Klipsch ได้ประกาศเปิดตัว Flexus Core 300 ซึ่งเป็นซาวด์บาร์เรือธงรุ่นล่าสุดของพวกเขา โดยมาพร้อมกับการรองรับ Dirac Calibration ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลก รุ่นนี้มีความสามารถในการเล่นเสียง Dolby Atmos และ DTS:X ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หลายคนรอคอย
Flexus Core 300 มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ HDMI ที่รองรับการผ่านข้อมูล 8K, Bluetooth, USB-C, ช่องดิจิตอลออปติก, ช่องเชื่อมต่อซับวูฟเฟอร์ และการเชื่อมต่อ Wi-Fi พร้อมการสนับสนุนสำหรับ Apple AirPlay, Google Cast, Spotify และ Tidal Connect การเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ Flexus Core 300 เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในตลาดซาวด์บาร์
ในส่วนของการปรับแต่งเสียง Flexus Core 300 ใช้ซอฟต์แวร์ Dirac ซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่นักฟังเพลงที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม โดยมีไมโครโฟนและใบอนุญาต Dirac มาพร้อมในกล่อง ทำให้การตั้งค่าและปรับแต่งเสียงเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
Flexus Core 300 มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยตู้ไม้ขนาด 54 นิ้ว ซึ่งประกอบด้วยไดรเวอร์ขนาด 2.25 นิ้ว รวมถึงไดรเวอร์แบบอัพไฟร์, ไดรเวอร์แบบด้านข้าง และลำโพงแบบด้านหน้าอีก 4 ตัว ตู้ยังมีซับวูฟเฟอร์ขนาด 4 นิ้วในตัวอีก 4 ตัว ด้วยการเพิ่มขนาดและจำนวนไดรเวอร์ทำให้ซาวด์บาร์รุ่นนี้มีน้ำหนักมากถึง 35 ปอนด์ ซึ่งหนักกว่ารุ่น Core 200 ถึงสองเท่า
Flexus Core 300 สามารถใช้งานร่วมกับระบบเซอร์ราวด์ใหม่ Surr 200 ($399) และซับวูฟเฟอร์ขนาด 12 นิ้ว Sub 200 ($499) รวมถึงอุปกรณ์เสริมที่มีอยู่เดิมสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการขยายระบบเสียงในอนาคต
จากการรีวิว Flexus 100 และ 200 พบว่ามีประสิทธิภาพดีในราคาที่คุ้มค่า โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับ Bose 600 และ Sonos Ray แต่ด้วยราคาที่สูงถึงสองเท่าของรุ่นอื่นๆ Flexus Core 300 อยู่ในระดับที่แตกต่างออกไป จะน่าสนใจที่จะดูว่ามันจะทำงานได้ดีเพียงใดเมื่อเปรียบเทียบกับ Sonos Arc หรือระบบซับวูฟเฟอร์รวมถึง Samsung HW-S800
Flexus Core 300 ของ Klipsch เป็นซาวด์บาร์ที่มาพร้อมกับการพัฒนาและเทคโนโลยีใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด ด้วยการรองรับ Dirac Calibration และฟีเจอร์ที่หลากหลาย ถือเป็นการอัพเกรดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการระบบเสียงที่มีคุณภาพและความสามารถในการปรับแต่งที่เหนือกว่า หากคุณเป็นคนรักเสียงที่ต้องการประสบการณ์ฟังเพลงที่ยอดเยี่ยม Flexus Core 300 อาจเป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด