![บุญข้าวประดับดิน ความเชื่อที่สืบต่อกันมาแต่โบราณกาล!](/wp-content/uploads/2022/06/Boon-Khao-Pradabdin-1.jpg)
เคยไหม? ที่ย่างเท้าสู่ดินแดนอีสานในยามค่ำเดือนเก้า สายหมอกกรุ่นกรอบโอบล้อมทุ่งนา เสียงลมพัดผ่านใบข้าวพึมพำคล้ายบทเพลงโบราณ ภาพวิถีชีวิตเรียบง่าย ผสานความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดวาอารามเก่าแก่ ณ ที่แห่งนี้เอง ที่ซ่อนประเพณีลึกล้ำ งดงาม ชวนค้นหา นั่นคือ “บุญข้าวประดับดิน”
เตรียมตัวก้าวเข้าสู่โลกแห่งความกตัญญู บุญกุศลที่ลอยฟ่องจากข้าวหอมมะลิ ขนมหวาน ผลไม้ หมากพลู ยามค่ำคืน ชาวบ้านจะนำ “ยายห่อข้าวน้อย” เหล่านี้ วางไว้ตามโคนต้นไม้ รอบโบสถ์ เพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ วิญญาณไร้ญาติ สัมภเวสี กลิ่นหอมกรุ่นฟุ้งไปทั่ว ผสานกับเสียงสวดมนต์บทกรองกรรม สร้างบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ ซาบซึ้ง ตราตรึงใจ
บุญข้าวประดับดิน คือ
![บุญข้าวประดับดิน](/wp-content/uploads/2022/06/Boon-Khao-Pradabdin.jpg)
การทำบุญข้าวประดับดิน ทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ญาติผู้ตาย และสัตว์นรกหรือเปรต เป็นประเพณีที่ทำเป็นประจำทุกปี เนื่องจากคนลาวและไทยอีสาน มีความเชื่อที่สืบต่อกันมาแต่โบราณกาลแล้วว่า กลางคืนของเดือนเก้าดับ (วันแรม 14 ค่ำ เดือน 9) เป็นวันที่ประตูนรกเปิด ยมบาลจะปล่อยให้ผีนรกออกมาเยี่ยมญาติในโลกมนุษย์ ในคืนนี้คืนเดียวเท่านั้นในรอบปี จึงพากันจัดห่อข้าวไว้ให้แก่ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้ว ถือว่าเป็นงานบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงอุทิศส่วนกุศลให้กับสัตว์นรก หรือเปรต
มีเรื่องเล่าความเป็นมาว่า ญาติของพระเจ้าพิมพิสาร กินของสงฆ์ เมื่อตายแล้วไป เกิดในนรก ครั้นพระเจ้าพิมพิสารถวายทานแด่พระพุทธเจ้าแล้ว มิได้อุทิศให้ญาติที่ตาย กลางคืนพวกญาติที่ตายมาแสดงตัว เปล่งเสียงน่ากลัวให้ปรากฏใกล้พระราชนิเวศน์ รุ่งเช้าได้เสด็จไปทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทูลเหตุให้ทราบ พระเจ้าพิมพิสารจึงถวายทานอีก แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติที่ตายไปจึงได้รับส่วนกุศล
อาหารที่ใส่กระทงบุญข้าวประดับดินใส่อะไรบ้าง
![อาหารที่ใส่กระทงบุญข้าวประดับดินใส่อะไรบ้าง](/wp-content/uploads/2022/06/Boon-Khao-Pradabdin-2.jpg)
- ข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ ข้าวสวย
- เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อหมู ใส่ลงไปเล็กน้อย
