Call Me Bae (2024) เป็นซีรีส์แนวคอมเมดี้ดราม่าจาก Prime Video ที่นำเสนอเรื่องราวของ Bella “Bae” Chowdhury หญิงสาวที่ชีวิตเคยเพียบพร้อมในทุกด้าน แต่กลับต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อชีวิตหรูหราของเธอพังทลายลง หลังจากถูกเปิดโปงว่าเธอนอกใจสามี ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเธอพังพินาศ ครอบครัวและเพื่อนๆ หันหลังให้ จนทำให้เธอต้องพึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวและความรู้ในเรื่องแฟชั่นเพื่อต่อสู้กับโลกภายนอก
จากที่เคยอยู่ในแวดวงคนรวย เธอต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตบนท้องถนนและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยคาดคิด การผจญภัยของ Bae ทำให้เธอได้ค้นพบตัวตนและสร้างความเป็นอิสระที่แท้จริงในตัวเอง ซีรีส์นี้มีทั้งหมด 8 ตอน ตอนละ 40 นาที โดยได้รับการสร้างสรรค์จาก Dharmatic Entertainment และกำกับโดย Ishita Moitra
ซีรีส์นี้ไม่เพียงแค่เล่าเรื่องของหญิงสาวที่ต้องเผชิญกับความสูญเสีย แต่ยังสอดแทรกประเด็นสังคมที่น่าสนใจหลายประการ ทำให้ Call Me Bae กลายเป็นซีรีส์ที่หลายคนไม่ควรพลาด ทั้งในด้านของความบันเทิงและการสะท้อนปัญหาสังคมอย่างละเอียดอ่อน
รีวิว Call Me Bae (เบ คุณหนูตกกระป๋อง)
Prime Video นำเสนอซีรีส์คอมเมดี้ที่มาพร้อมกับตัวละครหลักอย่าง Bella “Bae” Chowdhury ที่เคยเป็นหญิงสาวผู้เพียบพร้อมและถูกครอบครัวคาดหวังเพียงให้เป็นภรรยาที่ดี แต่หลังจากการเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งใหญ่ Bae ต้องเริ่มต้นใหม่จากการไม่มีอะไรเลย สิ่งที่โดดเด่นในตัวละคร Bae คือความเฉลียวฉลาดในด้านการแก้ไขสถานการณ์ที่ยากลำบาก แม้ว่าเธอจะดูน่ารำคาญในบางช่วง แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับและเข้าใจจากผู้อื่น
การแสดงของ Bae ทำให้เรารู้สึกว่าเธอเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ไม่เคยได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงในชีวิตเก่า ในขณะที่บทบาทของเธอถูกนำเสนอให้ดูเป็นคนฉลาดและรอบรู้ แต่หลายครั้งเธอกลับทำสิ่งที่ดูไม่สมเหตุสมผล ซึ่งขัดกับบุคลิกที่ตัวละครพยายามสื่อสารออกมา ความขัดแย้งนี้ทำให้หลายคนรู้สึกว่าบทของ Bae ดูไม่สอดคล้องและขาดความลึกซึ้ง
ตัวละครในซีรีส์นี้มักถูกวิจารณ์ว่าเป็นตัวละครที่ดูไม่มีมิติมากนัก ทุกคนเหมือนจะมีเพียงแค่ด้านเดียวที่ถูกเน้น ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสามีของ Bae หรือคนรอบข้างอื่นๆ การพัฒนาตัวละครเหล่านี้ดูไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ซึ่งทำให้ยากที่จะเชื่อมต่อกับเรื่องราวอย่างเต็มที่
แม้ว่า Bae จะเป็นตัวละครหลักที่ดูโดดเด่นที่สุดในเรื่อง แต่ตัวละคร Neel N เจ้านายของเธอที่ TRP เป็นตัวละครที่น่าสนใจและเป็นตัวละครที่ดูมีมิติมากที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่าง Bae และ Neel มีความเคมีที่เข้ากันได้ดี ทำให้บางฉากในซีรีส์ดูน่าสนใจขึ้น แม้ว่าการแสดงของ Ananya Panday ในบท Bae จะมีจุดอ่อนในด้านการนำเสนอความลึกซึ้งของตัวละครที่เป็น “เด็กเจ้าเสน่ห์” แต่เธอยังสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมด้วยเสื้อผ้าแฟชั่นที่สวยงาม และภาพลักษณ์ที่เข้ากับตัวละคร
ในขณะที่ Vir Das รับบทเป็น Satyajit Sen นักข่าวผู้เป็นคู่ปรับของ Bae ทำหน้าที่ได้ดีในบทบาทนี้ ตัวละครของเขามีความเป็นคนร้ายที่ชัดเจน และแม้ว่าบทจะดูเป็นการ์ตูนไปบ้าง แต่ Das แสดงให้เห็นถึงความน่ารังเกียจที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเกลียดเขาได้อย่างไม่ยาก
จุดอ่อนสำคัญของ Call Me Bae อยู่ที่บทสนทนาที่บางครั้งดูน่าอึดอัดและน่าขำแบบไม่ตั้งใจ หลายฉากที่ตัวละคร Bae พูดออกมา มักเป็นประโยคที่ดูไร้สาระ ทำให้ยากที่จะนำไปสู่ความประทับใจได้จริง นอกจากนี้ การเล่าเรื่องที่บางครั้งรวดเร็วเกินไป หรือสลับเรื่องไปมาโดยไม่ให้รายละเอียดที่ชัดเจน ยังทำให้เรื่องราวดูไม่สมจริงและขาดความต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ซีรีส์นี้มีข้อดีอยู่บ้างในแง่ของการหยิบยกประเด็นสังคมที่สำคัญขึ้นมา เช่น การล่วงละเมิดทางเพศ การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล และการกดขี่ในที่ทำงาน แต่เนื่องจากการแก้ไขปัญหาในเรื่องดูง่ายและรวดเร็วเกินไป ทำให้ขาดความตื่นเต้นและความรู้สึกเอาชนะอุปสรรคที่น่าจดจำ
แม้ว่า Call Me Bae จะเป็นซีรีส์ที่ไม่ได้ลึกซึ้งหรือซับซ้อนเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่น่าสนใจและเป็นการรับชมที่เบาสมอง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผ่อนคลายและไม่ต้องการเรื่องราวที่ต้องคิดมากจนเกินไป
ทิ้งท้าย
Call Me Bae (2024) เป็นซีรีส์ที่ดูได้เพลินๆ และแม้จะมีจุดอ่อนในด้านของการพัฒนาตัวละครและบทสนทนาที่ไม่เป็นธรรมชาติ แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่บางครั้งน่าสนใจ และประเด็นสังคมที่แฝงอยู่ในเรื่อง ถือว่าเป็นซีรีส์ที่สามารถรับชมได้แบบไม่ต้องคิดมาก เหมาะสำหรับการดูคลายเครียดในวันหยุด
- ประเภท: คอมเมดี้, โรแมนติก
- วันที่ออกอากาศ: 6 กันยายน 2024
- นักแสดงนำ: Ananya Panday, Gurfateh Pirzada, Vir Das
- ผู้กำกับ: Colin D’Cunha
- จำนวนตอน/ความยาว: 8 ตอน
- ช่องทางการดู: Amazon Prime Video