Meta บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ กำลังเร่งเจรจากับดาราฮอลลีวูดชื่อดังหลายคน เพื่อให้มาร่วมพากย์เสียงให้กับผู้ช่วย AI ตัวใหม่ของบริษัท โดยมีรายงานว่า Meta กำลังเร่งสรุปข้อตกลงให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อที่จะสามารถพัฒนาและนำเสนอเสียงใหม่เหล่านี้ในงาน Meta Connect ที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้
ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระบุว่ามีดาราและอินฟลูเอนเซอร์หลายคนที่อาจจะมาเป็นส่วนหนึ่งของบริการ AI ของ Meta ซึ่งรวมถึง Judi Dench, Keegan-Michael Key และ Awkwafina โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีรายงานจาก New York Times ที่อ้างอิงแหล่งข่าวหลายรายว่า เครื่องมือหนึ่งที่จะมีการนำเสนอคือ “ผลิตภัณฑ์ผู้ช่วยดิจิทัลที่เรียกว่า MetaAI”
Meta กำลังเจรจากับบริษัทตัวแทนดาราชั้นนำทั้งหมดในฮอลลีวูดเพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงของดาราเหล่านี้ โดยอาจจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับดาราที่ตกลงร่วมงานเป็น “จำนวนหลายล้านดอลลาร์” ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่ Meta ทุ่มเงินจำนวนมากให้กับดาราดัง เนื่องจากเคยมีการจ่ายค่าตอบแทนในลักษณะเดียวกันนี้ให้กับดาราที่เป็นตัวแทนของแชตบอต Meta AI ที่เพิ่งยกเลิกไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเคยเปิดตัวในงาน Connect ปีที่แล้ว
ตามรายงาน สัญญาที่จะทำกับดาราเหล่านี้จะเป็นสัญญาชั่วคราว และดาราสามารถเลือกที่จะต่อสัญญาเมื่อครบกำหนดได้ โดยเสียงของดาราจะถูกนำไปใช้ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ของ Meta ซึ่งรวมถึง Facebook และ Instagram รวมไปถึงแว่นตาอัจฉริยะ Meta Ray-Ban ด้วย อย่างไรก็ตาม Meta ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
แนวคิดการใช้เสียงคนดังในเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องใหม่ Waze เคยใช้เสียงคนดังในการให้คำแนะนำเส้นทางมาหลายปีแล้ว และในอดีตผู้ใช้สามารถจ่ายเงินเพื่อขอให้ Samuel L. Jackson มาพูดล้อเลียนได้ แม้แต่ Meta เองก็เคยเปิดตัวฟีเจอร์แชตบอต AI ที่ใช้เสียงคนดังในงาน Connect ปีที่แล้ว แต่ก็ได้ยกเลิกไปเมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ตาม การใช้งานเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงความแปลกใหม่ และสำหรับหลายคนแล้ว มันอาจจะเบื่อหน่ายได้อย่างรวดเร็ว แต่ AI แบบ Generative ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถเลียนแบบเสียงมนุษย์ได้ดีกว่าอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่น การสาธิต GPT-4 ของ OpenAI ที่แสดงให้เห็นถึงแชตบอตที่มีเสียงคล้ายกับ Scarlett Johansson อย่างน่าตกใจ (ซึ่งเธอไม่ค่อยพอใจนัก) การได้ยินเสียงแหบๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Awkwafina จะรู้สึกเหมือนเป็นกลเม็ดราคาถูกน้อยลง หากเวอร์ชันคนดังของ Meta AI สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนกับเวอร์ชันปกติ (แม้ว่าเราจะยังไม่รู้ว่ามันจะทำงานอย่างไรจนกว่า Meta จะประกาศอย่างเป็นทางการ)
แม้ว่าผู้เขียนจะไม่ได้เป็นเจ้าของแว่นตา Meta Ray-Ban แต่ก็รู้สึกว่าน่าสนใจหากสามารถให้ AI ที่มีเสียงของ Dame Judi Dench มาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังมองอยู่ได้ เช่น สะพานที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ดาราจะได้รับค่าตอบแทนที่ตกลงกันไว้สำหรับการให้เสียง และถ้าหาก AI บอกข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสะพานนั้น เราก็สามารถแกล้งทำเป็นว่าเสียงนั้นเป็นของ M หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับที่ Dench เคยรับบทในภาพยนตร์ James Bond ที่กำลังพยายามทำให้เราหลงทาง
การใช้เสียงของคนดังในผู้ช่วย AI นี้อาจจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยี AI ให้มีความเป็นธรรมชาติและน่าสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการใช้เสียงของบุคคลที่มีชื่อเสียงในลักษณะนี้ ซึ่งอาจจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบทางจริยธรรมและกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีคำถามว่าการใช้เสียงของคนดังจะสามารถรักษาความน่าสนใจในระยะยาวได้หรือไม่ หรือจะกลายเป็นเพียงกระแสชั่วครู่เหมือนกับฟีเจอร์อื่นๆ ที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ที่สามารถเลียนแบบเสียงมนุษย์ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น อาจทำให้ประสบการณ์การใช้งานมีความสมจริงและน่าสนใจมากกว่าที่เคยเป็นมา
ในขณะเดียวกัน การที่ Meta กำลังเร่งพัฒนาฟีเจอร์นี้เพื่อนำเสนอในงาน Meta Connect ที่กำลังจะมาถึง แสดงให้เห็นถึงความพยายามของบริษัทในการสร้างความแตกต่างและความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ของตนในตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยี AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
การเพิ่มเสียงของคนดังในผู้ช่วย AI อาจเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ Meta สามารถดึงดูดผู้ใช้งานใหม่และรักษาผู้ใช้งานเดิมไว้ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่ชื่นชอบดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น นอกจากนี้ ยังอาจเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมผ่านการเสนอขายฟีเจอร์พิเศษหรือการอัพเกรดบริการ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญของ Meta จะอยู่ที่การรักษาสมดุลระหว่างความบันเทิงและประโยชน์ใช้สอยของผู้ช่วย AI นี้ การมีเสียงของคนดังอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกสนุกและน่าสนใจในช่วงแรก แต่หากไม่สามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานหรือให้บริการที่มีประสิทธิภาพได้ ก็อาจจะไม่สามารถรักษาความสนใจของผู้ใช้ได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ Meta ยังต้องระมัดระวังในเรื่องของความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้เสียงของบุคคลที่มีชื่อเสียง การรับประกันว่าข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้จะได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม และการใช้เสียงของคนดังจะไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือสร้างปัญหาทางกฎหมายใดๆ จะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ในท้ายที่สุด ความสำเร็จของฟีเจอร์นี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งคุณภาพของเทคโนโลยี AI ที่ใช้ ความสามารถในการเลียนแบบเสียงของคนดังได้อย่างสมจริง และประโยชน์ใช้สอยที่แท้จริงที่มอบให้กับผู้ใช้งาน หาก Meta สามารถผสมผสานองค์ประกอบเหล่านี้ได้อย่างลงตัว ก็อาจสร้างประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจและแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดได้
การเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในงาน Meta Connect ที่กำลังจะมาถึงจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ Meta ในการแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของบริษัท อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตื่นเต้นและความสนใจให้กับผู้ใช้งานและนักลงทุน ซึ่งอาจส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และมูลค่าของบริษัทในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม Meta ควรตระหนักว่าการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการรักษาความนิยมและความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน บริษัทจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่เดิม รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้งานประสบอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ การร่วมมือกับดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงในการพัฒนาผู้ช่วย AI นี้ อาจเป็นโอกาสสำหรับ Meta ในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นๆ ในอนาคต เช่น การสร้างคอนเทนต์เฉพาะทาง หรือการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี AI ร่วมกับความสามารถพิเศษของดาราแต่ละคน
ในขณะเดียวกัน Meta ควรคำนึงถึงความหลากหลายและการเป็นตัวแทนที่ดีในการเลือกดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมโครงการนี้ การมีตัวเลือกที่หลากหลายทั้งในแง่ของเชื้อชาติ เพศ อายุ และภูมิหลังทางวัฒนธรรม จะช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกเชื่อมโยงและเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีนี้มากขึ้น
การพัฒนาผู้ช่วย AI ที่ใช้เสียงของคนดังนี้ยังอาจเป็นก้าวแรกสู่การสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นในอนาคต เช่น การอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหรือเลือกเสียงที่ต้องการได้เอง หรือแม้กระทั่งการสร้างเสียง AI ที่เลียนแบบเสียงของคนที่ผู้ใช้รู้จักหรือชื่นชอบ ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างประสบการณ์การใช้งานที่มีความเป็นส่วนตัวและเชื่อมโยงกับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น
ในแง่ของการตลาดและการโฆษณา การมีเสียงของคนดังในผู้ช่วย AI อาจเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับ Meta ในการสร้างรายได้ เช่น การร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ ในการสร้างแคมเปญโฆษณาที่ใช้เสียงของคนดังผ่านผู้ช่วย AI หรือการสร้างคอนเทนต์พิเศษที่มีการใช้เสียงของคนดังเป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มความน่าสนใจและประสิทธิภาพของการโฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Meta ได้
อย่างไรก็ตาม Meta ต้องระมัดระวังไม่ให้การใช้เสียงของคนดังในผู้ช่วย AI กลายเป็นการรบกวนหรือสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้งาน การให้ตัวเลือกในการปิดหรือเปลี่ยนเสียงได้ตามความต้องการของผู้ใช้ จะเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานในระยะยาว
นอกจากนี้ Meta ควรพิจารณาถึงผลกระทบทางสังคมและจริยธรรมที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีนี้ เช่น การสร้างความเข้าใจผิดหรือการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องผ่านเสียงของคนดัง การกำหนดแนวทางและมาตรการในการควบคุมการใช้งานที่เหมาะสมจะเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ในท้ายที่สุด การพัฒนาผู้ช่วย AI ที่ใช้เสียงของคนดังนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเทคโนโลยี AI และการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร หาก Meta สามารถพัฒนาและนำเสนอเทคโนโลยีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบ ก็อาจเป็นก้าวสำคัญในการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เป็นธรรมชาติและน่าประทับใจมากขึ้นสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก
สรุป
การที่ Meta กำลังเจรจากับดาราดังเพื่อให้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ช่วย AI นั้น แสดงให้เห็นถึงความพยายามของบริษัทในการสร้างความแตกต่างและความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ของตนในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การใช้เสียงของคนดังในผู้ช่วย AI อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยี AI ให้มีความเป็นธรรมชาติและน่าสนใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของฟีเจอร์นี้จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งคุณภาพของเทคโนโลยี ความสมจริงของเสียง และประโยชน์ใช้สอยที่แท้จริงที่มอบให้กับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ Meta ยังต้องคำนึงถึงประเด็นด้านความเป็นส่วนตัว จริยธรรม และผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีนี้
ในขณะที่เรารอคอยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Meta Connect ที่กำลังจะมาถึง เราจะได้เห็นว่า Meta จะสามารถสร้างสมดุลระหว่างความบันเทิงและประโยชน์ใช้สอยของผู้ช่วย AI นี้ได้อย่างไร และจะสามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจและแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดได้หรือไม่ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร การพัฒนานี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยี AI และการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น