ความรู้ Tech

โค้ดดิ้ง (Coding) คืออะไร? เข้าใจพื้นฐานการเขียนโปรแกรม

การพูดถึง “โค้ดดิ้ง (Coding)” ในยุคนี้อาจฟังดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับใครหลายคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว โค้ดดิ้งได้ซึมซับเข้ามาอยู่ในทุกมิติของชีวิตเรา ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน การท่องโลกอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่การสั่งการอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน ล้วนต้องอาศัยกระบวนการเบื้องหลังที่เรียกว่า “การเขียนโค้ด” ทั้งสิ้น หากคุณสงสัยว่าโค้ดดิ้งคืออะไร มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันและการทำงานในยุคดิจิทัลอย่างไร บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจ พร้อมแนะนำวิธีเริ่มต้นอย่างเหมาะสม

จุดประสงค์ของบทความนี้คือการอธิบายความหมายของโค้ดดิ้ง ตลอดจนสาเหตุที่ผู้คนในยุคปัจจุบันต่างให้ความสนใจ และพยายามพัฒนาทักษะการเขียนโค้ดเพื่อก้าวเข้าสู่โอกาสด้านอาชีพในอนาคต โดยเราจะกล่าวถึงประโยชน์ของโค้ดดิ้ง ทักษะพื้นฐานที่ควรมี ภาษาโปรแกรมยอดนิยมสำหรับมือใหม่ ไปจนถึงเทคนิคและขั้นตอนการเริ่มเขียนโค้ดอย่างเป็นระบบ ถ้าคุณกำลังมองหาความรู้ใหม่ หรือยังไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร บทความนี้จะเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษา ชวนคุณก้าวสู่โลกเทคโนโลยีที่เปิดกว้างไม่รู้จบ

โค้ดดิ้ง (Coding) คืออะไร?

โค้ดดิ้ง (Coding) คืออะไร?

โค้ดดิ้ง (Coding) หรือที่บางคนเรียกว่า “การเขียนโปรแกรม (Programming)” หมายถึง การใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการทำงานตามที่เรากำหนด ในมุมมองง่ายๆ โค้ดดิ้งเป็นการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร ผ่านชุดคำสั่งที่ถูกเขียนตามกฎไวยากรณ์ของภาษาคอมพิวเตอร์ เช่น Python, JavaScript, Java หรือ C++ เพื่อให้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันทำงานได้อย่างที่ต้องการ

ในชีวิตประจำวัน เราอาจใช้แอปฯ บนมือถือในการสั่งอาหาร จ่ายบิล หรือคุยกับเพื่อนผ่านโซเชียลมีเดีย สิ่งที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือโค้ดที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสร้างฟังก์ชันต่างๆ ให้ตอบสนองผู้ใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลเท่าไร “โค้ด” ก็ยิ่งเป็นเสมือนพื้นฐานที่เชื่อมโลกดิจิทัลเข้ากับการใช้งานจริงของมนุษย์

คำว่า “โค้ดดิ้ง” ฟังดูยุ่งยากในบางครั้ง แต่ความจริงแล้วมันคือการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ต้องอาศัยการวิเคราะห์ขั้นตอน และใช้ความคิดสร้างสรรค์ประกอบกัน ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขหรือสูตรคณิตศาสตร์อย่างที่หลายคนเข้าใจ การเขียนโค้ดจึงไม่เพียงแต่เป็นทักษะเชิงเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์และการคิดเชิงเหตุผลให้พัฒนายิ่งขึ้นไปอีก

บทความที่เกี่ยวข้อง
Advertisement

ทำไมโค้ดดิ้งจึงสำคัญในยุคดิจิทัล

โค้ดดิ้งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในยุคดิจิทัล เนื่องจากเทคโนโลยีได้กลายเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนสังคม ธุรกิจ และนวัตกรรมใหม่ๆ การที่ทุกองค์กรหรือแทบทุกอุตสาหกรรมต้องพึ่งพาเทคโนโลยี ทำให้คนที่มีทักษะการเขียนโค้ดสามารถสร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือแม้แต่การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหากลยุทธ์ที่ตรงเป้า

นอกจากนี้ การที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติ ส่งผลให้ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับโค้ดดิ้งมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น ทั้งในด้านค่าตอบแทนและโอกาสก้าวหน้า หลายๆ คนที่เคยทำงานในสายอาชีพอื่นก็เริ่มหันมาศึกษาและฝึกฝนการเขียนโค้ดด้วยความสนใจ เพราะหากเข้าใจและใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง เราสามารถสร้างโซลูชันใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาดได้ดียิ่งขึ้น

ไม่เพียงแค่ในมุมของการสร้างนวัตกรรม หากมองในมุมของการใช้ชีวิตประจำวัน การมีทักษะโค้ดดิ้งจะช่วยให้เราเข้าใจกลไกและกระบวนการทำงานของเทคโนโลยีที่เราใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานสมาร์ตโฟน การจัดการข้อมูลในคอมพิวเตอร์ หรือการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นในระบบต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยให้เราปรับตัวกับโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจเกิดใหม่สมัยนี้ก็ต้องอาศัยการพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากคุณมีทักษะเขียนโค้ด คุณย่อมได้เปรียบในการริเริ่มไอเดียส่วนตัว สร้างแบรนด์ และดึงดูดผู้ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องจ้างคนอื่น ช่วยประหยัดต้นทุนได้อีกทางหนึ่งด้วย

ประโยชน์ของการเรียนโค้ดดิ้ง

การเรียนโค้ดดิ้งไม่เพียงแต่เปิดประตูสู่การประกอบอาชีพในสายเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการพัฒนาทักษะที่มีคุณค่าในแง่มุมต่างๆ ของชีวิต การเขียนโค้ดช่วยส่งเสริมการคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) และความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) เพราะเราจะต้องระบุปัญหา วางแผนกระบวนการแก้ไข และจัดการรายละเอียดต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

อีกหนึ่งประโยชน์สำคัญของการเรียนโค้ดดิ้งคือ การเสริมสร้างทักษะการแก้ปัญหา (Problem-Solving Skill) เพราะทุกครั้งที่โค้ดของเราเกิดข้อผิดพลาด (Bug) เราต้องใช้ไหวพริบในการสืบหาต้นตอของปัญหา และหาวิธีแก้ไขโดยไม่ทำให้ส่วนอื่นเสียหาย กระบวนการนี้จะทำให้เราเก่งขึ้นในด้านการวิเคราะห์และพัฒนาแนวทางแก้ไขอย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

ในมุมของการสื่อสาร การเขียนโค้ดก็เป็นรูปแบบการสื่อสารอีกประเภทหนึ่ง ที่ต้องอาศัยความชัดเจน ความเป็นเหตุเป็นผล และการอธิบายให้เครื่องจักรเข้าใจได้อย่างไม่คลุมเครือ แม้ภาษาคอมพิวเตอร์จะดูแตกต่างจากภาษาที่เราใช้สื่อสารกัน แต่หลักการระบุคำสั่งอย่างเป็นระบบกลับเป็นประโยชน์ที่สามารถประยุกต์ใช้กับการทำงานเป็นทีม หรือการทำโครงการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในอนาคต

นอกจากนี้ เมื่อคุณสามารถเขียนโค้ดได้ คุณจะมีโอกาสต่อยอดไปสู่การสร้างผลงานที่จับต้องได้ เช่น การพัฒนาเว็บไซต์ การสร้างเกม หรือแม้แต่การทำแอปพลิเคชันส่วนตัวที่สามารถสร้างรายได้ การมีผลงานจริงจะทำให้คุณเห็นคุณค่าในสิ่งที่เรียน และยังเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากในการยื่นสมัครงานหรือร่วมทีมสตาร์ตอัปที่ต้องการบุคลากรด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะ

ทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นโค้ดดิ้ง

  1. ความสามารถในการคิดเชิงตรรกะ (Logical Thinking): สิ่งแรกที่จำเป็นสำหรับนักโค้ดมือใหม่คือ “การคิดเป็นลำดับขั้นตอน” เพราะการโค้ดคือการสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามลำดับโครงสร้างที่กำหนด หากคุณไม่วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ก็ยากที่จะเขียนโค้ดให้รันได้อย่างราบรื่น
  2. พื้นฐานคณิตศาสตร์ (Mathematics Basics): แม้ในปัจจุบันจะมีเครื่องมือและภาษาโปรแกรมที่ช่วยให้การเขียนโค้ดง่ายขึ้น แต่คณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐาน เช่น การบวก ลบ คูณ หาร หรือการเข้าใจสมการเชิงเส้น ก็ยังเป็นรากฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการเขียนโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณ วิเคราะห์ข้อมูล หรือการเขียนอัลกอริทึม
  3. ภาษาอังกฤษ (English Proficiency): เพราะเอกสารหรือคลังข้อมูลเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบภาษาอังกฤษ การมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีจะทำให้คุณค้นคว้าข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น อ่านและทำความเข้าใจโค้ดตัวอย่าง รวมถึงถาม–ตอบในฟอรัมต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. ทักษะการค้นคว้า (Research and Self-Learning): หนึ่งในสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับสายโค้ดคือความสามารถในการค้นหาและทดลองแก้ปัญหาด้วยตนเอง เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตำราเรียนอาจไม่เพียงพอ คุณจึงต้องเป็นคนที่พร้อมจะก้าวตามเทรนด์และอัปเดตความรู้ใหม่อยู่เสมอ

ภาษาโปรแกรมยอดนิยมสำหรับมือใหม่

  1. Python: Python เป็นภาษาที่มือใหม่สามารถเรียนรู้ได้ง่าย เนื่องจากโครงสร้างภาษาค่อนข้างเรียบง่ายและอ่านเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาเว็บ รวมถึงงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) การเริ่มต้นด้วย Python ทำให้คุณมีพื้นฐานที่แข็งแรงและสามารถต่อยอดไปทำงานเฉพาะทางได้หลายประเภท
  2. JavaScript: JavaScript ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการพัฒนาเว็บไซต์ และเป็นภาษาหลักในการทำงานด้าน Front-End ร่วมกับ HTML และ CSS นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปใช้ในการพัฒนา Back-End ผ่าน Node.js ได้อีกด้วย ความหลากหลายของ JavaScript ทำให้คุณสร้างเว็บแอปพลิเคชันได้ทั้งส่วนหน้าและส่วนหลัง นับเป็นภาษาที่ตอบโจทย์ทั้งมือใหม่และมืออาชีพที่ต้องการสร้างโปรเจกต์เว็บอย่างครบวงจร
  3. Java: Java เป็นภาษาที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีความเสถียรและปลอดภัย มักถูกใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันระดับองค์กร ระบบธนาคาร และแอปมือถือ (โดยเฉพาะบน Android) หากคุณต้องการสร้างโปรแกรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง หรือมุ่งหวังที่จะทำงานในองค์กรใหญ่ Java คือทางเลือกที่คุ้มค่ากับการลงทุนลงแรงในการเรียนรู้อย่างแน่นอน
  4. C++: แม้จะเป็นภาษาที่อาจยากกว่า Python หรือ JavaScript ในแง่ของโครงสร้าง แต่ C++ ก็ยังเป็นภาษาพื้นฐานที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง นิยมใช้ในการพัฒนาเกม ซอฟต์แวร์ระบบ และโปรแกรมที่ต้องการประสิทธิภาพด้านการประมวลผลสูง หากคุณต้องการความเข้าใจลึกซึ้งในระบบคอมพิวเตอร์ และอยากฝึกการคิดเชิงโครงสร้าง C++ จะเป็นครูที่ดีสำหรับคุณ

วิธีการเรียนโค้ดดิ้งอย่างมีประสิทธิภาพ

การเริ่มต้นเรียนโค้ดดิ้งให้ได้ผล ไม่ได้มีเพียงสูตรตายตัว แต่ละคนอาจเหมาะกับแนวทางแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม มีหลักการพื้นฐานบางอย่างที่สามารถประยุกต์ใช้ได้เสมอ

  1. เริ่มจากพื้นฐาน อย่ารีบข้ามไปทำเรื่องยาก คุณควรเข้าใจหลักการเบื้องต้น เช่น ตัวแปร (Variable) ฟังก์ชัน (Function) เงื่อนไข (Condition) หรือวลีย้ำซ้ำ (Loop) ให้ดีก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นกระดูกสันหลังของทุกภาษาคอมพิวเตอร์ หากคุณเข้าใจจุดนี้ การเปลี่ยนไปเรียนภาษาอื่นในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องยาก
  2. ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ลองทำโค้ดตัวอย่าง สร้างโปรเจกต์เล็กๆ เพื่อทดลองมือ และแก้บักด้วยตนเอง ยิ่งคุณฝึกลงมือเขียนจริงมากเท่าไร คุณยิ่งเก่งขึ้นเร็วขึ้น เพราะการเขียนโค้ดเป็นทักษะปฏิบัติที่ต้องอาศัยประสบการณ์ ไม่ใช่แค่เรียนรู้ทฤษฎีผ่านการอ่านหรือชมวิดีโอเท่านั้น
  3. การเข้าร่วมชุมชนนักพัฒนา (Developer Community) ไม่ว่าจะเป็นการเข้ากลุ่มออนไลน์หรือฟอรัมเฉพาะทาง คุณจะได้แลกเปลี่ยนความรู้ ได้คำปรึกษาจากผู้มีประสบการณ์ และอาจได้เพื่อนร่วมทางที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับมือใหม่

ขั้นตอนปฏิบัติจริงในการเขียนโค้ด

  1. วางแผนโปรเจกต์ (Planning): ก่อนจะเริ่มโค้ด ให้กำหนดขอบเขตของงานอย่างชัดเจน เช่น ต้องการสร้างฟังก์ชันอะไรบ้าง ข้อมูลรับเข้าและผลลัพธ์เป็นอย่างไร แล้วเลือกภาษาที่เหมาะสมกับเป้าหมาย เมื่อคุณมีเป้าหมายชัด ก็จะประหยัดเวลาในการพัฒนาและลดความผิดพลาดระหว่างทำงาน
  2. เขียนโค้ดทีละส่วน (Modular Development): แทนที่จะเขียนโค้ดยาวๆ รวดเดียว ให้แบ่งงานออกเป็นส่วนย่อย (Module) เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลและแก้ไข การเขียนโค้ดทีละส่วนและทดสอบเป็นระยะ จะช่วยคุณตรวจสอบปัญหาได้ทันที ทำให้ไม่ต้องเสียเวลามากหากพบข้อผิดพลาดในภายหลัง
  3. ทดสอบและปรับปรุง (Testing and Debugging): หลังจากเขียนโค้ดครบทุกส่วนแล้ว ขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้กันคือการทดสอบ ควรลองใส่ข้อมูลหลากหลายประเภทหรือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเพื่อดูว่าโค้ดทำงานถูกต้องไหม หากเกิดบักให้ทำการดีบัก (Debug) แก้ปัญหาอย่างละเอียด และปรับปรุงโค้ดให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้

อนาคตและโอกาสทางอาชีพในสายงานโค้ดดิ้ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกกำลังเดินหน้าไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Internet of Things (IoT), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), หรือเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องอาศัยความสามารถของนักโค้ดเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และปรับปรุงระบบเดิมให้ก้าวทันยุค

ตลาดงานโค้ดดิ้ง มีแนวโน้มเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในรูปแบบพนักงานประจำ (Full-Time) ฟรีแลนซ์ (Freelance) หรือแม้แต่การเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี หลายบริษัททั้งใหญ่และเล็กต่างต้องการผู้ที่เข้าใจเทคโนโลยีเชิงลึกเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับการบริหารข้อมูล กระบวนการผลิต หรือการจัดการบริการลูกค้า คนที่มีทักษะโค้ดดิ้งจึงมีทางเลือกกว้างขวางในการสร้างเส้นทางอาชีพของตัวเอง

ไม่เพียงแค่ในสายงานไอทีแบบตรงๆ เช่น นักพัฒนาเว็บหรือนักพัฒนาแอปพลิเคชัน แต่ทักษะการเขียนโค้ดยังสามารถประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่การตลาด การเงิน การแพทย์ ไปจนถึงวงการบันเทิง การมีความรู้ด้านโค้ดดิ้งจะเป็นจุดแข็งที่ช่วยให้คุณโดดเด่นในการทำงาน และเข้าใจโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดจากการผสมผสานเทคโนโลยีกับธุรกิจ

หากคุณสนใจที่จะต่อยอดไปในระดับสูง เช่น การวิจัยและพัฒนา (R&D) หรือการเป็นผู้ประกอบการเทคสตาร์ตอัป การมีพื้นฐานโค้ดดิ้งที่แข็งแกร่งยิ่งจะเปิดประตูให้คุณสามารถสร้างโปรดักต์ของตัวเองได้ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ต้องพึ่งพาทีมงานใหญ่และต้นทุนสูง นำไปสู่การทดลองไอเดียได้อย่างคล่องตัวและปรับปรุงจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพออกสู่ตลาดจริง

ทิ้งท้าย

โค้ดดิ้ง (Coding) เป็นมากกว่าการเขียนโปรแกรมเพื่อสร้างแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ แต่คือทักษะสำคัญในการคิดเชิงวิเคราะห์ การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และการทำงานอย่างสร้างสรรค์ ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว การมีพื้นฐานโค้ดดิ้งจึงเป็นเหมือนการพกอาวุธลับติดตัว ที่จะช่วยให้คุณปรับตัวและก้าวทันโลกอยู่เสมอ

หากคุณกำลังลังเลที่จะเริ่มศึกษา ลองมองหาแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ คอร์สฟรี หรือคู่มือที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน อย่าลืมวางแผนให้ชัดเจนและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการเข้าร่วมชุมชนนักพัฒนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ แน่นอนว่าในช่วงแรกคุณอาจต้องผ่านอุปสรรคและแก้บักบ่อยครั้ง แต่สิ่งเหล่านั้นจะหล่อหลอมให้คุณแข็งแกร่งขึ้นและสนุกกับการพัฒนาไอเดียของตัวเองมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดนี้ หากบทความนี้ช่วยให้คุณมองเห็นความสำคัญของโค้ดดิ้งและทักษะที่จำเป็นได้ชัดเจนขึ้น อย่าลืมแบ่งปันบทความให้เพื่อนหรือคนรู้จักที่อาจสนใจ พร้อมคอมเมนต์แลกเปลี่ยนความเห็นหรือถามคำถามเพิ่มเติม เราหวังว่าคุณจะได้รับแรงบันดาลใจ และเริ่มต้นเส้นทางการเขียนโค้ดไปพร้อมๆ กับโลกเทคโนโลยีที่ไร้ขีดจำกัด!

ขอให้ทุกท่านสนุกกับการเขียนโค้ด และขอให้ “โค้ดดิ้ง” เป็นกุญแจดอกใหม่ที่เปิดประตูสู่อนาคตของคุณอย่างสง่างาม!

Advertisement
กดเพื่ออ่านต่อ
Advertisement

NaniTalk S.

เป็นนักเขียนที่ขยันขันแข็งและมุ่งมั่นที่จะผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ เรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ เชื่อว่าเนื้อหาที่ดีสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button