[รีวิว] Failure Frame (สร้างสถานะผิดปกติ) สู่พลังไร้เทียมทาน

อนิเมะที่มาแรงในช่วงนี้อย่าง Failure Frame: I Became the Strongest and Annihilated Everything With Low-Level Spells (E rank ผู้ถูกทิ้งเพราะสกิลไร้ค่าอย่าง [สร้างสถานะผิดปกติ] จะเหยียบยํ่าทุกสิ่งที่ขวางทางจนแกร่งสุดในใต้หล้า) ได้รับความสนใจจากแฟน ๆ แนวอิเซไคอย่างล้นหลาม ด้วยเรื่องราวที่ตัวเอกถูกทอดทิ้งในโลกใหม่พร้อมพลังที่ดูอ่อนแอและไร้ความหมาย แต่เขากลับใช้พลังเหล่านั้นเพื่อกลับมาแก้แค้นและสร้างเส้นทางของตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าอนิเมะเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่คุ้นเคยในแนวนี้ แต่ก็มีบางส่วนที่โดดเด่นและน่าจดจำ

ใน Failure Frame เราได้พบกับตัวละครหลัก โทวกะ มิโมริ ที่ถูกเทพธิดาจากโลกอื่นอัญเชิญมาให้เป็นหนึ่งในฮีโร่ของโลกใหม่ อย่างไรก็ตาม ความสามารถของมิโมริกลับถูกมองว่าอ่อนแอที่สุด และเขาถูกส่งไปยังคุกใต้ดินที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางรอด เมื่ออยู่ในคุก มิโมริเริ่มค้นพบว่าพลังของเขานั้นทำงานในรูปแบบที่แตกต่างออกไป และเขาเริ่มวางแผนที่จะกลับมาแก้แค้นทุกคนที่ทำร้ายเขา

เรื่องราวนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดึงดูดผู้ชมที่ชื่นชอบแนวอิเซไคและการแก้แค้น แต่ถึงแม้ว่าโครงเรื่องจะฟังดูน่าสนใจ แต่ก็มีจุดอ่อนที่ทำให้รู้สึกว่าอนิเมะเรื่องนี้อาจไม่สามารถยืนหยัดได้ในระยะยาว หากเทียบกับผลงานอื่น ๆ ในแนวเดียวกัน

เมื่อได้ดูตัวอย่างแรกของ Failure Frame ผมเองคาดหวังว่า มิโมริ จะเป็นตัวละครที่มีลักษณะสุดโต่ง ทั้งในเรื่องของพลังและบุคลิก แต่สิ่งที่พบคือความละเอียดอ่อนที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจเมื่อเทียบกับตัวละครชายที่มีพลังเกินขอบเขตในอนิเมะแนวนี้ มิโมริได้รับการเลี้ยงดูมาในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ถูกพ่อแม่ทำร้ายจิตใจจนต้องโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุของการพังทลายของครอบครัว เขาพยายามทำตัวให้ไม่เป็นที่สังเกต เพื่อหวังว่าพ่อแม่จะหยุดการกระทำที่ทำร้ายเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ

การพยายามเป็น “คนที่ไม่มีอันตราย” ของมิโมริทำให้เขาเป็นที่รู้จักในฐานะคนที่ไม่มีใครสนใจในหมู่เพื่อนร่วมชั้น ซึ่งทำให้เขาต้องเจอกับการดูหมิ่นอย่างต่อเนื่อง แม้เขาจะพยายามทำดีกับคนรอบข้าง เขาก็ยังต้องเตรียมรับมือกับการวิพากษ์วิจารณ์ในภายหลัง ฉากที่แสดงถึงการถูกทารุณกรรมในวัยเด็กของมิโมรินั้น สร้างความรู้สึกสงสารและความเข้าใจต่อเขาได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นส่วนที่ดีที่สุดที่ผมสามารถพูดได้เกี่ยวกับตอนเปิดตัวของเรื่องนี้

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทุกอย่างที่เหลือนั้นดูเหมือนจะเป็นการนำเสนอเรื่องราวแบบเดียวกับที่เราเคยเห็นมาหลายครั้งแล้วในซีรีส์แนวแก้แค้นที่เน้นตัวเอกชายเกินพอดี เพื่อนร่วมชั้นของมิโมริส่วนใหญ่ก็มีลักษณะการ์ตูนที่ชั่วร้ายเกินจริง ตัวละครอย่างเทพธิดาและเพื่อนร่วมชั้นก็ถูกนำเสนอในลักษณะที่โหดร้ายต่อเขาอย่างรวดเร็ว และการที่พลังของเขาถูกเปิดเผยว่าอ่อนแอก็ทำให้เขาถูกตัดสินประหารชีวิตโดยไม่ลังเล

การนำเสนอเทพธิดานั้นทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลในตัวเธอ แต่โอกาสที่จะทำให้เธอดูน่าสนใจมากขึ้นก็ถูกขัดขวางโดยการเน้นที่รูปร่างของเธอมากเกินไป กล้องมักจะโฟกัสไปที่ทรวงอกและร่างกายของเธอ ทำให้ความน่าสนใจของตัวละครนี้ลดลง นอกจากนี้ยังมีฉากหลังเครดิตที่เปิดเผยเงาร่างเปลือยของเอลฟ์สาว ที่น่าจะเป็นตัวละครหญิงสำคัญในเรื่อง

ในตอนแรกของ Failure Frame สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นจุดแข็งก็คือการสะท้อนความรู้สึกและความคิดของมิโมริต่อชีวิตของเขาเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขาดูมีมิติและน่าสนใจ แต่ทันทีที่เนื้อเรื่องเริ่มนำเขาเข้าสู่การเดินทางเพื่อกลายเป็นตัวเอกที่มีพลังเกินขีดจำกัด เหมือนกับเรื่องอื่น ๆ อย่าง Solo Leveling ก็ทำให้ความน่าสนใจเหล่านั้นถูกลืมไป ผมได้รีวิวอนิเมะแนวนี้มานับไม่ถ้วน และมันน่าหงุดหงิดที่เห็นศักยภาพของเรื่องที่ถูกทิ้งลงในท่อเพราะการเขียนเรื่องที่ไม่สมบูรณ์แบบ

แม้ว่าจะสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่ Failure Frame อาจเป็นได้หากมีนักเขียนที่มีความสามารถ แต่ความเป็นจริงที่เจ็บปวดก็คือ อนิเมะเรื่องนี้เป็นเพียงแค่อีกหนึ่งเรื่องในแนวอิเซไคที่ดู “เข้ม” แต่ไร้ความน่าสนใจ ที่จะถูกลืมในไม่ช้า

Failure Frame นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการแก้แค้นและการเติบโตของตัวละครเอกที่เริ่มต้นจากศูนย์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไป กลับไม่มีสิ่งใดที่ทำให้มันโดดเด่นกว่าซีรีส์อื่น ๆ ในแนวเดียวกัน ตัวละครที่มีศักยภาพสูงอย่างมิโมริ ถูกลดทอนความน่าสนใจไปในเรื่องของการเดินทางเพื่อแสวงหาพลังและแก้แค้น ทั้งที่มีโอกาสที่จะสร้างเรื่องราวที่ลึกซึ้งกว่านี้ แต่ท้ายที่สุด Failure Frame ก็คงจะเป็นเพียงอีกหนึ่งอนิเมะที่ถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว

• ประเภท: แฟนตาซี, ผจญภัย, แอ็คชั่น
• วันที่ออกอากาศ: กรกฎาคม 2024
• นักแสดงนำ: Ryota Suzuki (เสียงเป็น Mimori Touka), Saki Miyashita (เสียงเป็น Seras Ashrain)
• ผู้กำกับ: Michio Fukuda
• จำนวนตอน/ความยาว: 12 ตอน
• เรตติ้ง MyAnimeList: 6.27/10
• ช่องทางการดู: Bilibili (ซับ) Bilibili (พากย์) Crunchyroll