หลังจากกระแสข่าวลือและรายงานมากมายตลอด 16 เดือนที่ผ่านมา ในที่สุด Sony ก็เปิดตัว PlayStation 5 Pro (PS5 Pro) อย่างเป็นทางการสำหรับผู้เล่นที่เฝ้ารอ ข่าวการเปิดตัวครั้งนี้ถูกเผยแพร่ผ่านทางช่อง YouTube ของ PlayStation ผ่านงานอีเวนต์พิเศษที่มีความยาว 9 นาที ซึ่งแสดงถึงความตั้งใจของ Sony ที่จะมอบประสบการณ์เล่นเกมที่ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน
PS5 Pro เป็นเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาในรูปแบบดิจิทัลทั้งหมด โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 7 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ราคาของเครื่องจะอยู่ที่ $699.99 ซึ่งสูงกว่า PS5 รุ่นธรรมดาที่มาพร้อมช่องใส่แผ่นดิสก์ถึง $200 แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาไม่ใช่แค่ราคาที่สูงขึ้นเท่านั้น ยังมีสเปคที่อัพเกรดและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่คุ้มค่าสำหรับผู้เล่นที่ต้องการประสบการณ์เกมระดับสูง
Sony ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีเกมคอนโซลต่อไป ด้วย PS5 Pro ที่มาพร้อมกับ SSD ขนาด 2TB คอนโทรลเลอร์ DualSense และเกม Astro’s Playroom ที่ติดตั้งมาพร้อมเครื่อง สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานดิสก์ไดรฟ์ Sony ยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นดิสก์ไดรฟ์แยกต่างหากในราคา $80 เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเลือกใช้งานตามความต้องการของตนเองได้
สเปคและฟีเจอร์ใหม่ของ PS5 Pro
PS5 Pro นำเสนอการอัพเกรดที่สำคัญสามประการที่แตกต่างจาก PS5 รุ่นธรรมดา โดย Sony ได้เผยข้อมูลนี้เพื่อยืนยันถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของคอนโซลรุ่นนี้ การอัพเกรดดังกล่าวประกอบด้วย:
- GPU ที่อัพเกรด:
Sony ได้เพิ่มหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ใน PS5 Pro โดยมีหน่วยคำนวณเพิ่มขึ้นถึง 67% และหน่วยความจำทำงานเร็วขึ้น 28% ซึ่งทำให้การเรนเดอร์ภาพในเกมสามารถทำได้เร็วขึ้นถึง 45% เมื่อเปรียบเทียบกับ PS5 รุ่นธรรมดา ส่งผลให้การเล่นเกมราบรื่นมากขึ้นและภาพมีความคมชัด - Ray Tracing ที่ล้ำสมัย:
PS5 Pro มาพร้อมเทคโนโลยี Ray Tracing ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มความสามารถในการสะท้อนและหักเหของแสงให้มีความแม่นยำมากขึ้นสองถึงสามเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับ PS5 รุ่นเดิม ส่งผลให้เกมมีความสมจริงและภาพที่ดูสวยงามขึ้น - AI-Driven Upscaling:
PS5 Pro ยังมีเทคโนโลยี PlayStation Spectral Super Resolution ซึ่งเป็นระบบการอัพสเกลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อเพิ่มความคมชัดของภาพอย่างมาก โดยเพิ่มรายละเอียดที่โดดเด่นยิ่งขึ้นในทุกภาพ
ความสามารถเพิ่มเติมของ PS5 Pro
นอกเหนือจากการอัพเกรดสเปคด้านกราฟิกและการประมวลผลแล้ว PS5 Pro ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมายที่ทำให้คอนโซลรุ่นนี้น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น ฟีเจอร์เหล่านี้ได้แก่:
- PS5 Pro Game Boost:
ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมจาก PS4 ที่รองรับบน PS5 Pro ทำให้ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินไปกับเกมที่มีคุณภาพดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความละเอียดหรืออัตราเฟรมที่ดีขึ้น - Wi-Fi 7:
การเชื่อมต่อที่รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกมเมอร์ยุคใหม่ PS5 Pro จึงมาพร้อมการรองรับ Wi-Fi 7 ที่ทำให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเร็วและเสถียรมากยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นเกมออนไลน์และการสตรีมคอนเทนต์แบบไม่มีสะดุด - VRR และ 8K:
PS5 Pro รองรับเทคโนโลยี Variable Refresh Rate (VRR) ซึ่งทำให้การแสดงผลของภาพคงที่และลื่นไหลยิ่งขึ้น และยังรองรับการแสดงผลแบบ 8K ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์เกมที่มีความละเอียดสูงสุด
ความคุ้มค่าและการวางจำหน่าย
PS5 Pro นับเป็นการก้าวข้ามขั้นของ PlayStation ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เล่นที่ต้องการประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุด แม้ราคาจะสูงขึ้นจากรุ่นปกติ แต่การอัพเกรดสเปคต่าง ๆ รวมถึงฟีเจอร์ที่น่าสนใจถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าต่อการลงทุนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมและต้องการใช้งานเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า
เครื่อง PS5 Pro จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ $699.99 ผู้เล่นที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการสั่งซื้อได้จากทาง PlayStation Store และผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้ง
เกมที่รองรับการอัปเกรดกราฟิกบน PS5 Pro ที่เผยออกมาแล้ว
ปัจจุบันมีเกมทั้งหมด 13 เกมที่ประกาศว่าจะใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพกราฟิกที่เพิ่มขึ้นของ PS5 Pro อย่างเต็มที่ ได้แก่:
- Alan Wake 2
- Assassin’s Creed: Shadows
- Demon’s Souls
- Dragon’s Dogma 2
- Final Fantasy 7 Rebirth
- Gran Turismo 7
- Hogwarts Legacy
- Horizon Forbidden West
- Marvel’s Spider-Man 2
- Ratchet & Clank: Rift Apart
- The Crew Motorfest
- The First Descendant
- The Last of Us Part II Remastered
เกมเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ประสิทธิภาพของ PS5 Pro ในด้านกราฟิกและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างเต็มที่ ซึ่งจะมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงและคมชัดมากยิ่งขึ้น
สรุป
PS5 Pro เป็นการยกระดับการเล่นเกมที่น่าตื่นเต้นมากขึ้น ด้วยการอัพเกรด GPU ที่ทรงพลัง เทคโนโลยี Ray Tracing ที่สมจริง และ AI-Driven Upscaling ที่เพิ่มความคมชัดของภาพอย่างน่าทึ่ง การรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 และฟีเจอร์ PS5 Pro Game Boost ยังช่วยให้ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การเล่นเกมอย่างเต็มที่
ด้วยวันที่วางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนและราคาที่สูงขึ้นจากรุ่นปกติ PS5 Pro ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสเทคโนโลยีการเล่นเกมที่ทันสมัยที่สุดในยุคนี้