กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันยืนยันว่า TSMC ยังคงต้องเก็บรักษาเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ก้าวหน้าที่สุดไว้ภายในประเทศตามกฎหมายที่กำหนด แม้บริษัทจะสามารถสร้างโรงงานผลิตในต่างประเทศได้ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น แต่ไม่สามารถถ่ายโอนเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงที่สุดออกไปยังโรงงานเหล่านั้นได้ โดยเฉพาะเทคโนโลยี N2 หรือชิประดับ 2 นาโนเมตร
J.W. Kuo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวันกล่าวในที่ประชุมของคณะกรรมการเศรษฐกิจในกรุงไทเปว่า กฎหมายไต้หวันมีข้อกำหนดที่ชัดเจนในการปกป้องเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูงของประเทศ ทำให้ TSMC ไม่สามารถผลิตชิป 2 นาโนเมตรในต่างประเทศได้ ณ ขณะนี้ อย่างไรก็ตาม TSMC มีแผนที่จะผลิตชิปขั้นสูงในต่างประเทศในอนาคต แต่เทคโนโลยีหลักจะต้องคงอยู่ในไต้หวันเพื่อป้องกันการถ่ายโอนความรู้ที่สำคัญ
นอกจากนี้ กฎหมายไต้หวันยังระบุให้บริษัทในประเทศสามารถผลิตชิปในต่างประเทศได้เฉพาะเทคโนโลยีการผลิตรุ่นก่อนหน้าเท่านั้น เพื่อให้เทคโนโลยีขั้นสูงที่สุดยังคงอยู่ในประเทศ การรักษากฎนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยืนยันบทบาทของไต้หวันในฐานะศูนย์กลางธุรกิจชิปชั้นนำของโลก
แม้กระบวนการผลิตในต่างประเทศ เช่น โรงงาน Fab 21 ของ TSMC ในรัฐแอริโซนา สหรัฐฯ จะมีกำหนดเริ่มผลิตชิป 4 และ 5 นาโนเมตรในปี 2025 ก็ตาม แต่การผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีระดับ 3 และ 2 นาโนเมตรที่ Fab 21 เฟสที่ 2 จะเริ่มขึ้นในปี 2028 ซึ่งเป็นเวลาที่โรงงานในไต้หวันจะใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่อย่าง A16 และ A14
ถึงแม้สหรัฐฯ จะมีความกังวลเกี่ยวกับการผลิตชิปขั้นสูง แต่ Cliff Hou ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวันและรองประธานอาวุโสของ TSMC กล่าวในที่ประชุมที่เมืองซินจูว่า ความร่วมมือระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ ยังคงมั่นคงและไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แม้อาจมีการปรับเปลี่ยนบางอย่าง ความสัมพันธ์พื้นฐานระหว่างทั้งสองยังคงแน่นแฟ้นมาโดยตลอดหลายทศวรรษ
Hou ยังได้พูดถึงความสำคัญของการพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์และวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ในไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทต่างชาติมีอิทธิพลมากกว่า การร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและรัฐบาลมีแผนที่จะดึงดูดพันธมิตรจากต่างประเทศมาจัดตั้งศูนย์การออกแบบและวัสดุในไต้หวัน ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันและเพิ่มบทบาทของประเทศในตลาดโลก
ในขณะที่ TSMC ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง ไต้หวันก็กำหนดนโยบายเพื่อปกป้องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้คงอยู่ภายในประเทศ เป็นการรับรองว่าไต้หวันจะยังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตชิปชั้นนำที่ดึงดูดความสนใจจากบริษัทออกแบบชิปชั้นนำทั่วโลก