การเจรจาระหว่าง Microsoft และ OpenAI ในการปรับโครงสร้างบริษัทกำลังเป็นเรื่องที่ถูกจับตามอง เนื่องจาก Microsoft มีแนวโน้มจะได้ถือหุ้นจำนวนมากใน OpenAI ที่กำลังแปลงจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรสู่บริษัทที่มีการทำกำไร เพื่อให้กระบวนการนี้เสร็จสิ้นก่อนครบกำหนดสองปี ทั้งสองฝ่ายจึงต้องเร่งเจรจาข้อตกลงอย่างเข้มข้น
จากการรายงานของ Wall Street Journal มีการเปิดเผยว่า Microsoft และ OpenAI ต่างก็ได้ว่าจ้างธนาคารเพื่อการลงทุนมาเจรจาเรื่องหุ้น ซึ่ง Microsoft ได้ลงทุนกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับสองในสหรัฐฯ รองจาก SpaceX ขณะเดียวกันยังมีประเด็นเรื่องการแบ่งหุ้นให้กับ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI และพนักงาน รวมถึงการจัดการสิทธิบริหารของ Microsoft ในบริษัทที่ปรับโครงสร้างใหม่นี้
การเจรจาระหว่าง Microsoft และ OpenAI ไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องการแบ่งหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องตกลงเรื่องสิทธิในการบริหารองค์กรภายใต้โครงสร้างใหม่อีกด้วย การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ OpenAI กลายเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการสร้างผลประโยชน์ต่อสาธารณะ (Public Benefit Corporation) แม้ว่าจะยังคงมีองค์ประกอบที่ไม่แสวงหาผลกำไรอยู่บางส่วนก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าหุ้นของ OpenAI ในส่วนของ Sam Altman และพนักงานก็จะถูกพิจารณาในข้อตกลงนี้ด้วย
สิ่งที่ทำให้กระบวนการเจรจานี้ซับซ้อนยิ่งขึ้นคือการที่ Greg Brockman ประธานของ OpenAI มีแนวโน้มที่จะกลับมาทำงานหลังจากการหยุดพักยาวภายในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ การกลับมาของเขาอาจจะส่งผลต่อการเจรจาและการตัดสินใจในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารงานและทิศทางของบริษัทในอนาคต แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของเขาหลังจากกลับมา แต่ก็น่าจะส่งผลต่อโครงสร้างการทำงานในระยะยาว
Microsoft และ OpenAI ต้องตกลงให้ได้ว่าใครจะมีอำนาจในการตัดสินใจหลักในบริษัทใหม่นี้ ทั้งในแง่การบริหารจัดการและการลงทุน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก OpenAI เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยและมีอิทธิพลในแวดวงเทคโนโลยีอย่างมาก ขณะเดียวกันก็คงต้องติดตามว่าการปรับเปลี่ยนนี้จะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด AI อย่างไร เนื่องจากทั้ง Microsoft และ OpenAI ต่างก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ไปข้างหน้า
จากข้อมูลที่ปรากฏ Microsoft ได้ลงทุนใน OpenAI ตั้งแต่ช่วงแรก และได้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างใกล้ชิดกับบริษัทนี้มาโดยตลอด การเพิ่มหุ้นหรือการมีสิทธิในการบริหารงานมากขึ้นจึงถือเป็นกลยุทธ์ที่ Microsoft อาจใช้ในการครองตลาด AI ได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งน่าสนใจว่าการเจรจาครั้งนี้จะทำให้ Microsoft ได้รับหุ้นมากน้อยแค่ไหนและจะมีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่า OpenAI อาจเลือกเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานเพื่อให้สามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นได้มากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งวิสัยทัศน์ในการสร้างนวัตกรรมที่ช่วยเหลือสังคม การแปลงโครงสร้างครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อทั้งตลาด AI และการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอนาคต
การเจรจาระหว่าง Microsoft และ OpenAI เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีความสำคัญอย่างมากในวงการเทคโนโลยี ไม่เพียงแต่เรื่องการแบ่งหุ้นและการบริหารงานเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับทิศทางของนวัตกรรมในอนาคต การที่ Microsoft อาจได้หุ้นใหญ่ใน OpenAI จะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพให้กับทั้งสองบริษัทในการแข่งขันในอุตสาหกรรม AI ซึ่งต้องติดตามว่าผลสรุปของการเจรจาครั้งนี้จะออกมาในรูปแบบใด