เปรียบเทียบ iPad mini 7 กับ iPad mini 6 อัปเกรดอะไรบ้าง?

ในที่สุดหลังจากสามปีของการรอคอย Apple ได้เปิดตัว iPad mini 7 ที่ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า iPad mini 6 ที่เคยทำการปรับโฉมใหญ่ในปี 2021 ถึงแม้ว่าดีไซน์ภายนอกและฟีเจอร์หลายอย่างจะยังคงเหมือนเดิม แต่ iPad mini 7 มาพร้อมกับชิป A17 Pro ที่ทรงพลังและรองรับเทคโนโลยี Apple Intelligence ที่ทำให้การประมวลผลเร็วขึ้น การเชื่อมต่อ USB-C ที่รวดเร็วขึ้น และความเข้ากันได้กับ Apple Pencil Pro เรียกได้ว่าเป็นการอัปเกรดที่น่าประทับใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการสมรรถนะสูงและความคล่องตัว

Apple มีแนวโน้มที่จะอัปเดต iPad mini ในระยะเวลาหลายปีต่างจากรุ่นอื่น ๆ อย่าง iPad Pro หรือ iPad Air ที่มีการอัปเดตบ่อยกว่า บทความนี้จะพาคุณมาดูความแตกต่างระหว่าง iPad mini 7 และ iPad mini 6 โดยละเอียด รวมถึงคำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังมองหาการอัปเกรดหรือซื้อ iPad mini เป็นครั้งแรก

เปรียบเทียบ iPad mini 7 กับ iPad mini 6

ชิปประมวลผล (CPU/GPU) และ RAM

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดใน iPad mini 7 คือการอัปเกรดจากชิป A15 Bionic ใน iPad mini 6 เป็นชิป A17 Pro ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ทั้งการประมวลผลและกราฟิกทำงานได้อย่างราบรื่น Apple ระบุว่า A17 Pro ให้การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ได้ถึง 30% และ GPU ได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Apple Intelligence ที่ช่วยเพิ่มความฉลาดในการใช้งาน

ในส่วนของหน่วยความจำ RAM คาดว่า iPad mini 7 จะมี RAM 8GB (ยังไม่ยืนยัน) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก iPad mini 6 ที่มีเพียง 4GB นอกจากนี้ยังมีการขยายพื้นที่เก็บข้อมูล โดยมีตัวเลือกเริ่มต้นที่ 128GB มากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่เริ่มต้นที่ 64GB

หน้าจอแสดงผล

iPad mini 7 ยังคงใช้หน้าจอ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว เหมือนกับ iPad mini 6 แต่แม้ว่าหน้าจอจะคมชัดและมีความละเอียดสูง 326 พิกเซลต่อนิ้ว แต่ Apple ก็ยังไม่ได้เพิ่ม ProMotion 120Hz ในรุ่นนี้ ซึ่งทำให้การแสดงผลไม่สามารถเปรียบเทียบกับ iPad Pro ได้ในเรื่องของการตอบสนองที่รวดเร็ว

ถึงแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในหน้าจอ แต่ชิป A17 Pro ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ iPad mini 7 เช่น การรองรับ Apple Pencil Hover และการเชื่อมต่อ USB-C สำหรับ Apple Pencil Pro

การเชื่อมต่อและ I/O

iPad mini 6 เปิดตัวพร้อมกับการเปลี่ยนจากพอร์ต Lightning มาเป็น USB-C ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่สำคัญที่เปิดทางให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมและไดรฟ์ภายนอกได้มากขึ้น ใน iPad mini 7 Apple ได้เพิ่มความเร็วของพอร์ต USB-C เป็นสองเท่าโดยสามารถรับส่งข้อมูลได้ถึง 10Gbps นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดการเชื่อมต่อ Wi-Fi เป็น Wi-Fi 6E และ Bluetooth เป็น 5.3 ซึ่งทำให้การเชื่อมต่อไร้สายมีความเร็วและเสถียรมากขึ้น

การรองรับ Apple Pencil Pro ยังเป็นหนึ่งในจุดเด่นของ iPad mini 7 ซึ่งมีฟีเจอร์เพิ่มเติมเช่น Barrel Roll, Squeeze, Haptic Feedback และการใช้งาน Find My บน Apple Pencil

กล้อง

กล้องหลังของ iPad mini 7 ยังคงใช้เลนส์ 12MP เหมือนกับรุ่นก่อน แต่มีการปรับปรุงในเรื่องของการถ่ายภาพด้วย Smart HDR 4 ที่ช่วยให้ภาพถ่ายและการสแกนเอกสารมีคุณภาพที่ดีขึ้น ส่วนกล้องหน้า Ultra Wide ยังคงเหมือนเดิมโดยมีฟีเจอร์ Center Stage ที่ช่วยให้การติดตามภาพเคลื่อนไหวขณะวิดีโอคอล

สี ขนาด และแบตเตอรี่

iPad mini 7 ยังคงมีน้ำหนักและขนาดที่เท่ากับ iPad mini 6 ที่ 0.65 ปอนด์ (ประมาณ 293 กรัม) นอกจากนี้แบตเตอรี่ก็ยังคงสามารถใช้งานได้สูงสุด 10 ชั่วโมงเมื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือดูวิดีโอ

ราคาและความจุ

iPad mini 7 ได้ขยายขนาดความจุโดยมีรุ่นเริ่มต้นที่ 128GB และสูงสุดถึง 512GB ซึ่งให้ความจุที่มากขึ้นในราคาเดียวกันกับรุ่นก่อน

สรุป

iPad mini 7 ถือเป็นการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญจาก iPad mini 6 แม้ว่าดีไซน์จะยังคงคล้ายคลึงกับรุ่นก่อน แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือชิป A17 Pro ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้ง CPU และ GPU พร้อมกับความสามารถในการใช้งาน Apple Intelligence ที่เปิดโอกาสให้การทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ อย่าง Apple Pencil Pro ทำได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงในเรื่องของการเชื่อมต่อและ I/O ที่รวดเร็วกว่าเดิม รวมถึงความสามารถในการถ่ายภาพที่ดียิ่งขึ้นด้วย Smart HDR 4

สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกระหว่าง iPad mini 6 กับ iPad mini 7 การพิจารณาความต้องการในการใช้งานเฉพาะตัวเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณต้องการอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและสามารถใช้งานฟังก์ชันเพิ่มเติมได้อย่างเต็มที่ iPad mini 7 จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้