เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตกใจ เมื่อพบว่า iPhone ที่ถูกยึดมานั้นกลับรีบูตตัวเองโดยไม่คาดคิด ขณะนั้นยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าอะไรเป็นต้นเหตุของการรีบูตเหล่านี้ แต่ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญเริ่มค้นพบคำตอบที่ชัดเจนมากขึ้นว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ในรายงานจาก 404 Media มีการคาดการณ์ว่า Apple อาจเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยใหม่ ๆ ในการอัปเดต iOS ล่าสุด ซึ่งหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ก็เคยมีปัญหาเกี่ยวกับ iOS 18 ที่ทำให้ iPhone รีบูตตัวเองแบบสุ่มตลอดทั้งวัน ด้วยข้อมูลนี้ทำให้หลายคนสงสัยว่าปัญหาการรีบูตครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการอัปเดตหรือไม่ ซึ่งจากรายงานล่าสุด ก็ชี้ว่าความคิดนี้ไม่ผิดไปจากความจริงมากนัก เพราะผู้เชี่ยวชาญได้ค้นพบว่าการรีบูตครั้งนี้เป็นฟีเจอร์ที่ตั้งใจให้มีอยู่
Dr. -Ing. Jiska Classe จากสถาบันฮัสโซ แพลตต์เนอร์ ได้เปิดเผยว่า Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่เรียกว่า “inactivity reboot” ใน iOS คลาสเซนยังยืนยันข้อมูลนี้ในโพสต์ที่มีภาพถ่ายหน้าจอแสดงโค้ดที่เกี่ยวข้องชัดเจน
ก่อนหน้านี้มีการคาดเดาว่าการรีบูตอาจเกี่ยวข้องกับการที่อุปกรณ์ถูกตัดออกจากเครือข่ายมือถือ แต่คลาสเซนระบุว่า ไม่ใช่กรณีนี้ ฟีเจอร์ inactivity reboot นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรีบูตอุปกรณ์เมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน โดยจะย้ายสถานะจาก AFU (After First Unlock) ไปเป็น BFU (Before First Unlock) ซึ่งเป็นสถานะที่เข้าถึงข้อมูลได้น้อยลง เพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้
คริสโตเฟอร์ แวนซ์ จาก Magnet Forensics ก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในกลุ่มสนทนาส่วนตัวสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ว่า พบโค้ดที่เปิดใช้งานตัวจับเวลาที่เกี่ยวกับ inactivity เมื่อหมดเวลาตัวนี้ อุปกรณ์จะรีบูตตัวเองและเข้าสู่สถานะ BFU ซึ่งทำให้การเข้าถึงข้อมูลยากขึ้น
ฟีเจอร์นี้ของ iOS แม้จะมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องข้อมูลผู้ใช้จากการถูกขโมยหรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ก็กลายเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับการทำงานของเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบอุปกรณ์ อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้ทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Apple ในการเพิ่มมาตรการความปลอดภัย แม้จะมีข้อกังวลบางประการในสถานการณ์พิเศษ