14 กันยายน 2066 สมเด็จพระสันตะปาปา เอเดรียนที่ 6 (Pope Adrian VI) สิ้นพระชนม์ พระองค์มีพระนามเดิมว่า เอเดรียน ฟลอริสซ์ โบเยนส์ (Adrian Florisz Boeyens)
สมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6
สมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6 (2 มีนาคม ค.ศ. 1459 – 14 กันยายน ค.ศ. 1523) มีพระนามเดิมว่า Adrian Florisz Boeyens ทรงดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1522 จนกระทั่งสิ้นพระชนม์. พระองค์ประสูติที่ยูเทรกท์ ในดินแดนที่เป็นประเทศเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบัน (สมัยนั้น ประชาชนแถบเมืองอูเทร็คท์พูดภาษาเยอรมันและเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) บรรพบุรุษของพระองค์ก็อพยพมาจากเยอรมนี ดังนั้นในปัจจุบันจึงถือกันว่าพระองค์เป็นทั้งชาวดัชท์และชาวเยอรมัน โดยพระองค์เป็นสมเด็จพระสันตปาปาองค์สุดท้ายที่ไม่ได้มาจากอิตาลี ถ้าไม่นับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 (ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1978-2005) นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นพระสันตะปาปาเพียงพระองค์เดียวที่มาจากเนเธอร์แลนด์ และองค์สุดท้ายที่เป็นชาวเยอรมัน (ก่อนหน้าสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 อีกด้วย) พระองค์เป็นที่รู้จักจากการที่พระองค์พยายามต่อต้านนิกายโปรเตสแตนต์ โดยการปรับปรุงนิกายโรมันคาทอลิกให้เคร่งครัดน่าเลื่อมใสยิ่งขึ้น.
พระองค์ประสูติในเมืองยูเทรกท์ พระนามเดิมของพระองค์นั้นเขียนได้ต่าง ๆ กันไป เช่น Adriaan Florisz, A. Florisz Boeyens, A. Florens หรืออื่น ๆ คำว่า ‘Florens’ หรือ ‘Florisz’ หมายถึง บุตรของ Floris
พระองค์ศึกษาวิชาเทววิทยา ปรัชญา และกฎหมายศาสนจักร ณ มหาวิทยาลัย Leuven โดยได้รับการสนับสนุนด้วยเงินทุนจากมาร์กาเรตแห่งเบอร์กันดี และสำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาเอกสาขาเทววิทยา ในปี ค.ศ. 1491. ได้ดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีแห่งวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์ และรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัย Leuven
ในปี ค.ศ. 1507 พระองค์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอาจารย์ของคาร์ล (ขณะนั้นอายุ 7 ปี) พระนัดดาในจักรพรรดิมักซีมีเลียนแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคาร์ลผู้นี้จะได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์. ต่อมาในปี ค.ศ. 1515 พระองค์ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจการทูตในสเปน เมื่อมาถึงเมืองโตเลโดในสเปน พระองค์ก็ได้ปกครองมุขมณฑลตอร์โตซา ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1516 พระองค์ก็ได้เป็นหัวหน้าผู้สอบสวนทางศาสนาแห่งอรากอน ปีต่อมสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 10ได้แต่งตั้งพระองค์เป็นพระคาร์ดินัล.
