นิสสันก้าวเข้าสู่ธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Ford, BMW และ Honda โดยเข้าร่วมเป็นนักลงทุนรายสำคัญในบริษัท ChargeScape ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาระบบการเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าและโครงข่ายไฟฟ้า (V2G) เพื่อให้การชาร์จแบตเตอรี่ที่บ้านสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ธุรกิจนี้ไม่ได้เพียงแค่เน้นการชาร์จแบตเตอรี่เท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการส่งพลังงานกลับเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีความต้องการพลังงานสูงได้อีกด้วย
หลังจากการลงทุนเสร็จสิ้น นิสสันมีแผนที่จะขยายบริการของ ChargeScape ไปยังลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยการลงทุนครั้งนี้ทำให้นิสสันมีส่วนร่วมในธุรกิจที่คาดว่าจะมีความสำคัญในการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าและช่วยลดต้นทุนการใช้พลังงานสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
ChargeScape ก่อตั้งขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยเริ่มดำเนินงานในเดือนกันยายน บริษัทได้พัฒนาซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มที่สามารถสื่อสารกับรถยนต์ไฟฟ้าและบริษัทไฟฟ้าต่างๆ ได้โดยไร้สาย ซอฟต์แวร์นี้ช่วยให้การชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการจัดลำดับการชาร์จในช่วงเวลาที่มีการใช้พลังงานสูง หรือแม้กระทั่งการส่งพลังงานที่เก็บในแบตเตอรี่กลับเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าเพื่อช่วยลดภาระของระบบในช่วงเวลาที่มีการใช้พลังงานอย่างหนัก
สำหรับผู้ที่ใช้บริการของ ChargeScape การให้พลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้ากลับสู่โครงข่ายไฟฟ้าสามารถเป็นโอกาสในการประหยัดค่าใช้จ่ายได้ โดยที่ระบบสามารถหยุดการชาร์จชั่วคราวเพื่อให้พลังงานกลับไปยังบริษัทไฟฟ้าในพื้นที่ ทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้รับค่าตอบแทนจากการขายพลังงานกลับ
นิสสันไม่ใช่หน้าใหม่ในเทคโนโลยีการชาร์จไฟแบบสองทาง (Bidirectional Charging) บริษัทเริ่มนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ตั้งแต่ปี 2012 โดยเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Leaf ที่ได้รับความนิยมในช่วงนั้น นวัตกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้สามารถชาร์จรถยนต์ได้อย่างสะดวกสบาย แต่ยังมีความสามารถในการส่งพลังงานกลับเข้าสู่บ้านได้ในกรณีที่เกิดเหตุไฟดับ เทคโนโลยีนี้เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้นิสสันเป็นผู้นำในวงการรถยนต์ไฟฟ้า
การฟื้นตัวของมาตรฐานการชาร์จ CHAdeMO ที่ใช้ในรถยนต์นิสสันได้รับการผลักดันอีกครั้งจาก Fermata Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบ V2G เพื่อสนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มที่ในวงกว้าง นอกจากนี้ การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและการส่งพลังงานกลับยังเป็นเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก
ความร่วมมือครั้งนี้ระหว่างนิสสันกับ Ford, BMW และ Honda สะท้อนให้เห็นถึงการรวมพลังของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำเพื่อพัฒนาโซลูชั่นพลังงานที่ชาญฉลาดและเป็นประโยชน์ต่อทั้งเจ้าของรถยนต์และโครงข่ายไฟฟ้า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในด้านการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้ และยังเป็นการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดในอนาคต
นอกจากนี้ เทคโนโลยี V2G ยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดภาระของโครงข่ายไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีการใช้พลังงานสูง ผู้ใช้งานสามารถเลือกให้ระบบส่งพลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่รถยนต์กลับเข้าสู่โครงข่าย ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความยั่งยืนของระบบไฟฟ้า แต่ยังช่วยให้เจ้าของรถยนต์มีรายได้เพิ่มเติมจากการขายพลังงานกลับสู่ระบบได้อีกด้วย
การเข้าร่วมลงทุนใน ChargeScape ของนิสสันเป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงแต่เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังส่งผลให้เกิดการพัฒนาระบบการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในระดับโลก ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำอย่าง Ford, BMW และ Honda กับนิสสันในครั้งนี้จะสร้างโอกาสใหม่ในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนในอนาคต