ไมโครซอฟท์ เดินหน้าอย่างจริงจังกับแผนการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไม้เพื่อผลิตพลังงาน โดยประกาศทำสัญญากับบริษัท สตอกโฮล์ม เอ็กเซอร์กี้ (Stockholm Exergi) ผู้ผลิตพลังงานจากประเทศสวีเดน เพื่อดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3.33 ล้านเมตริกตันจากโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งถือเป็นดีลขนาดใหญ่ที่สุดในประเภทเดียวกันเท่าที่เคยมีมา นับเป็นการลดปริมาณก๊าz คาร์บอนได้เทียบเท่ากับการนำรถยนต์ที่ใช้แก๊สออกจากถนนกว่า 790,000 คันตลอดทั้งปี
โครงการนี้มุ่งหวังช่วยให้ไมโครซอฟท์บรรลุเป้าหมายในการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน ให้มากกว่าปริมาณที่บริษัทปล่อยออกมาภายในปี 2030 และดำเนินการกำจัดก๊าซคาร์บอนฯ ที่เคยปล่อยออกสู่อากาศตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทจนถึงปี 2050
ทว่า ประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าชีวมวลในการช่วยลดโลกร้อนยังคงเป็นที่ถกเถียง กลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชั้นนำ อาทิ Center for Biological Diversity และ Friends of the Earth International วิพากษ์วิจารณ์แนวทางนี้ว่าเป็น “ทางออกที่ผิดพลาด” และในปี 2018 นักวิทยาศาสตร์เกือบ 800 คน ลงนามในจดหมายถึงสภายุโรป เรียกร้องให้ยุติการสนับสนุนการใช้ไม้เพื่อผลิตพลังงานชีวมวล
โรงไฟฟ้าของสตอกโฮล์ม เอ็กเซอร์กี้ ใช้เชื้อเพลิงไม้ (wood pellets) และเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการทำป่าไม้ ซึ่งเรียกว่า “ชีวมวลป่าไม้” (forest biomass) ผู้สนับสนุนมองว่าเชื้อเพลิงเหล่านี้เป็นแหล่งพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนสะสม เพราะต้นไม้สามารถเติบโตขึ้นมาใหม่ ดูดซับก๊าซคาร์บอนได้เทียบเท่ากับปริมาณที่ปล่อยออกมาจากการเผาไหม้
ยิ่งไปกว่านั้น ไมโครซอฟท์และสตอกโฮล์ม เอ็กเซอร์กี้ วางแผนติดตั้งเครื่องจักรที่โรงไฟฟ้าเพื่อดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนใหญ่ก่อนที่ปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ ด้วยวิธีการนี้ พวกเขาเชื่อว่าจะสามารถสร้าง “การปล่อยก๊าซเรือนกระจกติดลบ” (negative emissions) ซึ่งหมายถึงการดักจับก๊าซคาร์บอนฯ ออกจากบรรยากาศมากกว่าที่กระบวนการผลิตพลังงานก่อให้เกิด
แต่อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่า การคำนวณปริมาณก๊าซคาร์บอนฯ ที่แท้จริงของพลังงานชีวมวลผสานกับเทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอน (BECCS) อาจไม่แม่นยำ เนื่องจากเครื่องดักจับไม่สามารถดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ทั้งหมด 100% ยังไม่รวมการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จากการตัดไม้ทำลายป่าและการขนส่งไม้มาใช้เป็นเชื้อเพลิง ผลการศึกษาหลายชิ้นชี้ว่า BECCS อาจไม่ใช่เทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกติดลบจริง ๆ แต่กลับกลายเป็นการเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเสียอีก
ไมโครซอฟท์ยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงกับสตอกโฮล์ม เอ็กเซอร์กี้ และไม่ได้เปิดเผยงบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้ ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์เคยทำสัญญลักษณะเดียวกันนี้กับ Ørsted บริษัทพลังงานสัญชาติเดนมาร์ก เมื่อปีที่แล้ว เพื่อดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2.76 ล้านเมตริกตันจากโรงไฟฟ้าชีวมวลเช่นกัน
สำหรับโครงการที่สตอกโฮล์ม การก่อสร้างอุปกรณ์ดักจับก๊าซคาร์บอนฯ ยังไม่อาจเริ่มต้นได้ในปีนี้ แต่ขึ้นอยู่กับการระดมทุนเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น ๆ และการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยกระบวนการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ครบ 3.33 ล้านเมตริกตันตามที่ตกลงไว้อาจใช้เวลานานถึง 10 ปี
ทางสตอกโฮล์ม เอ็กเซอร์กี้ มองว่าความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ครั้งนี้เป็นการรับรองความสำคัญของเทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนฯ ของบริษัท โดยนายอันเดอร์ส เอเกลรูด (Anders Egelrud) ซีอีโอของสตอกโฮล์ม เอ็กเซอร์กี้ กล่าวในแถลงการณ์ข่าวว่า “ความร่วมมือนี้เป็นการยืนยันความสำคัญ คุณภาพ และความยั่งยืนของโครงการของเราอย่างชัดเจน”
สรุป
ความพยายามของไมโครซอฟท์ในการดักจับก๊าซคาร์บอนจากโรงไฟฟ้าชีวมวลถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการลดก๊าซเรือนกระจก แต่เทคโนโลยีนี้ยังคงต้องเผชิญกับคำถามและข้อกังวลด้านประสิทธิภาพ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในภาพรวม รวมถึงความคุ้มทุนในอนาคต