เมื่อจัจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ร่วมกับพระคาร์ดินัล Jimenez. หลังจากที่พระคาร์ดินัล Jimenez ถึงแก่กรรมลง พระองค์ก็ได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าผู้สอบสวนทางศาสนาแห่งกาสตีลและอารากอนในวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1518 (พระองค์ดำรงตำแหน่งนี้ไปจนถึงเมื่อพระองค์ได้รับเลือกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาในปี ค.ศ. 1522) ในปี ค.ศ. 1520 จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 เสด็จไปยังเนเธอร์แลนด์ พระองค์ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่สเปน พระองค์ต้องรับมือกับการกบฏที่ใหญ่มากในครั้งนั้น
เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 สิ้นพระชนม์ลง เหล่าพระคาร์ดินัลก็จัดการเลือกตั้งขึ้น ตัวเก็งในครั้งนั้นคือ พระคาร์ดินัลจูลิโอ เดอ เมดีชี (ภายหลังได้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 7) การเลือกตั้งยืดเยื้อมาก แต่ในที่สุด ผู้ทีได้รับเลือกก็คือ สมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6 ผู้มีอายุ 63 ปีและไม่ได้ไปเข้าร่วมการเลือกตั้ง พระองค์ทำพิธีสวมมงกุฎในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1522 ในมหาวิหารนักบุญเปโตร ขณะนั้น พระองค์ก็ได้ตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะปฏิรูปศาสนา แต่ปรากฏว่าพระองค์ต้องทำการนั้นเพียงลำพัง
สิ่งที่พระองค์ตั้งใจทำมีอยู่หลายอย่าง อย่างหนึ่งที่สำคัญคือการพยายามยกเลิกการขายใบยกโทษบาป แต่พระองค์ก็ไม่สามารถทำสำเร็จได้เนื่องจากสันตะสำนักมีหนี้สินจำนวนมาก เนื่องจากการใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยของสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 10
พระองค์มีความเคร่งศาสนามาก ไม่โปรดความฟุ่มเฟือยและสิ่งสนุกสนาน ทำให้ศิลปินและนักดนตรีในกรุงโรมไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างที่เคยเป็นมา นักดนตรีและศิลปินต่างพากันย้ายออกจากกรุงโรม ส่งผลให้มาตรฐานการดนตรีและศิลปะของสันตสำนักตกต่ำลงอย่างรวดเร็วในสมณสมัยของพระองค์
พระองค์เป็นผู้ที่ปรารถนาสันติภาพคนหนึ่ง แต่พระองค์ก็ล้มเหลวในการทำให้เกิดสันติภาพในยุโรป ในปี ค.ศ. 1523 พระองค์จำต้องร่วมเป็นพันธมิตรกับอังกฤษ จักรวรรดิฯ และเมืองเวนิซในการสู้รบต่อต้านฝรั่งเศส ก่อนหน้านั้นในปี ค.ศ. 1522 สุลต่านสุไลมานที่ 1 แห่งจักรวรรดิออตโตมัน ก็เข้ายึดครองเกาะโรดส์
สำหรับเรื่องปัญหาพวกโปรแตสแตนต์ในเยอรมนี พระองค์ก็เหมือนจะไม่ทราบถึงความหนักหน่วงที่แท้จริงของปัญหา โดย ณ การประชุมที่จัดจึ้นที่นูเรมเบิร์ก พระองค์ได้ส่ง Francesco Chiericati ไปเข้าร่วมแทน ความคิดของพระองค์คือควรจะเริ่มปรับปรุงหน่วยงาน Roman Curia และปรับปรุงให้ศาสนามีความเคร่งครัด น่าเลื่อมใสมากขึ้น แต่ไม่มีใครเห็นด้วย ความเห็นส่วนมากของผู้ที่เข้าร่วมประชุมก็คือ ให้นำตัว มาร์ติน ลูเทอร์ มาลงโทษในฐานะพวกนอกรีต และไม่เห็นด้วยกับการปรับปรุงวัตรปฏิบัติต่าง ๆ
งานชิ้นหนึ่งที่สมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6 ทรงนิพนธ์ขึ้น มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า แม้สมเด็จพระสันตะปาปาก็สามารถทำผิดพลาดในด้านความเชื่อได้ (haeresim per suam determinationem aut Decretalem assurondo) แต่ชาวคาทอลิกถือว่า งานชิ้นนั้นเป็นเพียงความเห็นส่วนพระองค์ ไม่ใช่คำประกาศอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงไม่ขัดกับหลักการที่สำคัญ ที่ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาทรงไม่ผิดพลาดในประการใด ๆ
สมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6 สิ้นพระชนม์ในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1523 สมณสมัยของพระองค์ดำรงอยู่เพียงปีเศษ ๆ จึงทำให้พระองค์ไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอะไรได้
ผลงานของพระองค์จำนวนมากสูญหายไปหลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์