อนาคตของ TikTok ในสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญความไม่แน่นอนอีกครั้ง เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ที่กลับมาสู่เวทีการเมือง ได้เปลี่ยนจุดยืนจากปี 2020 เกี่ยวกับการห้ามใช้แอปพลิเคชันยอดนิยมนี้ โดยได้ประกาศในที่ชุมนุมว่าหากชาวอเมริกันต้องการ “รักษา TikTok ในอเมริกา” ควรลงคะแนนเสียงให้เขา การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีผลกระทบสำคัญที่อาจทำให้ชะตากรรมของ TikTok ถูกยืดออกไปและส่งผลต่อแบรนด์ต่างๆ ที่พึ่งพาผู้ใช้งานกว่า 170 ล้านคนในสหรัฐฯ
ตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน บริษัท ByteDance เจ้าของ TikTok ต้องดำเนินการขายกิจการของตนในสหรัฐภายในเดือนมกราคม 2025 อย่างไรก็ตาม TikTok ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลกลาง โดยอ้างว่ามีการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญในข้อแก้ไขครั้งแรก ซึ่งในขณะนี้คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาโดยศาลอุทธรณ์ดีซี และอาจถูกนำไปสู่การพิจารณาของศาลสูงสุดในช่วงกลางปี 2025
ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐที่สูงถึง 170 ล้านคน การตัดสินชะตากรรมของแอปนี้อาจเปลี่ยนแปลงอย่างมากหลังจากที่ทรัมป์กลับมามีอำนาจ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อกฎหมายที่ออกในยุคไบเดนที่บังคับให้ ByteDance ต้องขายกิจการ หากศาลสูงสุดรับพิจารณาคดีนี้จริง อาจทำให้การบังคับใช้คำสั่งห้ามถูกเลื่อนออกไปจนถึงช่วงกลางปี 2025 เรื่องนี้ทำให้แบรนด์ต่างๆ ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในการวางแผนงบประมาณสำหรับปีหน้า
จุดยืนที่นุ่มนวลขึ้นของทรัมป์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากความพยายามวิ่งเต้นโดย Jeff Yass นักลงทุนของ ByteDance ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจากท่าทีเดิมของเขาที่เคยเรียกร้องให้แบน TikTok อย่างสิ้นเชิง
อาจารย์ Alan Rozenshtein จากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา ได้แสดงความเห็นว่า “เป็นประเด็นที่ใหญ่และซับซ้อน… ส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกัน 170 ล้านคนและเกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพในข้อแก้ไขครั้งแรกอย่างลึกซึ้ง”
จากการสัมภาษณ์ของ Wired พบว่าพนักงาน TikTok ส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงการสนทนาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการถูกแบน โดยผู้จัดการผลิตภัณฑ์นิรนามคนหนึ่งกล่าวว่า “เหมือนมีความเห็นร่วมกันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้”
หากศาลสูงสุดรับพิจารณาคดีนี้จริง อาจส่งผลให้การบังคับใช้คำสั่งห้ามล่าช้าไปจนถึงกลางปี 2025 ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้ใช้งาน TikTok และแบรนด์ต่างๆ ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนที่ยาวนานขึ้น
การเปลี่ยนแปลงจุดยืนของทรัมป์ในเรื่อง TikTok ถือเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของแพลตฟอร์มยอดนิยมนี้ในสหรัฐอเมริกา ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อผู้ใช้งานทั่วไป แต่ยังรวมถึงแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในปี 2025 และต่อไป