ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว การเชื่อมต่อข้อมูลส่วนบุคคลกับเทคโนโลยีจดจำใบหน้ากลายเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ล่าสุดนักศึกษาสองคนจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้สาธิตการใช้งานแว่นตาอัจฉริยะ Meta รุ่น Ray-Ban ที่สามารถดึงข้อมูลส่วนตัวของบุคคลได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ด้วยการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันและการเข้าถึงฐานข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลอย่างชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์สามารถถูกเปิดเผยได้โดยง่าย
เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยใช้ความสามารถของแว่นตาในการสตรีมวิดีโอแบบเรียลไทม์ผ่าน Instagram ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์จะติดตามและวิเคราะห์ใบหน้าจากวิดีโอนั้น จากนั้นข้อมูลใบหน้าที่ถูกบันทึกจะถูกส่งต่อไปยังฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อค้นหาข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ทั้งนี้ แว่นตาที่ถูกใช้ยังดูไม่แตกต่างจากแว่นตาธรรมดาทั่วไป ทำให้ยากต่อการสังเกตว่ากำลังถูกถ่ายภาพหรือสตรีมวิดีโออยู่
ความสามารถของแว่นตาอัจฉริยะในการระบุตัวตนได้แบบเรียลไทม์
นักศึกษาฮาร์วาร์ดที่พัฒนาโครงการนี้ อันห์ฟู้ เหงียน และเคน อาร์ดาฟิโอ ได้โพสต์วิดีโอแสดงการใช้งานเทคโนโลยีนี้ลงในอินเทอร์เน็ต ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจาก 404 Media การทดลองที่เรียกว่า I-XRAY นั้นใช้เทคโนโลยีของแว่นตา Ray-Ban Meta ในการสตรีมวิดีโอและจดจำใบหน้า ข้อมูลที่ได้จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลสาธารณะ และสามารถดึงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และรายชื่อญาติของบุคคลนั้นได้แบบเรียลไทม์
ในการสาธิตนี้ เหงียนและอาร์ดาฟิโอใช้แว่นตาระบุตัวตนของเพื่อนร่วมชั้นหลายคน รวมถึงที่อยู่และชื่อของญาติของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีการทดลองใช้งานกับบุคคลแปลกหน้า โดยการแสร้งทำเป็นรู้จักกันผ่านข้อมูลที่ได้รับจากเทคโนโลยีนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในปัจจุบันทำให้แว่นตาเหล่านี้สามารถใช้งานได้อย่างน่ากังวล แม้ว่าเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าจะเป็นที่ยอมรับแล้วว่ามีความแม่นยำสูง
Are we ready for a world where our data is exposed at a glance? @CaineArdayfio and I offer an answer to protect yourself here:https://t.co/LhxModhDpk pic.twitter.com/Oo35TxBNtD
— AnhPhu Nguyen (@AnhPhuNguyen1) September 30, 2024
การเชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับฐานข้อมูลสาธารณะ
เทคโนโลยี I-XRAY นี้เป็นการนำเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วมารวมกันเพื่อสร้างการระบุตัวตนที่แม่นยำ โดยใช้ข้อมูลจาก PimEyes ซึ่งเป็นเครื่องมือค้นหาใบหน้าที่มีความแม่นยำสูงและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แม้ว่า PimEyes เองจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้การระบุตัวตนของบุคคลเป็นเรื่องง่ายเกินไป แต่การเชื่อมต่อเทคโนโลยีกับอุปกรณ์ทั่วไปอย่างแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta ก็ทำให้การใช้งานง่ายและน่าเป็นห่วงมากขึ้น
ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวมีมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในกรณีของ Google Glass ที่ถูกยกเลิกการพัฒนาเนื่องจากการถูกวิจารณ์ว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวในที่สาธารณะ การเกิดขึ้นของแว่นตาอัจฉริยะในยุคนี้ ที่สามารถถ่ายวิดีโอหรือสตรีมภาพได้แบบไม่ต้องการความยินยอมจากผู้คนรอบข้าง ทำให้เทคโนโลยีนี้ถูกมองว่าอาจเป็นภัยต่อสังคม
ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวของแว่นตาอัจฉริยะ
แว่นตาอัจฉริยะของ Meta รุ่น Ray-Ban มีดีไซน์ที่ไม่แตกต่างจากแว่นตา Ray-Ban ปกติ ทำให้ยากต่อการสังเกตว่ามีการบันทึกวิดีโอหรือถ่ายภาพเกิดขึ้น แม้ว่าแว่นตาจะมีไฟแสดงสถานะเมื่อมีการถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอ แต่ไฟดังกล่าวก็ไม่ชัดเจนมากพอในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างจัด ทำให้ผู้คนรอบข้างอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกถ่ายภาพ
Meta เองก็มีคำแนะนำในนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ระบุว่าผู้ใช้ควรเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น และใช้การบันทึกภาพหรือวิดีโออย่างสุภาพด้วยการแสดงท่าทางหรือใช้คำสั่งเสียงเพื่อแจ้งเตือนคนรอบข้าง อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงคือไม่ใช่ทุกคนจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และการละเมิดความเป็นส่วนตัวอาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
การแก้ไขปัญหาและวิธีป้องกันตนเอง
แม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อการละเมิดความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังมีวิธีการป้องกันตนเองจากการถูกระบุตัวตนผ่านเทคโนโลยีเช่นนี้ ในเอกสารที่เหงียนและอาร์ดาฟิโอจัดทำขึ้น มีการระบุถึงวิธีการค้นหาและลบข้อมูลจากฐานข้อมูลสาธารณะบางแห่งที่สามารถเลือกไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวปรากฏได้ อย่างไรก็ตาม การลบข้อมูลออนไลน์ของตนเองให้หมดจดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ผู้ใช้สามารถทำให้ข้อมูลของตนเองน้อยลงเท่านั้น
เทคโนโลยีแว่นตาอัจฉริยะนี้เตือนให้เราตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีจดจำใบหน้าและการระบุตัวตนผ่านฐานข้อมูลสาธารณะ แม้ว่าผู้พัฒนาเทคโนโลยีจะไม่ได้ตั้งใจให้เกิดการใช้งานในทางที่ผิด แต่การใช้เทคโนโลยีนี้โดยไม่มีการควบคุมอาจส่งผลต่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของสังคมในระยะยาว
ทิ้งท้าย
การพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะที่สามารถระบุตัวตนบุคคลได้อย่างแม่นยำในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีนั้นเป็นการเตือนให้เราตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าและฐานข้อมูลสาธารณะ แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะมีประโยชน์ในบางกรณี แต่การใช้งานโดยไม่มีการควบคุมอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของบุคคลในสังคม ผู้ใช้ควรระมัดระวังในการใช้งานแว่นตาอัจฉริยะและเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นเพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัวในอนาคต