ตลาดสมาร์ทโฟนกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าสนใจ เมื่อยอดเปิดใช้งาน iPhone เครื่องใหม่ในสหรัฐอเมริกา ลดลงเหลือเพียง 1 ใน 3 ของตลาดทั้งหมด ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี ตามข้อมูลจาก Consumer Intelligence Research Partners (CIRP) เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สัดส่วนการเปิดใช้งาน iPhone เคยอยู่ที่ 40% แต่ในปัจจุบันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เดิมที Apple ครองตลาดสมาร์ทโฟนอย่างเบ็ดเสร็จ แต่ปัจจุบัน เผชิญการแข่งขันอันเข้มข้นจากฝั่ง Android ที่มีอุปกรณ์ครองตลาดมากถึง 2 ใน 3 ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดเปลี่ยนแปลงไป คล้ายกับสถานการณ์เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ที่ระบบ iOS และ Android เข้ามาแทนที่ระบบปฏิบัติการอื่น ๆ อย่าง Blackberry และ Windows
ปัจจัยหลายประการส่งผลต่อยอดเปิดใช้งานที่ลดลง ประการแรกคือราคามือทีกาซงขึ้น แต่คุณภาพและความทนทานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะถือครองมือถือรุ่นเดิมนานขึ้น ประการต่อมา พฤติกรรมการซื้อขายสมาร์ทโฟนเปลี่ยนไป จากสัญญาแบบผ่อน 2 ปี มาเป็นระบบซื้อขายที่โปร่งใสมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเลื่อนการเปลี่ยนมือถือรุ่นใหม่ได้
แนวโน้มการใช้งานสมาร์ทโฟนที่ยาวนานขึ้น ส่งผลกระทบต่อ Apple เป็นอย่างมาก เนื่องจากแต่เดิม Apple พึ่งพาการอัพเกรดรุ่นใหม่บ่อยครั้งเพื่อกระตุ้นยอดขาย การลดลงของยอดเปิดใช้งาน iPhone เครื่องใหม่ครั้งนี้จึงเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดสมาร์ทโฟน ผู้คนมักจะรอคอยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ ยังคงเป็นคำถามที่ต้องติดตามกันต่อไปว่า ปรากฏการณ์นี้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อขายสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคในระยะยาว
ตลาดสมาร์ทโฟนกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น รอบการเปลี่ยนมือถือนานขึ้น ผู้ผลิตอย่าง Apple ต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาคุณค่า สมรรถนะ และเทคโนโลยีที่แตกต่างอย่างแท้จริง