เมื่อ Elon Musk เข้าควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X (เดิมคือ Twitter) นโยบายและฟีเจอร์ต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุดการปรับเปลี่ยนฟีเจอร์บล็อกกำลังทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจในหมู่ผู้ใช้ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะอนุญาตให้ผู้ที่ถูกบล็อกยังสามารถเห็นโพสต์สาธารณะของผู้ที่บล็อกได้ แม้ว่าจะไม่สามารถกดไลค์ รีโพสต์ หรือแสดงความคิดเห็นก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ละเมิดมาตรฐานการบล็อกที่เคยมีอยู่ในแพลตฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความเห็นของ Elon Musk เท่านั้น Jack Dorsey อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ก็สนับสนุนแนวคิดนี้เช่นกัน ทั้งสองมองว่าการบล็อกโพสต์สาธารณะนั้นไม่มีความหมาย เนื่องจากผู้ที่ถูกบล็อกยังสามารถดูโพสต์ได้เมื่อไม่ล็อกอิน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้และนักเคลื่อนไหวบางคน รวมถึง Tracy Chou ผู้ก่อตั้ง Block Party ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันการถูกคุกคาม มองว่าความยากในการเข้าถึงโพสต์มีผลอย่างมาก และฟีเจอร์บล็อกก็เป็นเสมือนเกราะป้องกันความปลอดภัยสำหรับหลาย ๆ คน
Elon Musk ได้เสนอแนวคิดในการยกเลิกฟีเจอร์บล็อกและใช้ฟีเจอร์ “ปิดเสียง” แทน โดยมองว่าการบล็อกโพสต์สาธารณะเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ แต่ผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้จำนวนมากมองว่าการปรับเปลี่ยนฟีเจอร์บล็อกนี้จะเป็นการทำลายความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ที่มีความเสี่ยงต่อการถูกคุกคาม Tracy Chou แสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่ฟีเจอร์บล็อกทำให้ผู้คุกคามเข้าถึงโพสต์ของผู้ที่บล็อกพวกเขาได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องการปกป้องตัวเองจากการถูกรบกวน
การเปลี่ยนแปลงนี้ยังทำให้ผู้ใช้หันไปสู่แพลตฟอร์มทางเลือกอย่าง Bluesky ซึ่งได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 1.2 ล้านคนในช่วงเวลาเพียงสองวัน ทั้งนี้ Bluesky ได้ขยับขึ้นสู่อันดับที่ 2 ในหมวดแอปเครือข่ายสังคมใน U.S. App Store จากอันดับที่ 181 ในวันก่อนหน้า แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ในลักษณะนี้อาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว แต่การเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์บล็อกใน X ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนชื่อแบรนด์ที่ไม่กระทบต่อการใช้งาน แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่กระทบต่อประสบการณ์และความปลอดภัยของผู้ใช้โดยตรง
แม้ว่าฟีเจอร์บล็อกใน X จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญทางด้านความปลอดภัยของผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคน แต่ทีมพัฒนาของ X กลับมองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้มีความโปร่งใสมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้ที่บล็อกกันจะไม่สามารถซ่อนข้อมูลที่เป็นอันตรายหรือส่วนตัวได้อีกต่อไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ถูกบล็อกเห็นการกระทำที่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ใช้บางกลุ่ม แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ใช้ที่ห่วงใยเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเองกลับมองว่านโยบายนี้เป็นการเปิดช่องให้ผู้ที่ต้องการก่อกวนสามารถติดตามโพสต์ของพวกเขาได้ง่ายขึ้น
Claire Waxman ที่ปรึกษาด้านเหยื่อจากสำนักงานนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเธอกล่าวว่าการยกเลิกฟีเจอร์บล็อกในลักษณะนี้จะสร้างความเสี่ยงให้กับเหยื่อของการสะกดรอยตามหรือการถูกคุกคาม Waxman ระบุว่านโยบายดังกล่าวเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของเหยื่อ และเป็นการสนับสนุนพฤติกรรมที่เป็นภัย
Colten Meisner ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย North Carolina State ผู้เชี่ยวชาญด้านการคุกคามในสื่อสังคมออนไลน์ ยังได้แสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายใหม่นี้ โดยเขามองว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการลดประสิทธิภาพของเครื่องมือป้องกันการคุกคามที่ผู้ใช้เคยมีอยู่ ฟีเจอร์บล็อกนั้นเป็นแนวป้องกันด่านแรกที่หลายคนใช้เพื่อป้องกันตนเองจากการคุกคาม และการปรับเปลี่ยนนี้จะทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการถูกก่อกวนมากยิ่งขึ้น Meisner ชี้ให้เห็นว่านโยบายใหม่ของ X สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและการตัดสินใจส่วนตัวของ Elon Musk ที่มักจะปรับเปลี่ยนกฎระเบียบของแพลตฟอร์มตามความต้องการของตนเอง
X ยังได้มีการจำกัดการเข้าถึงลิงก์ไปยังแพลตฟอร์มคู่แข่ง เช่น Substack และ Mastodon ในบางช่วง รวมถึงการระบุว่า NPR เป็น “สื่อของรัฐ” ซึ่งเป็นการใช้คำที่ปกติแล้วถูกสงวนไว้สำหรับสื่อที่ขาดความเป็นอิสระทางบรรณาธิการ แม้ว่า NPR จะได้รับเงินทุนจากรัฐบาลกลางน้อยกว่า 1% ของงบประมาณประจำปี
นโยบายนี้ถูกมองว่าเป็นการถอยหลังครั้งใหญ่ในด้านการจัดการกับการคุกคามออนไลน์ ซึ่งอาจส่งผลให้แพลตฟอร์ม X กลายเป็นพื้นที่ที่ความเกลียดชังและการก่อกวนเพิ่มมากขึ้น Meisner สรุปว่าการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์บล็อกนี้จะส่งผลเสียต่อผู้ที่เคยพึ่งพาฟีเจอร์นี้เพื่อปกป้องตนเองจากการคุกคามออนไลน์
การเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์บล็อกใน X ของ Elon Musk กำลังสร้างความกังวลและผลักดันให้ผู้ใช้หลายคนมองหาแพลตฟอร์มอื่นที่มีความปลอดภัยมากกว่า แม้ว่าทีมพัฒนาของ X จะมองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเพิ่มความโปร่งใส แต่ผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้หลายคนมองว่านโยบายนี้กำลังทำลายความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ที่ต้องการป้องกันการถูกคุกคาม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะส่งผลต่อทิศทางของแพลตฟอร์มและจำนวนผู้ใช้ในอนาคต
