สหรัฐฯ เดินหน้าควบคุมแอปพลิเคชันยอดฮิตอย่าง TikTok หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามกฎหมายที่กำหนดให้บริษัท ByteDance เจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งเป็นบริษัทจีน จำเป็นต้องขายกิจการในสหรัฐฯ ภายใน 9 เดือน มิเช่นนั้นจะถูกแบนออกไปจากสหรัฐฯ สิ้นปี 2025
การลงนามครั้งนี้เกิดขึ้นหลังวุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งผนวกทั้งงบประมาณสนับสนุนยูเครนและมาตรการควบคุม TikTok โดย ByteDance มีสิทธิ์ยื่นเรื่องขอขยายเวลาการขายกิจการออกไปอีก 3 เดือน หากอยู่ระหว่างการเจรจาดีลธุรกิจ
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในแถลงการณ์ว่า เส้นทางสู่การลงนามเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่สหรัฐฯ ได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องตามหลักการของประเทศ
ทาง ByteDance ตอบโต้ด้วยการออกแถลงการณ์ประณามว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นการแบน TikTok อย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย และบริษัทจะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาล พวกเขายังชี้ว่า กฎหมายดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจกว่า 7 ล้านแห่งและปิดกั้นเสียงของชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคน
ความกังวลของสหรัฐฯ เกิดจากการที่ ByteDance เป็นบริษัทจีน มีความเป็นไปได้ที่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ชาวอเมริกันจะถูกส่งต่อไปยังรัฐบาลจีน ทาง ByteDance ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดย Shou Zi Chew ซีอีโอของบริษัท ชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดียว่า การกระทำนี้เป็นการแบน TikTok อย่างชัดเจน ทั้งที่แพลตฟอร์มของพวกเขาตอกย้ำถึงอิสรภาพในการแสดงออก ซึ่งเป็นค่านิยมสำคัญของสหรัฐฯ เช่นกัน
แม้ว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะเคยผลักดันให้ ByteDance ขายกิจการ TikTok แต่ก็เคยออกมาคัดค้านการแบนแอปพลิเคชันนี้อยู่เช่นกัน
การลงนามกฎหมายควบคุม TikTok สะท้อนถึงความกังวลด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิทธิพลของจีน ทั้งนี้ต้องติดตามว่า ByteDance จะสามารถต่อสู้กับกฎหมายฉบับนี้ในชั้นศาลได้สำเร็จหรือไม่ และอนาคตของ TikTok ในสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไรต่อไป