Apple ได้เปิดตัว Final Cut Pro 11 รุ่นล่าสุดหลังจากที่ไม่ได้ปรับเวอร์ชันมาเป็นเวลานาน ตัวแอปนี้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ตัดต่อวิดีโอมากขึ้น เช่น เครื่องมือ AI ในการมาสก์เพื่อแยกพื้นหลังและวัตถุอย่างแม่นยำ ความสามารถในการสร้างคำบรรยายอัตโนมัติในไทม์ไลน์ และการปรับปรุงการทำงานเพื่อให้ใช้งานได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ฟีเจอร์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลาแต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดต่อให้ดีขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนั้น Apple ยังอัปเดต Final Cut Pro สำหรับ iPad และแอป Final Cut Camera ให้มีฟีเจอร์ใหม่ เช่น การปรับแสงและสีที่เร็วขึ้น พร้อมกับการบันทึกไฟล์แบบ HEVC ซึ่งใช้พื้นที่เก็บข้อมูลน้อยลง ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยทำให้แอป Final Cut Pro สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้หลากหลายมากขึ้น และยังคงความคมชัดและประสิทธิภาพสูงของวิดีโอ
การอัปเดตครั้งนี้ได้นำฟีเจอร์เด่นอย่าง Magnetic Mask มาสู่ Final Cut Pro สำหรับผู้ใช้งาน Mac โดย Magnetic Mask ช่วยให้สามารถแยกวัตถุออกจากพื้นหลังได้อย่างง่ายดาย เช่น การแยกบุคคลหรือวัตถุในวิดีโอ การทำงานของฟีเจอร์นี้แม้จะไม่สมบูรณ์แบบทุกครั้ง แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีในการสร้างมาสก์สำหรับคลิปสั้น ๆ บน MacBook Pro ที่มีอายุถึงสี่ปี แม้ว่าจะไม่สามารถทดแทนการทำงานที่ละเอียดใน After Effects ได้ทั้งหมด แต่ก็ลดขั้นตอนและเวลาการทำงานไปได้มาก
อีกฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ การสร้างคำบรรยายอัตโนมัติในไทม์ไลน์ ที่ Final Cut Pro ใช้โหมดภาษาเฉพาะของ Apple เพื่อสร้างคำบรรยายโดยตรงบนอุปกรณ์ การทำงานนี้รวดเร็วและไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อผิดพลาดในการสะกดคำบ่อยครั้ง ซึ่งผู้ใช้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ในภายหลัง แต่ไม่มีตัวเลือกในการปรับแต่งสไตล์คำบรรยาย หากต้องการความหลากหลายในการสไตล์คำบรรยาย ผู้ใช้อาจต้องใช้ปลั๊กอินเสริม
Final Cut Pro 11 ยังมาพร้อมกับการแก้ไขวิดีโอแบบ 3D สำหรับ Vision Pro ซึ่งเหมาะสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานที่ต้องการมุมมองที่ลึกซึ้งและมีมิติ อีกทั้งยังมีคีย์ลัดใหม่ เช่น Option + Arrow Up / Arrow Down ที่ช่วยเลื่อนคลิประหว่างเลเยอร์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Final Cut Pro สำหรับ iPad ยังได้รับการอัปเกรดด้วยฟีเจอร์ปรับแสงและสีที่เร็วขึ้น รวมถึงแปรงและการตอบสนองแบบ haptic เมื่อใช้ Apple Pencil Pro ทำให้การตัดต่อบน iPad มีความนุ่มนวลและมีมิติที่สัมผัสได้
สำหรับผู้ที่ใช้ Final Cut Camera แอปสามารถบันทึกไฟล์แบบ HEVC Log เพื่อลดขนาดไฟล์และรองรับการแสดงตัวอย่าง LUT ในระหว่างการถ่ายทำ นอกจากนี้ยังมีระดับเครื่องมือช่วยให้การถ่ายทำมีความสมดุลและมุมมองที่แม่นยำมากขึ้น เช่น ตัวบ่งชี้การเอียงและการหมุนซึ่งช่วยให้การถ่ายทำมีความถูกต้องและสมบูรณ์
การอัปเกรด Final Cut Pro 11 นี้นับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ผู้สร้างสรรค์สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ฟีเจอร์อย่าง Magnetic Mask และการสร้างคำบรรยายอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตัดต่อให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งการรองรับไฟล์ HEVC ใน Final Cut Camera ยังช่วยให้การจัดการข้อมูลมีความสะดวกมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาซอฟต์แวร์ตัดต่อที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูง Final Cut Pro 11 จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม