ความรู้ Tech

เปรียบเทียบ 5G กับ Wi-Fi 5 แตกต่างกันอย่างไร?

ในโลกยุคดิจิทัลที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน คำว่า “Wi-Fi 5” และ “5G” เริ่มกลายเป็นคำที่หลายคนคุ้นเคยกันดี แต่ความหมายของคำเหล่านี้ยังคงสร้างความสับสนให้กับบางคนอยู่บ้าง เนื่องจากไม่ได้บอกเพียงแค่ว่าเป็นวิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย แต่ยังรวมไปถึงเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากขึ้นด้วย

การเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง 5G และ Wi-Fi 5 จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราสามารถเลือกใช้งานเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงการทำงาน ข้อดี และข้อเสียของทั้งสองระบบการเชื่อมต่อแบบไร้สายนี้

การใช้งานข้อมูลมือถือเทียบกับ Wi-Fi

ทั้งข้อมูลมือถือและ Wi-Fi ใช้คลื่นวิทยุในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับอินเทอร์เน็ต แต่มีข้อแตกต่างหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำงานและความสามารถของทั้งสองเทคโนโลยี

การเชื่อมต่อผ่านข้อมูลมือถือ เช่นที่ใช้กับเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออย่าง Verizon, T-Mobile และ AT&T ในสหรัฐฯ ทำงานผ่านเสาสัญญาณโทรศัพท์ขนาดใหญ่ที่ส่งข้อมูลไปยังโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์เสริมอัจฉริยะ และอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ข้อดีของข้อมูลมือถือคือความปลอดภัย เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อที่มีการเข้ารหัส ทำให้มีความปลอดภัยมากกว่า Wi-Fi ในหลายกรณี

Advertisement

สำหรับการใช้ Wi-Fi ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะติดตั้งโมเด็มเพื่อสร้างเครือข่ายแบบใช้สายภายในอาคาร เช่น บ้านหรือห้องสมุด เมื่อมีการเชื่อมต่อโมเด็มกับเราเตอร์ เราเตอร์จะกระจายสัญญาณจากโมเด็มไปยังอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ซึ่งบางครั้งโมเด็มและเราเตอร์อาจรวมอยู่ในอุปกรณ์เดียวกันเพื่อความสะดวกในการใช้งาน

5G คืออะไร?

5G คืออะไร?

5G เป็นเทคโนโลยีเครือข่ายเซลลูลาร์ไร้สายรุ่นที่ 5 ที่พัฒนามาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1980 โดย 5G ใช้คลื่นความถี่มิลลิเมตร (mmWave) ร่วมกับคลื่นความถี่กลางและต่ำที่ใช้งานใน 4G ทำให้มีความเร็วและความหน่วงเวลาต่ำกว่าที่เคยมีมาก่อน

คลื่น mmWave นั้นสามารถให้ความเร็วสูงและความหน่วงเวลาที่ต่ำกว่าคลื่นที่ใช้ใน 4G ซึ่งความเร็วของ 4G นั้นมีสูงสุดประมาณ 50Mbps ในสถานการณ์ใช้งานจริง แต่ 5G สามารถให้ความเร็วในการดาวน์โหลดระหว่าง 50Mbps ไปจนถึงกว่า 3Gbps

นอกจากนี้ 5G ยังมีความสามารถในการจัดการอุปกรณ์ได้มากขึ้นพร้อมกัน ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในยุคที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือหลายแห่งจึงเริ่มให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านผ่านเครือข่าย 5G เป็นทางเลือกใหม่ให้กับการใช้งานอินเทอร์เน็ตแทนไฟเบอร์ออปติกและเคเบิล

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของเทคโนโลยี 5G คือคลื่น mmWave นั้นมีความไวต่อสัญญาณรบกวนได้ง่าย เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมได้ติดตั้งสถานีฐานขนาดเล็กที่เรียกว่า “small cells” รวมถึงเทคโนโลยี Massive MIMO และการบีมฟอร์มมิ่ง เพื่อเสริมความแข็งแรงและทิศทางของสัญญาณไร้สาย

Wi-Fi 5 คืออะไร?

Wi-Fi 5 คืออะไร?

Wi-Fi 5 หรือที่รู้จักในมาตรฐาน IEEE ว่า 802.11ac เป็นรุ่นที่ 6 ของเทคโนโลยี Wi-Fi นับตั้งแต่ Wi-Fi รุ่นแรกที่เปิดตัวในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ซึ่ง Wi-Fi 5 เป็นรุ่นที่ 2 ของเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานความถี่ 2.4GHz และ 5GHz ได้พร้อมกัน

แม้ว่าจะใช้คลื่นความถี่เดียวกัน แต่ Wi-Fi 5 มีความเร็วสูงกว่า Wi-Fi 4 มาก และมีความหน่วงเวลาที่ต่ำกว่า ความเร็วตามทฤษฎีของ Wi-Fi 5 สูงถึง 1,300Mbps ซึ่งมากกว่า Wi-Fi 4 ที่มีความเร็วสูงสุด 600Mbps อย่างไรก็ตาม ความเร็วที่ใช้งานได้จริงจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และสถานที่ตั้ง

Wi-Fi 5 ยังนำเสนอเทคโนโลยี MU-MIMO (Multiple-User MIMO) ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวได้พร้อมกัน ซึ่งแตกต่างจาก SU-MIMO (Single-User MIMO) ที่ใช้ใน Wi-Fi 4 ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อได้เพียงอุปกรณ์เดียวต่อครั้ง

อินเทอร์เน็ตบ้าน 5G เทียบกับ Wi-Fi 5

เราท์เตอร์ 5G และเราท์เตอร์ Wi-Fi 5 ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้นคุณจะไม่สามารถสลับการใช้งานระหว่างสองระบบนี้ได้ทันที เราท์เตอร์ Wi-Fi จะทำงานโดยการเชื่อมต่อกับโมเด็มแบบใช้สาย และใช้เราเตอร์แยกหรือในตัวเพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ แบบไร้สาย

ในขณะที่เราท์เตอร์ 5G นั้นมีโมเด็มในตัวที่สามารถรับสัญญาณ 5G จากเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือและกระจายสัญญาณไปยังบ้านหรือธุรกิจของคุณ นี่เป็นเหตุผลที่ Wi-Fi นั้นต้องได้รับจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ 5G อินเทอร์เน็ตบ้านนั้นจะได้รับผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ

ควรสังเกตด้วยว่าในปัจจุบัน Wi-Fi ได้พัฒนามาถึงรุ่น Wi-Fi 7 แล้ว ซึ่งลดปัญหาการรบกวนสัญญาณ มีมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ๆ และมีเทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยให้การเชื่อมต่อเร็วขึ้น ความเร็วสูงสุดตามทฤษฎีของ Wi-Fi 7 นั้นอยู่ที่ 46Gbps ซึ่งมากกว่า Wi-Fi 5 และ 5G

อย่างไรก็ตาม Wi-Fi 5 ยังคงเป็นมาตรฐานที่ใช้งานอยู่ และแม้ว่าอุปกรณ์ที่รองรับ Wi-Fi 5, Wi-Fi 6 และ 6E จะสามารถใช้งานร่วมกับเครือข่าย Wi-Fi 7 ได้ แต่ก็จะไม่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดที่ Wi-Fi 7 สัญญาไว้

ทิ้งท้าย

ทั้ง 5G และ Wi-Fi 5 มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน 5G มีความเร็วและประสิทธิภาพที่สูงกว่าในการใช้งานภายนอกบ้าน แต่ Wi-Fi 5 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือสำหรับการใช้งานในบ้าน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายและเสถียรภาพที่ดีกว่า การทำความเข้าใจเทคโนโลยีทั้งสองนี้จะช่วยให้คุณเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Advertisement

กดเพื่ออ่านเพิ่มเติม
Advertisement

Tanjen S.

ติดตามข่าวสารล่าสุดในวงการไอทีและเกมส์ วิเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอเป็นบทความข่าวที่น่าสนใจ อ่านง่าย และเข้าใจง่าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button