- กล้วย น้อยหน่า ฝรั่ง มะละกอ มันแกว อ้อย องุ่น มะละกอสุก ส้ม แอปเปิ้ล ละมุด เงาะ ขนมชั้น วุ้น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขุน หรือขนมหวานอื่น ๆ ลงไป
- หมากหนึ่งคำ บุหรี่หนึ่งมวน เมี่ยงหนึ่งคำ
- น้ำเปล่า
พิธีกรรมบุญข้าวประดับดินมีอะไรบ้าง
- วันแรม 13 ค่ำ เดือน 9 ชาวบ้านจะเตรียมข้าวต้ม ขนม อาหารคาวหวาน หมาก พลู และบุหรี่ไว้ 4 ส่วน ส่วนหนึ่งเลี้ยงดูกันภายในครอบครัว ส่วนที่สองแจกให้ญาติพี่น้อง ส่วนที่สามอุทิศให้ญาติที่ตายไปแล้ว และส่วนที่สี่นำไปถวายพระสงฆ์ ในส่วนที่สาม ญาติโยมจะห่อข้าวน้อย ซึ่งมีวิธีการห่อคือ ใช้ใบตองห่อขนาดเท่าฝ่ามือ ส่วนความยาวนั้นให้ยาวสุดซีกของใบตอง
- วันแรม 14 ค่ำ เดือน 9 ชาวบ้านจะไปวัดตั้งแต่เวลาตี 4 เพื่อนำสิ่งของที่เตรียมไว้จัดใส่กระทง หรือเย็บเป็นห่อเหมือนข้าวสากไปวางอุทิศส่วนกุศลตามที่ต่าง ๆ ซึ่งการวางแบบนี้ เรียกว่า การวางห่อข้าวน้อย แต่หากเป็นการนำไปวางในวัด จะเรียกว่า การยาย (วางเป็นระยะ ๆ ) ห่อข้าวน้อย ซึ่งเวลานำไปวางจะพากันไปทำอย่างเงียบ ๆ ไม่มีการตีฆ้อง ตีกลองแต่อย่างใด
- หลังจากวางเสร็จแล้ว ชาวบ้านจะกลับบ้านเพื่อเตรียมอาหารทำบุญที่วัดอีกทีหนึ่งในตอนเช้า เมื่อพระสงฆ์ฉันเช้าเสร็จก็จะเทศน์ฉลองบุญข้าวประดับดิน ต่อจากนั้น ชาวบ้านจะนำปัจจัยไทยทานถวายแด่พระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์ให้พรเสร็จ ชาวบ้านที่มาทำบุญก็จะกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติผู้ที่ล่วงลับไปแล้วทุก ๆ คน
สรุป
สายลมเดือนเก้าพัดโชย เคล้ากลิ่นควันธูปหอมกรุ่น บรรยากาศแห่งบุญคล้องผสมกับความเชื่อ บอกเล่าเรื่องราว “บุญข้าวประดับดิน” ประเพณีโบราณที่สืบทอดมาช้านาน ชาวอีสานร่วมแรงร่วมใจ ห่อข้าว ห่อขนม ห่อความห่วงหา ใต้ร่มโบสถ์ โคนต้นไม้ใหญ่ ส่งต่อกุศลไปถึงผู้ล่วงลับ
มากกว่าพิธีกรรม บุญข้าวประดับดินคือสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงระหว่างโลกนี้กับโลกหน้า ระหว่างคนเป็นกับคนตาย ระหว่างความมีกับความไร้ เป็นบทสะท้อนของน้ำใจไมตรี เมตตา กรุณา ที่หยั่งรากลึกในวิถีอีสาน หากคุณอยากสัมผัสความอบอุ่น ซาบซึ้งในประเพณี ช่วงวันแรม 14 ค่ำ เดือนเก้า ลองเดินทางไปยังอีสาน สักการะพระ ร่วมทำบุญ
แล้วคุณจะพบว่า ไม่ใช่แค่ข้าวเท่านั้นที่ประดับดิน แต่จิตใจของพวกเราก็ประดับไว้ด้วยสายใยแห่งความกตัญญู กุศลกรรมที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จะคงอยู่เนิ่นนาน ตราบเท่าสายธารแห่งความเชื่อยังหล่อเลี้ยงผืนอีสาน