[รีวิว-เรื่องย่อ] Culinary Class Wars (สงครามเชฟคนละชั้น)

การดูรายการแข่งขันทำอาหารเป็นสิ่งที่หลายคนชื่นชอบ แต่บางครั้งมันอาจสร้างความสับสนได้เมื่อต้องทำความรู้จักกับเชฟหลายคนในคราวเดียวกัน ยิ่งถ้ารายการเริ่มต้นด้วยเชฟจำนวนมาก เราก็อาจหลงทางได้ง่าย ๆ อย่างเช่นในรายการใหม่บน Netflix ชื่อ Culinary Class Wars ที่มาพร้อมกับเชฟมากถึง 100 คน! คุณจะได้เห็นเชฟที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักปะทะกับเชฟชื่อดังที่มีชื่อเสียงในวงการอาหารเกาหลีใต้ ถือว่าเป็นการแข่งขันที่ท้าทายและไม่เหมือนใครเลยทีเดียว

รายการนี้เปิดโอกาสให้เชฟทั้งสองกลุ่มเชฟนอกสายตาที่เรียกว่า “Black Spoon Chefs” และเชฟที่มีชื่อเสียงเรียกว่า “White Spoon Chefs” ได้ประชันฝีมือกันอย่างเข้มข้น เพื่อค้นหาว่าใครจะเป็นสุดยอดเชฟของเกาหลีใต้ รางวัลใหญ่นั้นสูงถึง 300 ล้านวอน หรือประมาณ 7,247,997 บาท แน่นอนว่าการแข่งขันจะไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะสำหรับเชฟนอกสายตาที่ต้องผ่านรอบการคัดเลือกและต่อสู้กับเชฟมืออาชีพ

สำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบการดูการปรุงอาหารและการแข่งขันที่ดุเดือด รายการนี้อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็มีความซับซ้อนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการที่ต้องตามเชฟจำนวนมากตั้งแต่เริ่มต้น แต่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ไม่ควรพลาด

รีวิว-เรื่องย่อ Culinary Class Wars (สงครามเชฟคนละชั้น)

ภาพเปิดฉากของรายการนี้เริ่มต้นด้วยคำกล่าวของผู้บรรยายว่า “ที่นี่ เชฟ 100 คนมารวมตัวกันเพื่อเป็นสุดยอดเชฟของเกาหลีใต้” พร้อมกับภาพของสองกรรมการที่ยืนอยู่บนเวที และกล้องค่อย ๆ ซูมออกมาเผยให้เห็นเชฟจำนวน 40 คนเตรียมพร้อมในสถานีทำอาหารของตนเอง

รายการ Culinary Class Wars พยายามนำแนวคิดการแข่งขันทำอาหารแบบเดิม ๆ มาเพิ่มขนาดอย่างมหาศาล โดยเริ่มต้นด้วยการให้เชฟ 80 คนเข้ามานั่งในห้องที่มีโต๊ะจัดไว้เป็นวงกลม โต๊ะละ 20 คน เราไม่รู้จักชื่อของพวกเขา เพราะพวกเขาถูกตั้งฉายาแทน เช่น “เซียนเครื่องเคียง” หรือ “สามดาวติดตัว” บางคนดูแปลกไปหน่อย เช่น เชฟแซนด์วิชไก่ที่ใส่หน้ากากไก่ หรืออีกคนที่สวมวิกผมทรงเอลวิส บางคนเป็นเจ้าของร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ส่วนบางคนเปิดร้านเล็ก ๆ ที่เน้นความเป็นกันเอง

หลังจากเชฟกลุ่มนี้ปรากฏตัว ก็มาถึงกลุ่มเชฟอีก 20 คนที่ลอยขึ้นมาจากพื้นเป็นที่น่าประหลาดใจ พวกเขาคือเชฟชื่อดังที่เคยได้รับรางวัลระดับโลก เช่น ดาวมิชลิน หรือรางวัลจากการแข่งขันทำอาหารระดับชาติในเกาหลี พวกเขาถูกแบ่งเป็นกลุ่ม “White Spoon Chefs” ขณะที่เชฟนอกสายตาอยู่ในกลุ่ม “Black Spoon Chefs” กลุ่มเชฟนอกสายตา 20 คน จะต้องแข่งกับกลุ่มเชฟดัง โดยรางวัลสำหรับผู้ชนะคือ 300 ล้านวอน

การแข่งขันในรอบแรกจะมีเชฟทั้งหมด 40 คนจากแต่ละกลุ่มที่ต้องใช้เวลา 100 นาทีในการสร้างสรรค์เมนูที่ดีที่สุดของตนเอง โดยกรรมการสองคนคือ Baek Jong-won เจ้าของร้านอาหารที่มีชื่อเสียง และ Anh Sung-jae เชฟสามดาวมิชลิน จะเป็นผู้ตัดสิน ผลตัดสินจะแบ่งออกเป็นสามแบบ คือ การคัดออก การให้ผ่านเข้ารอบ หรือการให้อยู่ในสถานะ “รอการตัดสิน” หลังจากเชฟ 20 คนแรกผ่านเข้ารอบแล้ว การแข่งขันรอบนี้ก็จะสิ้นสุดลง

แม้แนวคิดของ Culinary Class Wars จะฟังดูน่าสนใจ แต่การดำเนินการในช่วงแรกของรายการนั้นอาจจะทำให้ผู้ชมรู้สึกสับสน เชฟ 80 คนกลุ่มแรกถูกนำเสนออย่างรวดเร็ว แต่ละคนมีชื่อฉายาที่ไม่ค่อยมีความหมายมากนักเมื่อไม่มีบริบท การแข่งขันทำอาหารรายการอื่นเช่น TOP CHEF Thailand ที่มีเชฟเพียง 15 คนก็ยังทำให้เรางุนงงในการติดตามว่าใครเป็นใคร แต่ในรายการนี้จำนวนเชฟที่มากถึง 100 คนทำให้การติดตามเป็นเรื่องท้าทายมาก

ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของตอนแรก ไม่มีการทำอาหารเลย ทั้งหมดเป็นการแนะนำเชฟ การพูดคุย และการอธิบายกฎกติกา ซึ่งบางครั้งก็รู้สึกว่าเป็นการดึงเรื่องให้นานเกินไป ผู้ชมหลายคนอาจจะรู้สึกอยากเห็นการทำอาหารเร็วขึ้นกว่านี้ แต่เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น รายการก็เริ่มดำเนินไปในลักษณะของ Quickfire Challenge ขนาดใหญ่ โดยโปรดิวเซอร์ทำงานได้ดีในการเน้นเชฟบางคนออกมาในขณะที่กรรมการกำลังตัดสินว่าใครจะได้ไปต่อหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่านี่เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของกลุ่มเชฟ 80 คนที่ต้องลดเหลือ 20 คน เราจึงเริ่มกังวลว่าเราจะต้องดูการคัดเลือกที่ยืดเยื้อแบบนี้อีกหลายรอบหรือไม่ แน่นอนว่าการติดตามการแข่งขันในรูปแบบนี้อาจจะทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกเบื่อไปได้

รายการ Culinary Class Wars ถือว่าเป็นแนวคิดที่ท้าทายและน่าสนใจในการรวมเชฟจำนวนมากมาทดสอบฝีมือกัน แต่การนำเสนอที่ซับซ้อนในช่วงแรกอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกสับสนและยากที่จะติดตาม แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งขันทำอาหารและอยากเห็นเชฟนอกสายตาท้าทายเชฟชื่อดัง นี่อาจเป็นรายการที่คุณไม่ควรพลาด

• ประเภท: เรียลลิตี้, การแข่งขันทำอาหาร
• วันที่ออกอากาศ: 17 กันยายน 2024
• นักแสดงนำ: Paik Jong-won, Anh Sung-jae
• ผู้กำกับ: Kim Eun-ji
• จำนวนตอน/ความยาว: 12 ตอน
• เรตติ้ง IMDb: 8.5/10
• ช่องทางการดู: Netflix