OpenAI ก้าวสู่ขั้นต่อไปในการพัฒนา AI ด้วยการเปิดตัวโมเดลใหม่ที่ชื่อว่า o1 ซึ่งเป็นโมเดลแรกในชุดโมเดลที่เน้นความสามารถด้านการใช้เหตุผล โมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนและทำงานได้เร็วกว่ามนุษย์ พร้อมทั้งสามารถแก้ปัญหาหลายขั้นตอนได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า แม้ว่าจะมีราคาสูงและทำงานช้ากว่า GPT-4o โมเดล o1 ได้ถูกเปิดตัวพร้อมกับ o1-mini ซึ่งเป็นรุ่นที่มีขนาดเล็กกว่าและราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่ต้องการความซับซ้อนมาก
โมเดล o1 แสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญของ OpenAI ในการพัฒนา AI ที่ใกล้เคียงกับความสามารถของมนุษย์ โดยเฉพาะในด้านการเขียนโค้ดและการแก้ปัญหาหลายขั้นตอน ซึ่งทำให้มันสามารถแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนได้ดีกว่ารุ่นก่อน อย่างไรก็ตาม โมเดลนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และทาง OpenAI ย้ำว่ามันเป็นเพียง “ตัวอย่างทดลอง” ของสิ่งที่กำลังพัฒนาอยู่
ผู้ใช้งานที่สมัครใช้บริการ ChatGPT Plus และทีมงานจะสามารถเข้าถึง o1-preview และ o1-mini ได้ทันที ในขณะที่ผู้ใช้งานระดับองค์กรและการศึกษาจะสามารถเข้าถึงได้ในสัปดาห์หน้า ส่วนผู้ใช้งานทั่วไปจะต้องรอการเปิดตัว o1-mini อีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งยังไม่มีการกำหนดวันที่แน่นอนสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
การพัฒนาของ o1 และความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า
การฝึกฝนโมเดล o1 มีความแตกต่างจาก GPT รุ่นก่อนหน้าอย่างมาก โดย Jerry Tworek หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ OpenAI อธิบายว่า โมเดลนี้ถูกฝึกฝนด้วยวิธีการใหม่ที่ใช้ชุดข้อมูลที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับมัน ทั้งนี้ เขายังระบุว่ามีการใช้เทคนิคการเรียนรู้ด้วยการเสริมแรง (Reinforcement Learning) ซึ่งสอนให้โมเดลสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองผ่านการรับรางวัลและบทลงโทษ
หนึ่งในความโดดเด่นของ o1 คือความสามารถในการใช้ “สายความคิด” (Chain of Thought) ที่ช่วยให้โมเดลสามารถคิดตามขั้นตอน เหมือนกับมนุษย์ที่แก้ปัญหาอย่างเป็นลำดับขั้น OpenAI อ้างว่าโมเดลนี้จะมีความแม่นยำมากขึ้นและ “เกิดการหลอน” หรือการตอบคำถามผิดๆ น้อยลง แต่ปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ้างแม้จะได้รับการปรับปรุง
สิ่งที่ทำให้ o1 น่าสนใจยิ่งขึ้นคือความสามารถในการจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การเขียนโค้ดและคณิตศาสตร์ที่ดีกว่ารุ่น GPT-4o และสามารถอธิบายกระบวนการคิดในแต่ละขั้นตอนได้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า
การใช้งานและการเข้าถึง o1
ผู้ใช้งานที่สมัครเป็นสมาชิก ChatGPT Plus และทีมงานจะสามารถเข้าถึง o1-preview และ o1-mini ได้ทันที โดยผู้ใช้งานระดับองค์กรและการศึกษาจะได้รับการเข้าถึงในสัปดาห์ถัดไป สำหรับผู้พัฒนา โมเดลนี้มีราคาสูง โดยใน API นั้น o1-preview มีค่าใช้จ่ายที่ $15 ต่อ 1 ล้านโทเค็นของอินพุต และ $60 ต่อ 1 ล้านโทเค็นของเอาต์พุต ซึ่งเปรียบเทียบกับ GPT-4o ที่มีราคาถูกกว่ามาก
ทาง OpenAI ยังวางแผนที่จะเปิดตัว o1-mini ให้กับผู้ใช้งานทั่วไปแบบฟรีๆ แต่ยังไม่มีการกำหนดวันที่ชัดเจน การใช้โมเดลนี้จะเหมาะสมกับงานที่ต้องการความละเอียดอ่อนและความแม่นยำสูง เช่น การแก้โจทย์คณิตศาสตร์ในระดับสูง หรือการเขียนโค้ดที่ต้องการขั้นตอนการคิดที่ชัดเจน
