพและเนื้อเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม

“สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด (Orb: On the Movements of the Earth)” เป็นอนิเมะที่มากกว่าการเล่าเรื่องเกี่ยวกับดวงดาวและดาราศาสตร์ มันแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและความท้าทายที่นักวิทยาศาสตร์ในยุคนั้นต้องเผชิญ อนิเมะนี้เป็นการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ ดาราศาสตร์ และการเล่าเรื่องที่น่าติดตามได้อย่างลงตัว แม้ว่าเรื่องราวจะไม่อิงจากบุคคลจริง แต่ตัวละครในเรื่องถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงบุคคลในอดีตที่ต่อสู้เพื่อความรู้และวิทยาศาสตร์

ด้วยการเปิดตัวสองตอนแรกที่ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เราคาดหวังว่าจะได้เห็นการเล่าเรื่องที่ครบถ้วนภายในซีซั่นนี้ และคาดว่า “Orb” จะเป็นหนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมของปี 2024

  • ประเภท: ดราม่า, ผจญภัย, ประวัติศาสตร์
  • วันที่ออกอากาศ: 5 ตุลาคม 2024
  • นักแสดงนำ: Maaya Sakamoto, Kenjiro Tsuda, Sho Hayami
  • ผู้กำกับ: Kenichi Shimizu
  • จำนวนตอน/ความยาว: 25 ตอน
  • เรตติ้ง MyAnimeList: 7.87/10
  • ช่องทางการดู: Netflix

Advertisement

กดเพื่ออ่านเพิ่มเติม
Advertisement

PhiRa W.

เป็นนักเขียนอิสระที่หลงใหลในสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ และสารคดี ผมชอบที่จะวิเคราะห์และถอดรหัสเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของรีวิวที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน เพื่อแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ให้กับผู้อ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button