ข่าว Tech

TikTok ถูกฟ้องหลายรัฐ กล่าวหาว่าเสพติดเป็นอันตรายต่อเยาวชน

TikTok หนึ่งในแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับการฟ้องร้องครั้งใหญ่จากหลายรัฐในสหรัฐฯ เหตุผลหลักคือการกล่าวหาว่าแอปพลิเคชันนี้ออกแบบมาเพื่อทำให้เด็ก ๆ เสพติด และก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้อายุน้อย ๆ กลุ่มทนายความที่นำโดยรัฐแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก รวมทั้งหมด 13 รัฐและเขตโคลัมเบีย ได้ยื่นฟ้อง TikTok โดยระบุว่าแอปพลิเคชันนี้ละเมิดกฎหมายของรัฐ ด้วยการอ้างว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวปลอดภัยสำหรับเด็ก ซึ่งความจริงแล้วกลับส่งผลเสียต่อเยาวชนอย่างรุนแรง

Advertisement

คดีความนี้สะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบที่ TikTok มีต่อเด็ก ๆ และเยาวชน โดยเฉพาะเรื่องของสุขภาพจิตและการบิดเบือนรูปลักษณ์ผ่านฟิลเตอร์ที่เน้นความงาม การใช้งาน TikTok ที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน เช่น การท้าทายอันตรายบนแพลตฟอร์มที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้กลุ่มทนายความตัดสินใจยื่นฟ้องครั้งนี้

TikTok ถูกฟ้องจากหลายรัฐ

หลายรัฐในสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้อง TikTok โดยกล่าวหาว่าบริษัทออกแบบแอปพลิเคชันนี้ให้ทำให้เยาวชนเสพติดและเกิดผลเสียต่อสุขภาพจิต กลุ่มทนายความที่นำโดยอัยการรัฐแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก รวมถึงอีก 13 รัฐและเขตโคลัมเบีย ระบุว่า TikTok ละเมิดกฎหมายของรัฐที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยการโฆษณาที่ไม่ตรงตามความจริงว่าระบบนี้ปลอดภัยสำหรับเด็ก

แอปพลิเคชัน TikTok ถูกกล่าวหาว่ามีคุณสมบัติที่ดึงดูดเด็ก ๆ ให้ใช้งานเป็นเวลานาน ทำให้พวกเขาเกิดปัญหาสุขภาพจิต ความรู้สึกไม่พอใจกับรูปลักษณ์ของตัวเอง และยังมีการส่งเสริมให้เด็ก ๆ เข้าร่วมในกิจกรรมท้าทายอันตรายบนแพลตฟอร์ม ส่งผลให้บางคนได้รับบาดเจ็บหรือแม้กระทั่งเสียชีวิต

หนึ่งในข้อกล่าวหาที่สำคัญในคดีนี้คือ TikTok ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเยาวชน โดยเฉพาะความรู้สึกไม่พอใจกับรูปลักษณ์ผ่านการใช้ฟิลเตอร์ความงาม ซึ่งฟิลเตอร์เหล่านี้ทำให้เยาวชน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง มีความรู้สึกว่าตนเองไม่สวยพอโดยไม่ผ่านการแต่งรูป ฟิลเตอร์ที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาในทันที อาจทำให้เกิดปัญหาเชิงจิตวิทยา เช่น ความผิดปกติทางด้านการกิน การรับรู้รูปร่างของตนเองอย่างผิดเพี้ยน หรือแม้กระทั่งการพัฒนาปัญหาด้านสุขภาพจิตในระยะยาว

Advertisement

อีกทั้งยังมีข้อกล่าวหาว่า TikTok ส่งเสริมการท้าทายที่เป็นอันตราย ซึ่งก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในหมู่เยาวชน ตัวอย่างเช่น การท้าทายที่อาจดูสนุกและไม่เป็นอันตรายสำหรับบางคน แต่อาจกลายเป็นอันตรายร้ายแรงเมื่อมีการทำตามกันอย่างแพร่หลาย

ในขณะที่หลายรัฐกล่าวหาว่า TikTok ไม่สามารถปกป้องเยาวชนได้อย่างเหมาะสม TikTok ได้ตอบโต้โดยกล่าวว่าบริษัทมีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวด และได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านกฎหมายมาเป็นเวลากว่าสองปี บริษัทได้กล่าวว่ามีการวางระบบป้องกันเชิงรุก เช่น การลบผู้ใช้งานที่อาจเป็นเด็กต่ำกว่าอายุที่กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการรอให้หน่วยงานบังคับกฎหมายดำเนินการ

TikTok ยังได้ชี้แจงว่าบริษัทมีระบบ “การป้องกันที่แข็งแกร่ง” เพื่อให้แน่ใจว่าเยาวชนจะได้รับความคุ้มครองจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และบริษัทได้ทำงานร่วมกับกลุ่มอัยการในการหาทางออกที่สร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มอัยการที่ฟ้องร้องกล่าวว่าความพยายามของ TikTok นั้นมีจุดประสงค์หลักเพียงเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสาธารณะมากกว่าการปกป้องเยาวชนอย่างแท้จริง

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่กลุ่มอัยการยกขึ้นในการฟ้องร้องคือ การใช้ฟิลเตอร์ความงามบนแพลตฟอร์ม TikTok ที่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะใบหน้าของผู้ใช้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งฟิลเตอร์เหล่านี้สร้างความคาดหวังที่ไม่เป็นจริงสำหรับเยาวชน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่มองว่าตนเองไม่สวยหรือไม่ดีพอหากไม่ได้แต่งภาพด้วยฟิลเตอร์ ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้รูปลักษณ์ของตัวเองอย่างผิดเพี้ยน และอาจนำไปสู่การพัฒนาปัญหาด้านสุขภาพจิตเช่น ภาวะบิดเบือนรูปร่างตนเองหรือการกินผิดปกติ

อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ TikTok ถูกวิจารณ์อย่างหนักคือการท้าทายที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์มที่อาจทำให้เกิดอันตราย โดยในบางกรณีเด็ก ๆ ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการทำตามการท้าทายที่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าแพลตฟอร์มนี้อาจยังไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอในการตรวจสอบเนื้อหาที่อาจก่อให้เกิดอันตราย

กรณีการฟ้องร้อง TikTok นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลายราย ในปีที่ผ่านมา กลุ่มรัฐจำนวนกว่า 30 รัฐได้ยื่นฟ้อง Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook และ WhatsApp โดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มของพวกเขาออกแบบมาเพื่อทำให้เยาวชนเสพติด และมีผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิตเช่นเดียวกับกรณีของ TikTok แม้ว่าคดีนี้ยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณา Meta ได้เริ่มดำเนินการอัปเดตระบบความปลอดภัยเพื่อปกป้องเยาวชนแล้ว

TikTok ยังต้องเผชิญกับคดีความจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของเด็ก โดยเฉพาะในกรณีที่แอปพลิเคชันอนุญาตให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปีสร้างบัญชีและใช้งานโดยไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง และมีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของเด็กเหล่านั้นอย่างไม่เหมาะสม

นอกจากนี้ TikTok ยังอาจถูกแบนในสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมหากบริษัทแม่ ByteDance ไม่ยอมขายแอปพลิเคชันให้กับผู้ซื้อที่ผ่านการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ โดยผู้ร่างกฎหมายทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความกังวล

ทิ้งท้าย

จากการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นในหลายรัฐกับ TikTok นับเป็นก้าวสำคัญในการพยายามปกป้องเด็กและเยาวชนจากผลกระทบทางสุขภาพจิตและการเสพติดสื่อออนไลน์ การกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มอย่าง TikTok ได้ออกแบบให้มีการเสพติดเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานรุ่นเยาว์เป็นปัญหาที่มีความรุนแรง และต้องได้รับการแก้ไขในหลายระดับ ตั้งแต่การกำกับดูแลของรัฐบาลไปจนถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น

ไม่เพียงแต่ TikTok เท่านั้นที่ต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากภาครัฐ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ อย่าง Meta ก็อยู่ในกระบวนการของการถูกฟ้องร้องจากข้อกล่าวหาเรื่องการเสพติดของเยาวชน ซึ่งทำให้เห็นถึงปัญหาที่กว้างขึ้นในการดูแลสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นในยุคของสื่อดิจิทัล

การออกมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ไม่ใช่เพียงแค่การบังคับใช้กฎหมาย แต่ยังต้องมีการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ผู้ปกครองและเยาวชนเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้สื่อออนไลน์อย่างเกินขนาด การสนับสนุนให้เกิดการสร้างสรรค์กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ครอบคลุมจะเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญในการปกป้องเยาวชนจากภัยคุกคามที่เกิดจากการใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้

Advertisement

อ่านเพิ่มเติม
Advertisement

Tanjen S.

ติดตามข่าวสารล่าสุดในวงการไอทีและเกมส์ วิเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอเป็นบทความข่าวที่น่าสนใจ อ่านง่าย และเข้าใจง่าย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button