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและผลการทดสอบ
การทดสอบ o1 บนแบบทดสอบคณิตศาสตร์ในระดับสูง เช่น การสอบ AP Math หรือการสอบคัดเลือกของการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ (International Mathematics Olympiad) พบว่า o1 สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จในอัตราที่สูงกว่า GPT-4o อย่างมาก โดย o1 ได้คะแนนถึง 83% ในขณะที่ GPT-4o ได้เพียง 13% เท่านั้น
นอกจากนี้ o1 ยังแสดงความสามารถที่โดดเด่นในการแข่งขันการเขียนโปรแกรมออนไลน์ Codeforces โดยสามารถทำคะแนนได้ถึง 89 เปอร์เซ็นไทล์ ทาง OpenAI ยังกล่าวว่าการอัปเดตต่อไปของโมเดลนี้จะทำให้สามารถแก้ปัญหาทางฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยาในระดับปริญญาเอกได้
ข้อจำกัดและความท้าทายของ o1
แม้ว่า o1 จะมีความสามารถที่ดีกว่ารุ่น GPT-4o ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโลก หรือความสามารถในการค้นหาและจัดการกับไฟล์และภาพจากอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังทำงานช้ากว่า GPT-4o ในบางกรณี ซึ่งทำให้ยังไม่สามารถใช้งานได้เทียบเท่ากับบางรุ่น
อย่างไรก็ตาม OpenAI มองว่า o1 เป็นการเปิดศักราชใหม่ของความสามารถใน AI และจะมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โมเดลนี้ถูกตั้งชื่อว่า “o1” เพื่อสื่อถึงการนับหนึ่งใหม่ ที่เป็นการตั้งต้นไปสู่อนาคตที่ AI จะมีความสามารถในการใช้เหตุผลมากขึ้น
การออกแบบเพื่อให้ใกล้เคียงกับการคิดแบบมนุษย์
สิ่งที่ทำให้ o1 น่าสนใจคือการออกแบบให้มันดูเหมือนกำลังคิดอย่างเป็นขั้นตอน เช่น การใช้คำว่า “ฉันกำลังคิดอยู่” หรือ “โอเค ลองดูสิ” ซึ่งเป็นการสร้างภาพลวงของการคิดแบบมนุษย์ แต่จริงๆ แล้วโมเดลนี้ไม่ได้คิดแบบมนุษย์ มันเพียงแค่แสดงกระบวนการวิเคราะห์ที่ถูกออกแบบมาให้เหมือนกับการคิด
ทาง OpenAI ยืนยันว่าไม่ได้มองว่า AI ควรจะถูกเปรียบเทียบกับการคิดแบบมนุษย์ แต่อินเทอร์เฟซที่ถูกออกแบบมาให้เห็นกระบวนการคิดของโมเดลนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันใช้เวลาในการประมวลผลมากขึ้นและลงลึกกับปัญหามากกว่ารุ่นก่อนๆ
มุ่งสู่อนาคตของระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตัดสินใจได้เอง
OpenAI มองว่าการพัฒนา AI ที่สามารถใช้เหตุผลเป็นขั้นตอนสำคัญต่อการมุ่งสู่การสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตัดสินใจและทำงานแทนมนุษย์ได้ในอนาคต โดยการพัฒนาในด้านการใช้เหตุผลนี้จะนำไปสู่ความก้าวหน้าในหลายสาขา เช่น การแพทย์และวิศวกรรม
แม้ว่าในปัจจุบันความสามารถในการใช้เหตุผลของ o1 ยังมีความช้าและค่าใช้จ่ายสูงสำหรับนักพัฒนา แต่ทาง OpenAI ยืนยันว่าการพัฒนาในด้านนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการทำให้ AI ก้าวไปใกล้เคียงกับระดับปัญญามนุษย์
การเปิดตัวโมเดล o1 ของ OpenAI เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญในโลกของปัญญาประดิษฐ์ที่เน้นความสามารถในการใช้เหตุผล แม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดในบางด้าน แต่ความก้าวหน้าในด้านการแก้ปัญหาซับซ้อนและการอธิบายกระบวนการคิดของ o1 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สามารถขยายขอบเขตของ AI ในอนาคตได้อย่างมาก